“อริสมันต์” สำคัญตนผิดเชื่อมีคนในรัฐบาลสั่งอุ้มแกนนำเสื้อแดง ปั่นหัวสาวกเตรียมรับมือการสร้างสถานการณ์ อ้างบุญคุณ “แม้ว” ส่งการ์ดช่วย ลั่นถูกยึด 7.6 หมื่นล้านหาใหม่เป็นแสนล้าน ด้าน “ไอ้ตู่” ขู่เอาคืนจัดชุดคุกคามสะกดรอย “มาร์ค-สุเทพ” ไปทุกแห่ง จองคิวบุก “รอยัล เชียงใหม่ กอล์ฟ” ต้อนรับ “ป๋าเปรม” เป็น ปธ.เปิด สั่งแดงชุมนุมใหญ่หลังตรุษจีน
วันนี้ (14 ม.ค.) นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง ได้แถลงที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว ถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลนำโดย ประมินทร์ รัตนประเสริฐ อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ติดตามความเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 14 มกราคมว่า นายประมินทร์ระบุว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองทำเนียบรัฐบาล รับสารภาพว่ามีคำสั่งให้อุ้มแกนนำเพื่อทำสงครามจิตวิทยากับคนเสื้อแดง จนเกิดความวุ่นวายจะเป็นช่องทางให้รัฐบาลใช้กำลังจัดการกับแกนนำที่เหลือ โดยได้มีการเตรียมชุดที่จะจัดการกับแกนนำไว้ 4 ชุด โดยชุดของ นายประมินทร์เป็นชุดที่ 2 ที่ทำหน้าที่ชี้เป้าให้อีกกลุ่มคนชุดหนึ่งดำเนินการต่ออีก ซึ่งเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของแกนนำคนเสื้อแดงอย่างรุนแรง เป็นการกระทำแบบสุนัขลอบกัด ซึ่งสำนักข่าวกรองแห่งชาติ อยู่ในสังกัดของสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ ซึ่งการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้น ไม่มีใครทำผิดกฎหมาย แต่เป็นการทำตามกรอบที่ถูกต้องเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งไม่ได้มีการหวาดกลัวใดๆทั้งสิ้น แต่การกระทำของรัฐบาลที่ใช้เจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองมาติดตามคุกคามข่มขู่คนเสื้อแดงนั้นสมควรและถูกต้องหรือไม่
“ผมได้เขียนแถลงการณ์ว่า หากรัฐบาลใช้อำนาจมืดอย่างนี้ บ้านเมืองไม่มีความสงบสุข ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลยุติการใช้รัฐธรรมนูญ 2550 แล้วนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้และนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองทุกอย่างตั้งแต่มีการรัฐประหาร โดยให้ใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและไม่สองมาตรฐาน แล้วให้มีการจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด จากนั้นให้ทุกคนทำสัตยาบรรณร่วมกันว่าจะต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง” นายอริสมันต์กล่าว
นายอริสมันต์กล่าวว่า สำหรับพี่น้องคนเสื้อแดงทั้งประเทศ ขณะนี้เป็นการทำสงครามจิตวิทยากับคนเสื้อแดง ดังนั้น คนเสื้อแดงอย่าหวั่นไหวไปกับเกมของรัฐบาล โดยไม่ต้องไปตกใจกับการที่แกนนำจะถูกทำร้าย ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมและรู้ไว้ว่าคนที่จะทำอะไรกับพวกเรานั้นคือรัฐบาล โดยมีกลุ่มอำมาตย์ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล หากเกิดอะไรขึ้นกับแกนนำขอให้พี่น้องคนเสื้อแดงรวมตัวกันให้เหนียวแน่นเพื่อขับไล่รัฐบาล และขอให้รัฐบาลเลิกพฤติกรรมโจรเช่นนี้เสีย หากอยากเห็นสงครามครั้งนี้เกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนดเราก็พร้อม ทุกที่ทุกเวลา แต่ขณะนี้ขอให้คนเสื้อแดงตอบโต้การกระทำของนายสุเทพ เหมือนกับที่นายสุเทพสั่งให้สำนักข่าวกรองกระทำกับแกนนำคนเสื้อแดง”
นายอริสมันต์กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาหาตนเมื่อวันที่ 13 มกราคม เพื่อแสดงความเป็นห่วง โดยจะช่วยหาคนมาดูแลความปลอดภัยให้ เพราะคนพวกนี้มันเลวกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ขอให้ทุกคนรักษาตัวเพราะต้องต่อสู้ครั้งใหญ่ ดังนั้น เราจะต้องทำอย่างสุขุมรอบคอบ ส่วนเรื่องคดียึกทรัพย์ของตนนั้นไม่ต้องกังวล ขอให้ต่อสู้กันไป เพราะแม้จะเป็นจำนวนเงินที่มากแต่ก็หามาได้ในช่วงที่เป็นคนธรรมดา ไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองก็ยังหามาได้เป็นแสนล้านบาท ถ้าถูกยึดไปตอนนี้ก็ยังเป็นอดีตนายกฯ ที่มีเพื่อนฝูงมากมายก็คงหาเงินได้ใหม่และมากกว่าเก่า ซึ่งการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงครั้งนี้ จะต้องแสดงให้คนทั้งโลกเห็นอำมาตย์ครอบครองประเทศ แต่ต้องระวังจะตกเป็นเหยื่อที่ถูกใส่ร้ายจากรัฐบาล
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การดำเนินการของฝ่ายความมั่นคง มีลักษณะการดำเนินการของพวกมือปืนที่จะไปสังหารฝ่ายตรงข้าม ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นแก๊งเดียวกับที่ลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 17 เมษายน จนนายสนธิต้องไปอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกาแบบไม่มีวันกลับ เป็นการกระทำแบบศาลเตี้ย ซึ่งกรณีของนายอริสมันต์ที่มีใบเสร็จ คือจับตัวได้และสารภาพอย่างเสร็จสรรพนั้น นายสุเทพและนายอภิสิทธิ์จะต้องรับผิดชอบ
“หากยังมีการติดตามคุกคามลักษณะนี้คนเสื้อแดง ก็จะจัดชุดติดตามนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ทุกที่รวมถึงที่บ้าน แบบไปไหนไปนั่น ตั้งแต่ออกจากบ้านเพื่อลองดูว่าการใช้ชีวิตแบบนี้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพจะอยู่ต่อไปอย่างไร”
นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานอคงมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ โดยมีกระแสข่าวว่า พล.อ.เปรม ได้ให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ และพร้อมที่จะพูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไม่ให้กดดันรัฐบาลในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้มันอธิบายความทั้งหมดว่า พล.อ.เปรม ได้กระทำการผิดรัฐธรรมนูญซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะในมาตราที่ระบุว่า องคมนตรีห้ามฝักใฝ่พรรคการเมือง ซึ่งเท่ากับ พล.อ.เปรม ตระบัดสัตย์ต่อคำปฏิญาณที่ให้ไว้กับพระเจ้าแผ่นดิน หากตามรายงานข่าวที่ออกมาตรงกันทุกสื่อว่า พล.อ.เปรม จะเป็นคนไปพูดกับนายบรรหาร ศิลปอาญา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นั้นถูกต้องก็แสดงว่านายอภิสิทธิ์ต้องการยืมมือ พล.อ.เปรม มาจัดการกับนายบรรหาร
“พฤติกรรมวันนี้มันลอกคราบทั้งหมดว่าคนที่เคยปล้นประชาธิปไตย วันนี้กำลังปล้นแผ่นดิน ทั้งกรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่ถือครองที่ดินเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเขตป่าสงวน และกรณีเขาสอยดาว จ.จันทบุรี ซึ่งมีการออกเอกสารสิทธิ์ ปลอมไปในที่ดินของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว เขตป่าถาวรสอยดาว และเขตป่าสงวน จนมีการฟ้องร้องกันแต่อัยการ จ.จันทบุรี กลับดองคดีนี้ไว้นับสิบปี ซึ่งทำให้เห็นเจตนาว่าจะสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ เนื่องจากเกรงกลัวประธานที่ปรึกษาธนาคารกรุงเทพ จำกัด ก็คือ พล.อ.เปรม ที่มีความผูกพันกับผู้บริหารธนาคารกรุงเทพอย่างมาก แล้วก็เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดสนามกอล์ฟแห่งนี้ด้วยตัวเอง จนไม่มีใครกล้าดำเนินการ ทั้งหมดผมมีหลักฐานชัดเจนโดยจะเปิดเผยในอีก1-2วันนี้ นอกจากนี้ยังพบว่าคนกลุ่มนี้ยังเหิมเกริมที่จะไปขอโฉนดที่ดินอีกแปลงหนึ่งบนเขาสอยดาวเพิ่มเติมอีกด้วย” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวว่า ตนยังมีหลักฐานว่า พล.อ.เปรม ยังไปเป็นประธานในพิธีเปิดสนามกอล์ฟ รอยัล เชียงใหม่ กอล์ฟ รีสอร์ท ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ใน จ.เชียงใหม่อีก โดยสนามกอล์ฟแห่งนี้จะเป็นเป้าหมายต่อไปที่คนเสื้อแดงจะไปชุมนุมเพื่อเรียกร้องที่ดินคืนให้แผ่นดินต่อการการชุมนุมที่เขาสอยดาว จ.จันทบุรี
นายจตุพรกล่าวว่า สำหรับการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น ล่าสุดตนได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดกับพวกตนว่า อย่าได้เอาเรื่องคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท มาเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาต่างๆ และให้การตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นไปอย่างอิสระ แกนนำคนเสื้อแดง จึงกำหนดที่จะชุมนุมใหญ่ก่อนที่ศาลจะมีการพิพากษา เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีใครมากล่าวหาว่าเราขาดความชอบธรรมในการชุมนุมใหญ่ โดยขณะนี้แกนนำได้กำหนดวันเป็นตุ๊กตาเอาไว้แล้ว เหลือเพียงแต่เคาะในขั้นสุดท้ายว่าจะประกาศนัดชุมนุมใหญ่เลยหรือไม่คาดว่าจะอยู่ในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ อาจจะเป็นหลังตรุษจีนไปแล้ว โดยจะพิจารณาจากการเสร็จภารกิจการชุมนุมที่สนามกอล์ฟ เขาสอยดาว และการชุมนุมที่สนามกอล์ฟ รอยัล เชียงใหม่ กอล์ฟ รีสอร์ท จ.เชียงใหม่
“ครั้งนี้คนเสื้อแดงจะต่อสู้ให้ได้รับชัยชนะ ซึ่งจะเป็นครั้งที่เดิมพันทั้งชีวิต หากพ่ายแพ้ก็มีอยู่เพียง 2 หนทาง คือ ถูกหามออกสนามรบกับการถูกจับไปขังคุกเท่านั้น ถ้าหากเราไม่สามารถขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ให้ออกไปได้ก็จะไม่มีการชุมนุมใหญ่ครั้งที่ 2 อีก แต่ผมเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้ไม่นานแล้ว” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แกนนำพรรคเพื่อไทยระบุว่าจะมีทหารพรานมาร่วมงานกับคนเสื้อแดงจำนวนกว่า 500 คนว่า ขณะนี้ไม่เพียงแต่ทหารพรานเท่านั้นที่จะมาร่วมกับคนเสื้อแดง เพราะทหารหลักที่อยู่ในกองทัพก็มีการแจ้งความจำนงมาร่วมงานกับคนเสื้อแดงอีกเป็นจำนวนมาก
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.พัลลภ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับประเทศไทยด้วยสถานการณ์พิเศษ นายจตุพรกล่าวว่า พล.อ.พัลลภ อาจจะมีการข่าวส่วนตัว แต่คนเสื้อแดงนั้น มีแนวทางของคนเสื้อแดงเองคือการที่คนจำนวนมากๆจะมาแสดงพลังร่วมกัน
นายจตุพรกล่าวว่า สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้นั้น เมื่อวันที่ 13 มกราคม ตนได้พูดคุยทำความเข้าใจกับแกนนำพรรคเพื่อไทยแล้วถึงความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย และความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ซึ่งตกลงว่าพรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจภายหลังจากเสร็จสิ้นการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงไปแล้ว
นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า ตนและพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หรือเสธ.แดง เป็นคนช่วยกันดูเรื่องกำลังพลที่จะมาสนับสนุนคนเสื้อแดง ซึ่งวันนี้คนเสื้อแดงเตรียมพร้อมอย่างสมบูรณ์แล้ว โดยแบ่งเป็น 1.ประชาชนทั่วไปที่จะเข้ามาชุมนุมใหญ่ประมาณ 1 ล้านคน 2.กองกำลังหลายฝ่าย ที่จะทำหน้าที่เป็นกองหนุนของคนเสื้อแดง ที่จะเคลื่อนพลออกมาทันทีภายใน 1 ชั่วโมงหากมีการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ซึ่งได้กระจายกำลังอยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เรียบร้อยแล้วในขณะนี้ ซึ่งจะประกอบด้วยทหารพราน ตำรวจในและนอกเครื่องแบบ ประมาณ 3 หมื่นคน ขณะที่จะมีกลุ่มอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จากภาคอีสาน ทั้งนครพนม สกลนครและสระแก้ว ไปจนถึงภาคใต้ก็มาร่วมผนึกกำลังกัน โดยล่าสุดได้มีการส่งรายชื่อมาตรวจสอบแล้วประมาณ 7-8 หมื่นคน
นายอริสมันต์กล่าวว่า การได้มาซึ่งที่ดินเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ นั้นเราพบว่าเป็นเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนการเลื่อนยศของ พล.ต.คนหนึ่งให้ได้ขึ้นเป็น พล.อ. โดย พล.อ.สุรยุทธ์ กับ พ.อ.ผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยาจะเป็นผู้ดำเนินการให้ เพื่อแลกกับการเป็นเจ้าของที่ดินยอดเขายายเที่ยง ซึ่งในกรณีเขาสอยดาวก็เหมือนกัน คือผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ เข้าไปเทกโอเวอร์มาจากลูกหนี้ของธนาคารที่เป็นเอ็นพีแอล ซึ่งเป็นการซื้อในนามของบริษัทบ้านสวนจันทบุรี แต่มีผู้บริหารส่วนใหญ่เป็นคนกลุ่มเดียวกับผู้บริหารของธนาคารกรุงเทพ แม้จะมีการฟ้องร้องกันในภายหลัง แต่ประธานที่ปรึกษาธนาคารกรุงเทพ ซึ่งก็คือ พล.อ.เปรม เป็นผู้อำนวยความสะดวกให้