“พิภพ” เผยพันธมิตรฯ ส่วนกลางเคารพสิทธิ์ชี้ขาด ผู้จัดงานการเมืองที่ จ.เชียงใหม่ แต่ฝากแง่คิดให้คำนึงถึงชีวิตประชาชนเป็นหลัก อย่าเสี่ยงจัดงานเป็นเหยื่อผู้ไม่หวังดี หลังฝ่ายความมั่นคงเตือนได้กลิ่นพวกฮาร์คคอร์จ้องป่วนเวที จนฝ่ายจัดงานพันธมิตรฯ ภาคเหนือได้ไต่ตรองข้อมูลรอบด้าน เห็นพ้องออกแถลงการณ์ยกเลิก
รายการ “ก้าวที่กล้าสู่การเมืองใหม่” ทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น.วันอาทิตย์ที่ 10 ธ.ค. มี นายอมรเทพ อมรรัตนานนท์ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาพูดคุยถึงกรณี การยกเลิกจัดงานการเมือง ที่จ.เชียงใหม่
นายพิภพกล่าวประเด็นนี้ว่า ความคิดแต่แรกของพันธมิตรฯ คือ อยากจะไปเปิดเวทีเพื่อให้ความรู้กับพี่น้องประชาชนทุกจังหวัด โดยสังเกตได้ว่าในหลายจังหวัดที่พี่น้องพันธมิตรฯ อยู่อย่างหนาแน่น กลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือที่เรียกว่า กลุ่มคนเสื้อแดงก็สามารถไปเปิดเวทีได้ ซึ่งพันธมิตรฯ คิดว่าเป็นบรรยากาศที่ดี นอกจากนี้ หลายเดือนแล้ว พี่น้องทางภาคเหนือ ไม่ว่าเป็นพันธมิตรฯ หรือกลุ่มที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการพูดคุยกันว่าในภาคเหนือทั้งหมด น่าจะให้มีบรรยากาศของการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ โดยไม่กระทบกระทั่งกัน ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่า พันธมิตรฯ ไม่เคยไม่ขัดขวางการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนี้ ในมวลชนคนเสื้อแดง ก็มีกลุ่มที่เรียกว่าฮาร์ดคอร์ หรือก็คือกลุ่มที่ชอบใช้ความรุนแรง โดยสิ่งนี้ต้องเป็นที่ยอมรับกัน และก็มีที่ยอมรับอีก เมื่อมีกระแสคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมักจะเกิดการกระตุ้นพวกหัวรุนแรง ซึ่งก็เป็นวิธีที่เข้าใจได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อที่จะเพิ่มความรุนแรงให้เกิดการต่อรองผลประโยชน์ของตัวเองในเรื่องของคดียึดทรัพย์ฯ หรือคดีที่ถูดตัดสินไปแล้ว
นายพิภพกล่าวต่อว่า ดังนั้น พี่น้องพันธมิตรฯ ภาคเหนือ พยายามจะสร้างบรรยากาศในการมีความคิดเห็นที่ต่างกัน แต่สามารถจัดเวทีด้วยกันได้ ซึ่งตนก็เคยไปเยือนภาคเหนือในหลายจังหวัด แม้ว่าจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาแสดงจุดยืนทางการเมืองในความเห็นต่าง ก็ยังไม่มีการกระทบกระทั่งกัน และเริ่มมีการพูดคุยกันระหว่างสองฝ่ายในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ว่าจะเปิดโอกาสให้คนที่มีความเห็นต่างกันได้มีเวทีในการแสดงออกทางความคิดเห็น นอกจากนี้ อยากให้บรรยากาศภาคเหนืออยู่ในภาวะที่ใครไปเยือนก็ได้ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น
นายสำราญกล่าวถึงประเด็นเดียวกันว่า การยกเลิกงานการเมืองที่ จ.เชียงใหม่ พันธมิตรฯ ในพื้นที่ได้ร่วมตัดสินใจครั้งนี้ด้วย โดยพันธมิตรฯ ภาคเหนือได้ออกแถลงการณ์แสดงเหตุผลที่ต้องยกเลิก ซึ่งในส่วนความความคิดเห็นของพี่น้องพันธมิตรฯ หลังจากที่ทราบข่าวดังกล่าว ก็พบว่าเห็นด้วยที่ยกเลิก 80% และอีก 20 % รู้สึกเสียดายที่งานดังกล่าวไม่เกิดขึ้น แต่เราต้องยอมรับความเป็นจริง อยากให้มองอยากเข้าใจในสถานการณ์ ว่ามีเหตุผล 5 ประการ อาทิ 1.พันธมิตรฯ จ.เชียงใหม่ ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข่าวเชิงลึกว่ามีขบวนการค้าอาวุธเถื่อนและยาเสพติด รวมทั้งมีการทำลายกล้องวงจรปิดเหมือนจงใจที่จะวางยา ถือว่ามีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ 2.มีขบวนการที่จะไปใช้สนามกีฬา 700 ปี สมโภชน์เชียงใหม่ โดยเข้าไปแทรกแซงขอใช้สถานที่วันที่ 13-14 ม.ค.นี้
นายสำราญกล่าวต่อว่า 3.ทางคณะผู้จัดการเห็นแล้วว่า อาจจะมีความเสี่ยงอยู่จริง ดังนั้น จะไม่ยอมให้ฝ่ายใดมาใช้เวทีงานการเมืองของพันธมิตรฯ เพื่อนำไปสู่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง และเป็นเครื่องมือให้นักการเมืองชั่ว 4.ภาพรวมผู้ใหญ่ได้แสดงความเป็นห่วงผ่านคณะผู้จัดงานจำนวนมาก และ 5.จะมีพระบรมศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจใน จ.เชียงใหม่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องถวายความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด และก็ถือเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยที่จะร่วมกันถวายความจงรักภักดี ที่จะไม่ให้ทำให้เกิดสถานการณ์รุนแรงที่หวังทำลายสถาบัน
นายพิภพกล่าวเสริมว่า ความคิดที่จะยกเลิกงานการเมืองที่จ.เชียงใหม่ ก่อนหน้านี้ไม่มีเลย ถึงแม้ว่าการตรวจสอบจากข่าวกรองต่างๆ เริ่มเข้ามาหนาหูมากขึ้น ว่าจะมีการใช้ความรุนแรงในเวทีของพันธมิตรฯ คราวนี้ โดยต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีการประชุมสรุปกันอีกครั้ง ซึ่งมีตัวแทนพี่น้องพันธมิตรฯ ภาคเหนือ มาร่วมพูดคุยกับแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 1 และ 2 ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน จนกระทั่งเสียงเท่ากัน ว่าควรจัดและไม่ควรจัด หรือจะเลื่อนไปช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม
นายพิภพกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในเมื่อมีสองตัวเลือก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจึงได้มีการนัดพูดคุย เพื่อตัดสินใจเรื่องนี้อีกครั้ง โดยมีตัวแทนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พี่น้องพันธมิตรฯ และแกนนำพันธมิตรฯ มาร่วมพูดคุยกัน ซึ่งก็ได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่ามีความพยายามต้องการใช้ความรุนแรงในงานของพันธมิตรฯ ครั้งนี้แน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ ทางแกนนำพันธมิตรฯ ได้ยกให้เป็นเรื่องตัดสินใจของทางผู้จัดงาน พันธมิตรฯ ภาคเหนือ แต่พันธมิตรฯ ส่วนกลางให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก และไม่ต้องการให้ความรุนแรงลามไปถึงในประเทศ
“อยากจะเรียนว่า เรื่องนี้ไม่ได้ตัดสินกันโดยไม่มีข้อมูล หรือเป็นเรื่องที่ตัดสินได้ง่าย และก็รู้ว่างานครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก จัดก็อาจจะเกิดความรุนแรง ไม่จัดก็เผชิญกับความไม่เข้าใจของมวลชนและพี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งสองด้านจะเกิดแรงกดดัน โดยเฉพาะพี่น้องพันธมิตรฯ ที่เป็นกรรมการ 17 จังหวัด ถูกแรงกดดันมากกว่าเพื่อน ดังนั้น สุดท้ายจึงนำพามาด้วยแถลงการณ์ยกเลิกในวันนี้” นายพิภพกล่าว
นายพิภพกล่าวอีกว่า ตนในฐานะที่เป็นแกนนำพันธมิตรฯ ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ และยอมรับที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างเต็มที่ แต่อยากจะเรียนว่าที่สนับสนุนและก็เห็นว่า การตัดสินใจทั้งหมดต้องเป็นพันธมิตรฯ ภาคเหนือ ตัดสินใจ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า โยนความรับผิดชอบออกไป เพราะทั้งสองฝ่ายได้รับฟังข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคง แล้วค่อยตัดสินใจ โดยเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความกล้าหรือไม่กล้า กลัวหรือไม่กลัว แต่พิจารณาด้วยเหตุผลที่ชี้แจงมาดังกล่าว
นายสำราญกล่าวเสริมว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ก็ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องนี้ กลัวว่าจะเกิดความไม่เข้าใจ โดยตนทราบจากนายสุริยะใส กตะศิลา ให้ฝากผ่านรายการนี้ว่า ช่วยแจ้งด้วยว่า ในสัปดาห์หน้าซึ่งยังไม่ระบุวันที่แน่ชัด นายสนธิจะเดินทางกลับจากต่างประเทศ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้กับพี่น้องพันธมิตรฯ อีกครั้งหนึ่ง
นายพิภพกล่าวเสริมว่า แม้นายสนธิไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง แต่ก็ได้โฟนอินเข้าในที่ประชุม เพื่อรับฟังข้อมูลต่างๆ และได้ร่วมแสดงความเห็นเรื่องนี้ แต่ทั้งหมดทั้งหมด แกนนำพันธมิตรฯ ยกให้เป็นการตัดสินใจของทางผู้จัดการ พันธมิตรฯ ภาคเหนือ