xs
xsm
sm
md
lg

แนวทางของเรา --จุดเทียนปัญญา เอาธรรมนำหน้า สัมมาทิฐิ เดินทางสายกลาง

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

เมื่อพิจารณาถึงการแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศไทย เราจำเป็นต้อง “ตอบโจทย์” 2 ข้อให้ได้

ข้อแรก จะแก้อะไร?

ข้อสอง จะแก้อย่างไร?

สำหรับพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่แล้ว เราได้คำตอบอย่างชัดเจนทั้งสองข้อ

ข้อแรก จะต้องแก้ที่การเมือง เพราะการเมืองเป็นปัญหา “ปมเงื่อน” ขัดขวางและทำลายกระบวนการพัฒนาการของประเทศไทย เป็นปฐมเหตุแห่งความทุกข์ยากของประชาชนชาวไทย

ข้อสอง จะต้องแก้ด้วยปัญญา ด้วยอำนาจปัญญาของมวลมหาชน จะต้องอาศัยการรวมพลังทางปัญญาของมวลมหาชนชาวไทยจากทุกภาคส่วน จากทุกระดับ ทุกวงการ ทุกผู้ทุกนามที่ “เห็น” ตรงกัน จากนั้นไปทำการปฏิบัติอย่างซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ แบบ “คิดเป็น ทำเป็น” ร่วมกับคนอื่นๆ ยึดมั่นในอุดมการณ์เดียวกัน โดยไม่แบ่งแยกว่าเธอหรือเขาเหล่านั้น เป็นใคร มาจากไหน

เราเชื่อมั่นว่า ภายหลังจากการแก้ไขวิกฤตได้สำเร็จแล้ว สังคมไทยจะก้าวเข้าสู่ระยะใหม่ เป็นสังคมร่มเย็น คนไทยทุกภาคส่วนอยู่ร่วมกันได้อย่าง “ผสมกลมกลืน” เกิดความปรองดองสมานฉันท์ไปทั่ว

นั่นหมายถึงว่า ความปรองดองสมานฉันท์ จะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอนภายหลังการแก้ไขปัญหาวิกฤต ความเน่าเฟะของการเมืองเก่าหมดไป การเมืองใหม่ที่สะอาดเอี่ยมเข้าแทนที่ เหมือนกับฝีหายหลังจากได้บ่งหนองออกแล้ว ฉันใดฉันนั้น

ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หัวขบวนของขบวนการการเมืองภาคประชาชนของประเทศไทย ประกาศชัดเจนถึงเป้าหมายทางการเมืองของตน มุ่งเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ด้วยการล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่ เชิดชูอุดมการณ์ประชาธิปไตยมวลมหาชน อำนาจกำหนดอยู่ในมือของมวลมหาชน เปิดศักราชการสร้างประเทศไทยใหม่ ให้การบริหารประเทศสนองประโยชน์แก่มวลมหาชนอย่างแท้จริง สามารถขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่สภาวะใหม่ เกิดการพัฒนาก้าวหน้า เจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน ทั้งทางธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจการผลิต วิทยาการสมัยใหม่ การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ฯลฯ สังคมร่มเย็น ประชาชนเป็นสุข

เป้าหมายและอุดมการณ์ของพันธมิตรฯ ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงแห่งยุคสมัย ที่มวลมนุษยชาติได้พัฒนาก้าวหน้ามาถึงยุคที่ทุกฝ่ายถวิลหาสันติภาพและการพัฒนา ตั้งอยู่บนฐานความเป็นจริงของประเทศไทย ที่ได้ก้าวมาถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนแปลง ตั้งอยู่บนฐานความต้องการที่เป็นจริงของประชาชนชาวไทย ที่ต้องการพาประเทศไทยก้าวพ้นจากวงจรอุบาทว์ เปิดทางให้คนไทยพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตได้ตามใจปรารถนา ทำให้ประชากรไทยมีคุณภาพทัดเทียมกับประชากรโลกที่เจริญแล้ว

ทั้งหมดนั้น ตั้งอยู่บนสภาพเป็นจริง มีความเป็นไปได้จริง สามารถรองรับ สนับสนุนความพยายามของชาวพันธมิตรฯ และคนไทยจากทุกภาคส่วน ร่วมแรงร่วมใจกันทำการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่ให้สำเร็จได้เป็นอย่างดี

อีกนัยหนึ่ง เหตุปัจจัยภายนอกมีอยู่พร้อมแล้ว สิ่งที่จะต้องเติมเต็มก็คือความพยายามร่วมกันของชาวพันธมิตรฯ สมาชิกพรรคการเมืองใหม่ และมวลมหาชนชาวไทยที่ “ตื่น” แล้ว

โดยนัยนี้ ขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงเป็นขบวนการของ “ผู้ปฏิบัติที่ตื่นแล้ว”

ด้วยเหตุนี้ แนวทางการปฏิบัติของพันธมิตรฯ ที่จะทำให้อุดมการณ์ปรากฏเป็นจริง ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ปรากฏให้เห็นเป็นผลจากการขับเคลื่อนของขบวนการการเมืองภาคประชาชนในรูปแบบต่างๆ ทั้งจากการดำเนินงานทางการเมืองของพรรคการเมืองใหม่ การปฏิบัติภารกิจของกลุ่มบริษัทเอเอสทีวีผู้จัดการ เอเอสทีวีชอป และการขยายเครือข่าย สายงาน ในหมู่มวลมหาชนที่ตื่นตัว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ฯลฯ จึงเป็น “จุดเทียนปัญญา เอาธรรมนำหน้า สัมมาทิฐิ เดินทางสายกลาง” จะเป็นไปในแนวทางอื่นใดไม่ได้โดยเด็ดขาด

จุดเทียนปัญญา – หูตาสว่างเสมอ

เอาธรรมนำหน้า – ทำในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมเสมอ

สัมมาทิฐิ – เห็นตามจริงเสมอ

เดินทางสายกลาง – ทำตามที่เห็นจริงเสมอ

แนวทางนี้สอดคล้องกับลักษณะยุคสมัยของสังคมโลก สอดคล้องกับสภาพเป็นจริงของประเทศไทย สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของปวงชนชาวไทย เป็นแนวทางที่ถูกต้องที่สุด เป็นที่ยอมรับสนับสนุนของคนไทยได้มากที่สุด จึงมีความเป็นไปได้สูงสุด ในการรวมพลังมวลมหาชนชาวไทยจากทุกภาคส่วนของสังคม มาร่วมกันปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ในฐานะ “ผู้ปฏิบัติที่ตื่นแล้ว”

แนวทางของพันธมิตรฯ ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับแนวทางของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งในทัศนะของเราเห็นว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำเสนอแนวทางการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยด้วยการใช้ความรุนแรง กำหนดเป้าหมายการโค่นล้มไปยังระบบ “อำมาตย์” เพื่อสถาปนาการปกครองแบบเผด็จการรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยของทุนนิยมสามานย์ จัดอยู่ในบริบทของการเมืองเก่า เป็นการเมืองน้ำเน่าเต็มรูป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชิดชู พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็น “ธง” ของระบอบประชาธิปไตยทุนนิยมสามานย์ ทั้งๆ ที่เขาได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่า เป็นนักการเมืองที่ใช้อำนาจเพื่อตนเองและพวกพ้องบริวารอย่างรอบด้านที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทยและของโลก ทั้งหลายทั้งปวงที่กลุ่มคนเสื้อแดงคิดและปฏิบัตินั้น ล้วนแต่ไม่สอดคล้องกับลักษณะยุคสมัย ไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงของประเทศไทย และขัดกับความเรียกร้องต้องการที่แท้จริงของปวงชนชาวไทย ดังนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหน โหมกระพือความรุนแรงอย่างไร ข่มขู่คุกคามแบบไหน อวดอ้างตนเองว่าเป็นพวก “ปฏิวัติ” ขนาดไหน ในที่สุดพวกเขาก็จะพบกับความพ่ายแพ้และผิดหวัง

สิ่งที่พวกเขาคิดและทำ ล้วนแต่เป็นการหลอกตนเอง หลอกคนอื่น ทำลายตนเองและทำลายคนอื่น ถึงที่สุดก็คือ ทำลายประเทศชาติ ทำลายประชาชน

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ผิดที่เราจะเรียก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรว่า เป็นนักการเมือง “ตกยุค” และเรียกกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เป็นกลุ่มการเมือง “หลงยุค” ขณะที่ขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นขบวนการการเมืองที่ “ทันยุค” หรือกระทั่ง “นำยุค”

ที่กล่าวเชิงสรุปเช่นนี้ ก็ด้วยเชื่อมั่นว่า สิ่งใดก็ตามที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่ขึ้นกับจิตปรารถนาของใครโดยเฉพาะ ย่อมยืนยงอยู่ได้ในตัว ตรงกันข้าม สิ่งใดก็ตามที่ตั้งอยู่บนฐานของความ “หลง” ของคนหนึ่งคนใด หรือคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ย่อมมิอาจยืนยงอยู่ได้ในตัว

นี่คือสัจธรรม ที่ชาวพันธมิตรฯ และสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ได้ “เข้าถึง”

นี่คือสาเหตุที่แท้จริง ว่าทำไมชาวพันธมิตรฯ และสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ จึงเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จักพัฒนาเติบใหญ่และยืนยงอยู่ได้ในตัว การปฏิบัติภารกิจเปลี่ยนแปลงประเทศไทย จักต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น