กกต.ระบุวันนี้จะได้ข้อยุติลงมติ “หมัก-วิรุฬ” ยื่นศาล รธน.วินิจฉัยขาดคุณสมบัติหรือไม่ ไม่หวั่นไหวนายกฯ ปลุกกระแสยุบองค์กรอิสระ รับประกัน รธน. 50 ผ่านกระบวนการลงประชามติอย่างถูกต้อง โดยปรับปรุงสิทธิของ ปชช.ให้ดีขึ้น เชื่อผู้ร่างไม่ได้กลั่นแกล้งใคร
วันนี้ (16 ก.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึง การประชุม กกต.ที่จะมีการพิจารณากรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ เป็นพิธีกรรายการชิมไปบ่นไป และรายการยกขโยง 6 โมงเช้า ซึ่งอาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ว่า นอกจากที่ประชุมจะมีการพิจารณาสำนวนดังกล่าวแล้ว ยังจะมีการพิจารณา สำนวนของนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ กรณีไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. โดยคณะอนุกรรมการทั้ง 2 ชุดได้สรุปสำนวนการสืบสวนสอบสวนอย่างครบถ้วน และกกต.ทุกคนได้ตรวจเอกสาร ทบทวน ศึกษาจนหมดแล้ว เชื่อว่าคงไม่มีสั่งให้สอบเพิ่มอีก
“ที่ประชุมจะสามารถลงมติเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาหรือไม่ ได้ในวันนี้ แต่ กกต.จะไม่ชี้ว่านายสมัคร และนายวิรุฬกระทำขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะเป็นอำนาจที่ศาลจะพิจารณาและวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่”
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสมัครเสนอให้มีการยุบองค์กรอิสระว่า เรื่องดังกล่าว คิดว่าไม่น่ามีปัญหาจะถอดถอนหรือจะยุบ กกต.ก็ต้องดำเนินการไปตามรัฐธรรมนูญ หากทำตามรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการ และทำไปเถอะ ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนไม่ทราบว่าเป็นการปลุกกระแสหรือไม่ เพราะนักการเมืองก็มี 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายชอบและไม่ชอบ แต่เราในฐานะ กกต.ก็ดำเนินการไปตามเนื้อผ้า อาจมีถูกใจและไม่ถูกใจใครก็ได้ ดังนั้น เราต้องมั่นคง ผิดเป็นผิด ยึดหลักกฎหมาย และไม่หวั่นไหวไปตามกระแสต่างๆ ใครอยากถอดถอนก็ดำเนินการไป
ส่วนที่นายกฯ ออกมาระบุว่า กรรมาธิการที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มีอคติต่อนักการเมือง เห็นว่านักการเมืองเลว นายประพันธ์ กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว มีกระบวนการขั้นตอนที่ถูกต้อง มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน มีการประชุมหารือเพื่อยกร่าง และมีการลงประชามติ ซึ่งประชาชนเสียงส่วนมากก็รับร่าง ทั้งนี้ เชื่อว่ารัฐธรรมนูญคนก็คงไม่พอใจ 100 เปอร์เซ็นต์ แม้แต่ผู้ร่างก็ไม่ชอบ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องมีการลงคะแนนเสียง ดังนั้น ยืนยันว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้กลั่นแกล้งใคร เพราะรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวเป็นการปรับปรุงในเรื่องสิทธิของประชาชนให้ดีขึ้น ซึ่งทุกฝ่ายก็พอใจ หากระบบเลือกตั้งไม่ถูกใจก็สามารถปรับปรุงได้
สำหรับที่ขณะนี้มีการร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติของ ส.ส.เช่นกรณีการถือหุ้น หากพบว่าเป็นความผิดจริงจะส่งผลกระทบต่อสภาฯ หรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.มาร้องให้ กกต.ตรวจคุณสมบัติ เราก็ต้องดำเนินการตรวจสอบไปตามขั้นตอน ไม่ใช่ว่าทุกเรื่องจะต้องผิด แต่เราต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามีความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 265 และมาตรา 48 หรือไม่ แต่เรื่องดังกล่าวเมื่อส่งไปศาลแล้วก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลจะพิจารณา และทุกสำนวนที่ส่งไปยังศาลนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใบแดงทุกเรื่อง
“ปัญหาเรื่อง ส.ส.ถือหุ้นและต้องสิ้นสมาชิกสภาพ เราต้องดูและตรวจสอบให้ชัดเจนว่าการถือหุ้นนั้นได้ประโยชน์อะไร ประกอบกับตนก็ยังไม่เห็นสำนวนดังกล่าว ต้องขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าบริษัทที่ถือหุ้นได้รับสัมประทานและมีการทำสัญญากับรัฐหรือไม่ รวมทั้งบริษัทดังกล่าวอยู่ในตลาดหลักทรัพย์และมีการทำสัญญาผูกขาดกับหน่วยงานของรัฐหรือไม่ แต่ตอนนี้ผมยังไม่ทราบและต้องดูรายละเอียดข้อเท็จจริง อย่าเพิ่งไปวิตกกังวล และการห้าม ส.ส.ไปถือหุ้นของบริษัทที่ผูกขาดกิจการของรัฐไม่ใช่เรื่องใหม่ รัฐธรรมนูญฉบับ 40 ก็มีอยู่แล้ว แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบันนำมาปรับปรุงเรียบเรียงใหม่ให้ดีกว่าเดิม คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพียงแต่มีคนออกมาตีขลุมเท่านั้น เรื่องเลยบานปลายไปกันใหญ่”