xs
xsm
sm
md
lg

ประวัติศาสตร์เดือนกุมภา ฯ จาก 24 ก.พ.2549 – 26 ก.พ.2553

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กำหนดอ่านคำพิพากษาคดี ยึดทรัพย์ นช.ทักษิณ ชินวัตร ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 นี้ ทำให้กลุ่มเสื้อแดง ตั้งตัวไม่ติด ปรับแผนการเคลื่อนไหวไม่ทัน หัวหน้าเสื้อแดง ที่ดูไบ ก็ยังไม่สั่งมาว่า จะให้ทำอะไร เพราะกำลังเครียดหนัก เนื่องจาก คาดไม่ถึงว่า วันชี้ชะตาจะมาถึงไวเพียงนี้ และยังกังวลกับที่ซุกหัวใหม่ ถ้าหากยูเออี ไม่ยอมให้อยู่ในดูไบแล้ว จะไปอยู่ไหน จะให้ไปอาศัยฮุนเซนที่เขมร ชีวิตก็คงห่อเหี่ยวกว่าอยู่กลางทะเลทรายหลายเท่า เด็กคนหนึ่งใน สองคนที่เคยปรามาสไว้ ก็เพิ่งได้รับการยกย่องเป็น สุดยอดรัฐมนตรีคลังโลก จากนิตยสารที่ไม่ใช่กระจอกๆ อุปทูตซาอุฯ ก็เพิ่งออกมาแฉว่า โกหก เรื่องซาอุฯ เชิญไปเป็นกรรมการสร้างเมืองใหม่ เลือกตั้งที่มหาสารคามก็ชนะแบบแพ้ ที่ปราจีนบุรี แพ้แบบไม่มีราคา เพราะคนไทยไม่ต้องการพวก “ล้มเจ้า-ไม่เอาฐานันดร –เปิดประตูเมืองให้ฮุนเซ็นมาเผาบ้าน”

กลุ่มเสื้อแดงนับจากขึ้นปีใหม่ 2553 เป็นต้นมา อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่าปีที่แล้วเป็นทวีคูณ พิ้นที่การเคลื่อนไหว น้อยลงทุกที เข้าเมืองกรุงไม่ได้ ต้องออกต่างจังหวัด ลงจากเขายายเที่ยง ไปขึ้นเขาสอยดาว การเคลื่อนไหวปีที่แล้ว ถึงไม่มีคุณภาพ แต่ยังมีปริมาณ มาถึงปีนี้ ปริมาณหายลงไปเยอะ เหลือแค่หลักพันเท่านั้น การเคลื่อนไหว ประสบความสำเร็จในการชิงพื้นที่ข่าว แต่ไม่ทำให้ นช.ทักษิณ รู้สึกว่าชีวิตมีความหวังมากขึ้นแต่อย่างใด

กำหนดอ่านคำพิพากษาวันที่ 26 ก.พ. นี้ เป็นเรื่องบังเอิญที่ห่างจากวันที่ 24 ก.พ. เพียง 2 วัน เท่านั้น วันที่ 24 กุมภาพันธ์ เมื่อ 4 ปีก่อน คือวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 นช.ทักษิณ ยุบสภาฯ หนีการอภิปรายทั่วไป โดยไม่มีการลงมติ ของพรรคประชาธิปัตย์ กรณีขายหุ้นชินคอร์ป โดยไม่เสียภาษี และเป็นการเอาสมบัติของชาติ คือ คลื่นความถี่ สัมปทานดาวเทียม โทรศัพท์มือถือ สถานีโทรทัศน์ไปขายให้กับกลุ่มเทามาเส็ก ของสิงคโปร์

ก่อนที่จะประกาศขายหุ้นอย่างเป็นทางการเพียง 2 วัน นช.ทักษิณแก้กฎหมายการประกอบกิจการโทรคมนาคม ให้ต่างชาติมาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารได้ 49 % จากเดิมที่จำกัดเพดานการถือครองไว้เพียง 25 % เพื่อจะขายหุ้นชินคอร์ป 49 % ให้เทมาเส็กโดยตรง

การขายหุ้นชินคอร์ป ในวันที่ 23 มกราคม 2549 ทำให้ การต่อต้านขับไล่ นช. ทักษิณ ที่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นผู้นำมาตั้งแต่เดือนกันยายน ปีก่อนหน้า ขยายตัว ลุกลามออกไปอย่างกว้างขวาง ประชาชนนับหมื่น หลั่งไหลเหมือนสายน้ำเข้าไปสวนลุมพีนี เพื่อฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร เพราะรับไม่ได้กับ การที่ตัวเองถูหักภาษีทุกเดือน แต่คนเป็นผู้นำ ขายหุ้นได้เงิน 76,000 ล้านบาท ไม่ยอมเสียภาษีสักแดงเดียว

หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน การเมืองภาคประชาชนก็ยกระดับ การเคลื่อนไหว ที่นำโดยผู้นำคนเดียว เป็นการเคลื่อนไหวของแนวร่วมในทุกภาคส่วนของสังคม ในนาม พันธมิตรประชานเพื่อประชาธิปไตย ที่มีการนำรวมหมู่โดยแกนนำ 5 คน

ถ้าการขายหุ้นชินคอร์ปในวันที่ 23 มกราคม 2549 คือ การเซ็นคำสั่งประหารชีวิตตัวเองของ นช. ทักษิณ การยุบสภาฯ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ก็คือ การเดินเข้าตะแลงแกงของ นายกฯหน้าเหลี่ยม นช. ทักษิณ ซึ่งไม่ยอมให้มีการตรวจสอบการทำงานของตน โดยผ่านระบบรัฐสภาเลย รู้ดีอยุ่แก่ใจว่า ตอบคำถามเรื่องการขายหุ้นชินคอร์ปไม่ได้ จึงชิงล้มกระดาน ยุบสภาฯ ให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน 2549 เพราะมั่นใจว่า ชนะแน่ เนื่องจาก คุมอำนาจรัฐ และสั่ง กกต. ในยุคนั้นได้ เมื่อชนะเลือกตั้ง ตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมา จะได้ใช้เป็นข้ออ้างว่า ประชาชนให้ความเห็นชอบกับตน

แต่ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เล่มเกมนี้ของ นช.ทักษิณ ไม่ส่งคนลงสมัคร ทำให้ พรรคไทยรักไทยต้องจ้างพรรคคการเมืองเล็กๆลงสมัครในหลายพื้นที่ จนเป้นเหตุให้ถูกยุบพรรคในเวลาต่อมา และ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 มีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้ง ในวันที่ 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในเดือนตุลาคม 2549 แต่นช. ทักษิณ ถูกโค่นลงจากอำนาจเสียก่อน เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2549 ท่ามกลางควงามยินดีของประชาชนสว่นใหญ่

ถ้า นช.ทักษิณ ยอมให้มีการอภิปรายฯ ในเดือนมีนาคม ที่สภาฯจะเปิดประชุม ไม่ยุบสภาฯ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 และรีบจัดการเลือกตั้งแบบเห็นแก่ตัว เพราะให้เวลาพรรคประชาชิปัตย์เพียงเดือนเดียว สถานการณ์การเมืองไทยอาจจะ เป็นไปในอีกแบบหนึ่งก็ได้

แต่เพราะนิสัยเอารัดเอาเปรียบ พฤติกรรมที่ปิดกั้นการตรวจสอบ และความหยิ่งยะโส คิดว่าตัวเองเหนือกว่าทุกคน จึงทำให้ การตัดสินใจยุบสภา เป็นการเดินหมากที่ผิดพลาด จนแพ้ทั้งกระดาน และทำให้ตัวเองต้องมีวันนี้

ถ้าวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ศาลพิพากษา ให้ยึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ก็คงเป็นเรื่องเจ็บปวดแสนสาหัสสำหรับ นช. ทักษิณ เพราะที่มาของเงิน 76,000 ล้านบาท นี้ คือ การขายหุ้นชินคอร์ป อันเป็นชนวนแห่งการล่มสลายของเขา แต่ในที่สุดแล้ว ก็ไม่ได้ใช้เงินก้อนนี้ ต้องคืนให้แผ่นดิน นับว่า เป็นการลงทุนที่ล้มเหลวที่สุดในโลก เพราะไม่ได้ผลตอบแทนกลับคืนมาเลย แต่ต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
กำลังโหลดความคิดเห็น