ผู้นำฝ่ายค้านจี้ “หมัก” พิสูจน์พลังอำนาจหัวหน้าพรรคตัวจริงสั่งให้ลูกพรรคถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาจากสภาก่อน จากนั้นค่อยมาพิจารณาในรายละเอียดเรื่องการทำประชามติแบบไหน ไม่ใช่พูดอย่างทำอีกอย่าง ขณะเดียวกัน เตือน “เพ็ญ” อาจเจอข้อหากบฏเพิ่มและให้หยุดตะแบงก่อนจะบานปลาย
วันนี้ (22 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เตรียมของบประมาณ 2 พันล้านบาทในการทำประชามติว่าประชาชนจะให้แก้รัฐธรรมนูญปี 2550 หรือไม่ ขณะที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนไปยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญต่อประธานสภาผู้แทนฯ ว่า เวลานี้ฝ่ายรัฐบาลส่งสัญญาณค่อนข้างสับสน เพราะนายกฯ อยากให้ประธานสภาฯ ระงับญัตตินี้ไว้ก่อน ทั้งที่จริงนายกฯ จะไปสั่งประธานสภาฯ ไม่ได้ แต่สิ่งที่นายกฯ ทำได้ คือ การบอกให้ ส.ส.พรรคของตัวเองให้ถอนเรื่องออกมาโดยไปพูดคุยในพรรคพลังประชาชนให้เรียบร้อยแล้วให้สมาชิกพรรคตัดสินใจ เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญจะมาทำเป็นเรื่องเล่นๆ หรือหยั่งเชิงกันไปมาไม่ได้
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า พฤติกรรมของนายสมัครในฐานะหัวหน้าพรรคจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าจริงใจแค่ไหนกับการที่บอกว่ายังไม่อยากให้มีการแก้รัฐธรรมนูญในตอนนี้
“นายกฯ พูดถึงเรื่องประชามติ แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าจะทำเมื่อไหร่ คำถามคืออะไร และสำคัญกับกระบวนการพิจารณาอย่างไร และถ้าถามรวมๆ ว่าประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมคิดว่าเป็นคำถามที่ไม่ค่อยเป็นประโยชน์เท่าไหร่ และจะไม่ได้คำตอบที่แท้จริง เพราะบางคนอยากแก้เพราะเห็นว่าเรื่องวุฒิสภามีปัญหา แต่บางคนอยากแก้เพราะไม่ชอบระบบเลือกตั้ง เขาก็ต้องไปลงคะแนนให้แก้แต่อาจจะไม่เห็นด้วยที่จะแก้เพื่อให้อดีตนายกฯพ้นผิด ผมเชื่อว่าคนที่คัดค้านการแก้ไขส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด ไม่ต้องการเห็นการแก้ไขเพื่อตัวเองหรือบุคคลใด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ กกต.ระบุว่าไม่สามารถออกร่าง พ.ร.บ.การทำประชามติได้ทันตามที่นายกฯกำหนด ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า เรื่องของกฎหมายจะมีหรือไม่ จะแก้ไขหรือจะออกกฎหมายมาก็ไม่ว่ากัน แต่ควรเอาความคิดให้ชัดๆ ก่อนว่านายกฯ ต้องการอะไรในการทำประชามติ จะทำประชามติเมื่อใด และเกี่ยวข้องกับตัวร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอเข้าสภาฯ หรือไม่
เมื่อถามต่อว่า นายกฯ ระบุว่าการเสนอให้ทำประชามติเพื่อตัดความรำคาญ คิดว่าจะคุ้มกับการเสียเงิน 2 พันล้านบาทหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าจะให้ใช้เงิน 2 พันล้านบาทเพื่อไม่ให้คนหนึ่งรำคาญก็ไม่คุ้มอยู่แล้ว แต่ถ้าจะทำก็ต้องทำให้มีความหมายและมีประโยชน์สำหรับบ้านเมือง
เมื่อถามว่าจะเกิดความรุนแรงหรือไม่ เพราะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศจะชุมนุมใหญ่ แต่พรรคพลังประชาชนยังไม่ถอนญัตติแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนส่วนใหญ่คงไม่ต้องการเห็นอะไรเช่นนั้น แต่อาจมีคนบางกลุ่มที่อยากเห็นความวุ่นวายเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือของกลุ่ม อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่อย่าให้คนกลุ่มนั้นมาครอบงำทิศทางการนำพาประเทศและเอาปัญหาของตัวเองแล้วมาทำให้เป็นปัญหาของบ้านเมือง
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสมัครระบุว่าจะยังไม่มีการปลดนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า คดีของนายจักรภพอาจเป็นนกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและมีความซับซ้อนพอสมควร เพราะอาจจะไม่ใช่ข้อหาเดียว แต่อาจมีข้อหาเป็นกบฏด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ สิ่งที่ตนอยากยืนยันผ่านไปถึงนายกฯ คือ ในระยะหลังเมื่อคนที่อยู่ในตำแหน่งและมีอำนาจ ถูกกล่าวหา คดีจะมีความคืบหน้าช้ามาก แต่ถ้าไม่ใช่เป็นรัฐมนตรี ตอนนี้คดีอาจจะสรุปแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องแก้ด้วยการที่หัวหน้ารัฐบาลให้ใช้การเมืองและการบริหารมาแก้ปัญหา จะไปโยนให้เป็นภาระของกระบวนการยุติธรรมเท่านั้นไม่ได้ และคดีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตำรวจก็มีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการตัดสินใจ
“ถ้าผมคิดว่าคุณจักรภพมีความเป็นไปได้ที่จะพิจารณาตัวเอง ผมก็เรียกร้องคุณจักรภพ แต่บังเอิญดูแล้วผมคิดว่าคุณจักรภพไม่ทำ และยังกล้าปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองพูด ผมถึงต้องเรียกร้องหัวหน้ารัฐบาลให้ทำ แต่ถ้าเขาจะกลับใจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คำถามคือว่าเราจะให้บุคคลที่เป็นปัญหา มาสร้างปัญหาให้กับส่วนรวมต่อไปเพื่ออะไร เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณจักรภพพยายามวาดภาพว่าถ้าเล่นงานคุณจักรภพแล้วต้องไปเล่นงานคนอื่นนั้นไม่มี ผมในฐานะส.ส.และประชาชน มีหน้าที่ปกป้องสถาบันหลักของชาติ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรไปยังนายจักรภพบ้าง ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า อยากให้นายจักรภพไปทบทวนดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร แล้วนายจักรภพจะแก้ปัญหาให้กับสังคมได้หรือไม่ เพราะสิ่งนี้ถือเป็นตัวปัญหาของสังคม