“ชวน” เชื่อมีขบวนการเล่นใต้ดินโจมตีพรรคประชาธิปัตย์-องคมนตรี แต่จนใจไร้หลักฐาน ติง “เหลิม” อย่าร้อนตัวจนผิดสังเกต ขณะเดียวกัน ติง “พลังแม้ว” อย่ามุบมิบแก้รัฐธรรมนูญ ชี้ฉบับปี 50 อันตรายเฉพาะพวกซื้อเสียงจนชิน
วันนี้ (17 เม.ย.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่ามีหนังสือโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ และองคมนตรีจริง โดยมีการออกหนังสือเวียนไปยังบุคคลต่างๆ มีเนื้อหาโจมตีคนในพรรคประชาธิปัตย์ คนภาคใต้ และในช่วงหลังโจมตีองคมนตรีด้วย แต่หนังสือเหล่านี้ไม่บอกว่าใครเป็นคนเขียน ดังนั้น การจะไปแจ้งความจึงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากไม่รู้ว่าใครเขียน เพราะหากเรามีหลักฐานก็ดำเนินคดี เหมือนกรณีที่มีคนปราศรัยที่สนามหลวง โจมตีตน ก็แจ้งความดำเนินคดี เพราะมีหลักฐานว่าใครเป็นคนพูด
“กรณีใบปลิว คนพวกนี้ไม่กล้าใส่ชื่อ ผมว่าคนพวกนี้ทำเป็นขบวนการ ถ้ามันใส่ชื่อมันก็หมิ่นประมาท มันก็รู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นที่ท้าไปแจ้งความ ถ้ามันใส่ชื่อคนนั้นคนนี้ เราก็สามารถดำเนินคดีได้ ผมยังเคยนำเรื่องนี้หารือหัวหน้าพรรคเหมือนกันว่าเราไม่มีวิธีการดำเนินการกับคนพวกนี้หรือ เพราะคนพวกนี้เวลามันเรียกร้องความสามัคคีก็เรียกได้ แต่วิธีปฏิบัติทำอีกอย่างหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ปรากฏตลอดมา เราก็ได้รับอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่ปีละครั้ง แต่ปีหนึ่งหลายครั้ง แล้วเวียนมาเรื่อยๆ แต่ไม่ใส่ชื่อ เพราะฉะนั้นเราไม่สามารถที่จะแจ้งความได้ เพราะไม่มีชื่อคนที่ทำ แต่เราก็คิดว่ามันน่าจะมาจากกลุ่มนั่นแหละ กลุ่มที่มีกำลังพอ มีกำลังคนเอาไว้โทรศัพท์เข้าไปในวิทยุ เอาไว้ส่งข้อความในโทรทัศน์ และเอาไว้ออกหนังสือเวียน หรือใบปลิวโจมตีคนอื่น” นายชวนตั้งข้อสังเกต
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เอกสารที่มีการโจมตีคนในพรรคประชาธิปัตย์เหล่านั้น ตนยังเก็บเอาไว้อยู่ และจากการพูดคุยกับคนในพรรคหลายคนก็ได้รับเช่นกัน หรือบางกรณีมีการส่งไปตามหน่วยราชการ ซึ่งได้มีคนในหน่วยราชการส่งมาให้ ทั้งนี้ สันนิษฐานว่าคนที่ทำเรื่องเหล่านี้น่าจะเป็นกลุ่มคนที่วางตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรคประชาธิปัตย์ตลอดเวลา
“เราไม่ได้บอกว่าใครทำ แต่ก็มีอาการจากบางคนออกมาไม่พอใจ เพราะฉะนั้น คนเหล่านั้นน่าจะติดตามสืบเสาะดูว่าสิ่งที่ผมพูดไปนั้นกระทบต่อคนไหนบ้าง เราไม่ได้ระบุชื่อ แต่ที่เหนือสิ่งอื่นใด คนที่อยากให้บ้านเมืองสงบจริงๆ ไม่ควรทำเรื่องเหล่านี้มาเล่นใต้ดิน และผมคิดว่าคนที่ออกมาพูดอาจจะมีความรู้สึกว่า เราพูดถึงเขาหรือไม่ แต่ความจริงเราไม่ได้พูดถึงใครเลย เพราะเราไม่รู้ว่าใครทำ และเราไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่ทำคือใคร ก็ไม่สามารถระบุชื่อได้ ถ้าเรารู้ตัว นอกจากจะแจ้งความหมิ่นประมาทแล้ว เรายังสามารถระบุชื่อให้คนรับรู้พฤติกรรมคนเหล่านั้นได้ เพราะฉะนั้นคนที่ออกมาท้าทาย หรือออกมาพูด ผมไม่แน่ใจว่าคนเหล่านี้จะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่” นายชวน กล่าว
ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมาท้าทายให้นายชวน และพรรคประชาธิปัตย์ ส่งหลักฐานเพื่อจะได้ดำเนินการกับคนที่ทำใบปลิวโจมตี อย่าพูดลอยๆ ทำให้เสียหาย
นอกจากนี้ นายชวนยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนได้ยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาก่อนว่า เป็นสิทธิชอบธรรมที่จะทำได้ แต่ความเห็นของแต่ละฝ่ายอาจจะแตกต่างกัน ซึ่งในส่วนของพรรคยังยืนยันว่าอย่างน้อยควรจะมีการตั้งองค์กร หรือคณะบุคคลขึ้นมาศึกษาว่าเรื่องอะไรที่ควรจะปรับปรุงแก้ไข เรื่องอะไรที่ควรจะคงไว้ เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ควรให้เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้พิจารณาเพียงฝ่ายเดียว แต่ควรมองภาพรวมของทั้งประเทศ
“ถ้าให้นักการเมืองแก้ อาจจะแก้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งอาจจะถูกครหาอีก ทำไมไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือไม่มีผลประโยชน์ได้เสีย หรือเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนั้นๆ เช่น ผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ อย่างของปี 2550 ไม่ให้นักการเมืองเข้าไปมีส่วนเสนอความเห็น แต่ผมคิดว่าผู้ร่างคงไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้ง หรือเขียนกับดักเอาไว้ เพราะทุกพรรคต้องปฏิบัติเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าใครที่เคยชินกับระบบซื้อเสียงก็อันตรายหน่อย ถ้าใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องก็อาจจะอันตรายได้ พรรคจึงได้ระมัดระวังเรื่องนี้มาก และถ้าจำได้จะเห็นว่าตอนเลือกตั้งมีการสาบานกัน เราต้องนึกออกว่าใครกล้าสาบานบ้าง อันนี้คือที่มาของรัฐธรรมนูญที่มีความเข้มงวดกวดขันกับระบบเลือกตั้ง ทำให้พรรคการเมืองถูกยุบง่าย แต่ผมคิดว่า ถ้าเราจะคุยเรื่องนี้ ควรจะคุยทั้งระบบ และต้องดูต่อไปว่าจะมีมาตรการอื่นอีกหรือไม่ที่จะทำให้การเลือกตั้งสุจริตยุติธรรมมากขึ้น มิเช่นนั้น การเมืองจะเลวร้าย เพราะต้องยอมรับความเป็นจริงว่าการเมืองที่เป็นแบบนี้ ส่วนหนึ่งเพราะการเมืองของเราอยู่ภายใต้การซื้อ การโกง และเข้าไปทุจริต ดังนั้น ต้องหาทางที่ออกมาให้หลุดพ้นตรงนี้ให้ได้” นายชวน กล่าว
ส่วนการที่พรรคพลังประชาชนยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเองโดยไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมจะก่อให้เกิดการคัดค้านจากภาคประชาชนหรือไม่นั้น นายชวน กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะลงเอยอย่างไร แต่ถ้าหวังดีว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเหมาะสม ทุกฝ่ายยอมรับได้ และสามารถที่จะเป็นเครื่องมือในการที่จะให้การเมืองดีขึ้น ตนคิดว่าน่าจะสนับสนุนให้มีคณะบุคคลขึ้นมาศึกษาก่อน เพราะจะทำให้หลายฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการพิจารณา
/0110