เรื่องมันฟ้อง
โดย...กรงเล็บ
การที่พรรคภูมิใจไทยท้าทายกฎเหล็ก 9 ข้อที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี วางไว้เป็นกติกาให้ครม.ปฏิบัติตาม ด้วยการมีมติอุ้ม “มานิต นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ให้นั่งรากงอกในตำแหน่งต่อไป
เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนมากขึ้นว่า “พรรคภูมิใจไทย” กำลังคิดพยศ
ส่วนจะถึงขั้นทรยศหักหลังพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนที่เคยเลือกเดินคนละเส้นทางกับ นช.แม้วมาแล้วหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่น่าจับตายิ่ง
เพราะไม่มีเหตุผลเลยที่พรรคภูมิใจไทยจะเอา “มานิต” เป็นตัวตั้ง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบในการอยู่ร่วมรัฐบาล
อย่าลืมว่า “มานิต” ไม่ได้มีเพียงปัญหาการเข้าไปล้วงลูก และส่อว่าจะมีการทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น
แต่บุคคลคนเดียวกันนี้ยังอยู่ในภาวะลูกผีลูกคนกับกรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญ กำลังพิจารณาว่าจะขาดคุณสมบัติจากการถือหุ้นขัดรัฐธรรมนูญด้วย
ทำไมพรรคภูมิใจไทยต้องอุ้ม “มานิต” ซึ่งอยู่ในภาวะเก้าอี้สั่นคลอนสุ่มเสี่ยงต่อการถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี
ถ้าวิเคราะห์แบบไม่คิดมาก ก็อาจเป็นเพราะ “มานิต” ลงทุนถึงขั้นไปกราบสมศักดิ์ เทพสุทิน ถึงบ้านขออยู่ในตำแหน่งต่อ จนสมศักดิ์ใจอ่อน
ขณะที่ “เนวิน” ก็ซื้อใจหุ้นส่วนใหญ่ของพรรคอย่าง “สมศักดิ์” ด้วยการออกมติพรรคเป็นเกราะกำบังให้ “มานิต” ประกอบกับอ่านเกมว่า “อภิสิทธิ์” คงไม่กล้าปลด “มานิต” ออกจากตำแหน่ง
ข่าววงในบอกว่า ถ้าคิดอย่างนั้นจริงก็ถือว่าประเมินผิด เพราะ
ฟันธงได้เลยว่า งานนี้ “อภิสิทธิ์” จะใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีปลด “มานิต” แน่ หากไม่ตัดสินใจลาออก และเชื่อว่าจะทำเร็วเสียด้วย เต็มที่ไม่เกินสัปดาห์หน้า หรืออาจได้เห็นภาวะผู้นำของอภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลภายในสัปดาห์นี้ด้วยซ้ำ
คงได้เห็น นายกฯ อภิสิทธ์เริ่มขยับในเรื่องนี้ซึ่งเป็นเค้าลางบอกเหตุว่า ลมหายใจ“มานิต”รวยรินเต็มที เพราะ “อภิสิทธิ์” ไม่ยอมรับใบลาพักงานของ “มานิต” ที่บุกไปยื่นถึงทำเนียบฯหวังจะได้ต่อเวลาพิเศษ แถมยังสำทับว่า
“ถ้านายมานิตยังไม่ลาออกก็เป็นการตัดสินใจของเขา แต่การดำเนินการต่อไปก็เป็นเรื่องของผม ซึ่งผมจะใช้เวลาไม่นาน เพราะการดำเนินการเรื่องต่างๆจะทำพร้อมๆกันหมด”
ฟังแค่นี้ก็เสียวแทน “มานิต” จะถูกเชือดสังเวยกฎเหล็ก 9 ข้อ อันเป็นกฎเหล็กที่ “ชัย ชิดชอบ”เฒ่าร้อยเล่ห์ตะแบงว่า เป็นกฎกติกาที่ใช้เฉพาะคนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายกฯอภิสิทธิ์สวนกลับว่า แจงกฎนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่ในการประชุมพรรคประชาธิปัตย์
กฎเหล็กอภิสิทธิ์ต้องใช้เสมอภาคในครม. ไม่ว่าจะเป็นรมต.ปชป.หรือพรรคร่วมไม่มีข้อยกเว้น
ถึงปานนี้แล้ว ไม่ต้องวิเคราะห์อีกว่า “มานิต” จะยื้อเก้าอี้ได้หรือไม่ ว่าแต่จะตายยังไงเท่านั้น ถ้าจะกลับลำเปลี่ยนใจจากใบลาพักงานเป็นลาออกก็ยังไม่สาย ดีกว่าถูกถีบให้พ้นเก้าอี้
แต่ประเด็นน่าติดตามอยู่ที่ว่า ถ้านายกฯอภิสิทธิ์ลงดาบเชือด “มานิต” แล้ว “เนวิน” จะกล้านำทีมถอนยวงจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่?
คำตอบคือ ยังไม่น่าจะไปถึงจุดนั้น แต่สภาพการอยู่ร่วมรัฐบาลก็จะง่อนแง่นขาดเสถียรภาพ ไม่เหนียวแน่นเหมือนช่วงปีแรก และเปราะบางอยู่ในภาวะพร้อมแตกหักได้ทุกเมื่อ
โดยยังมีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นเงื่อนไขสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าสุดท้ายพรรคประชาธิปัตย์น่าจะยอมถอยในเรื่องระบบเลือกตั้ง ให้มีการแก้ไขเป็นเขตเดียวเบอร์เดียวเหมือนที่พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยต้องการ
ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็จะประคองความเป็นรัฐบาลต่อไปได้อีกระยะ
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น มีเกร็ดที่เป็นประวัติศาสตร์ทางการเมืองของรัฐบาลประชาธิปัตย์สมัยชวน 1 ซึ่งเผชิญกับมรสุม ส.ป.ก.4-01 จน สุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องลาออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตร
และ “ชวน หลีกภัย” นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ตัดสินใจโยก “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” จาก รมช.พาณิชย์มาเป็น รมช.เกษตร เพื่อสะสางปัญหา
“จุรินทร์” นั่งในตำแหน่ง รมช.เกษตรฯได้ไม่นาน ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนำไปสู่การถอนตัวของพรรคพลังธรรม จน “ชวน” ตัดสินใจยุบสภา
มาคราวนี้ “อภิสิทธิ์” เลือกที่จะโยก “จุรินทร์” จากกระทรวงศึกษาธิการมาแก้ปัญหาในกระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่รู้ว่าจะมีอาถรรพ์จากชวน 1 มาถึง “อภิสิทธิ์” ให้ต้องลงเอยแบบเดียวกันหรือไม่