“เพื่อไทย” ติงนายกฯ คิดให้รอบคอบยกเลิกหวยออนไลน์ หวั่นเข้าทาง “เจ้ามือหวยใต้ดิน” อย่าอ้างปัญหาสังคม-เด็กบังหน้า กร้าวจุดยืนครั้งสุดท้าย ไม่ร่วมสังฆกรรมแก้ รธน. เชื่อแค่เกมต่อรองกลบโกงกินและปรับเก้าอี้ รมต.
วันนี้ (4 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาการจำหน่ายหวยออนไลน์ โดยอ้างถึงผลกระทบเด็กเยาวชนว่า แม้เป็นเหตุผลที่ดูดีสร้างภาพให้ผู้คนเห็นว่าเป็นคนดี แต่กรณีนี้ต้องพิจารณาภาพรวมและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการยกเลิกอย่างรอบด้านก่อนหน้านี้นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ประกาศเป็นสัญญาประชาคมว่า จะมีการออกหวยแน่นอน รวมทั้งในส่วนของเอกชนได้เตรียมการในเรื่องของการจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์การออกหวยออนไลน์ไว้แล้วเช่นกัน เพราะเชื่อในนโยบายที่ รมช.คลังได้เคยสัญญาไว้
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ดังนั้น การที่จะยกเลิกการออกหวยออนไลน์ อาจทำให้เจ้ามือหวยใต้ดินได้ประโยชน์และทำให้ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลยังคงมีราคาที่สูงขึ้นต่อไป ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ แต่กลับอ้างผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ทั้งที่ข้อเท็จจริงปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น คือ เรื่องยาเสพติด เกมออนไลน์ การพนันฟุตบอลที่ระบาดเกลื่อนเมือง
“รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้ทราบเรื่องการออกหวยออนไลน์มาตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่ง หากจะมีนโยบายในเรื่องดังกล่าวควรจะต้องมีการศึกษาวิจัยตั้งแต่แรก มิใช่คิดเอาเอง เมื่อการดำเนินการเรื่องดังกล่าวถึงขึ้นตอนสุดท้ายที่จะมีการออกหวยแล้ว จึงมาสั่งยกเลิก อันแสดงถึงการขาดภาวะผู้นำ และก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งให้ยกเลิกการออกหวยออนไลน์ ขอให้นายกรัฐมตรี ได้นำปัญหาที่สำคัญคือ ความเติบโตและมั่งคั่งของเจ้ามือหวยใต้ดินในยุครัฐบาลนี้ และปัญหาราคาสลากกินแบ่งที่สูงลิ่วถึงใบละ 120 บาท ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลยุคสมัยใดมาก่อน มาประกอบการพิจารณาตัดสินใจด้วย อย่านำปัญหาเรื่องเด็กและเยาวชนมาบังหน้า เพื่อหวังสร้างภาพและกลบปัญหาอื่น โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล” นายพร้อมพงศ์กล่าว
ด้าน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงผลการประชุมคณะทำงานยุทธศาสตร์และการเมืองพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้กลับมาฮอตอีกครั้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยรำคาญและเบื่ออย่างยิ่ง ที่พรรคการเมืองต่างๆพยายามมาตื๊อให้พรรคเพื่อไทยไปร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเรื่องนี้มาโยงใยมาถึงพรรคเพื่อไทย เราจึงขอประกาศอีกครั้งและเป็นครั้งสุดท้ายว่า 1.พรรคเพื่อไทยประเมินสถานการณ์แล้วว่าการที่มีผู้นำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาพูดอีกในช่วงนี้ โดยที่หลายคนในรัฐบาลพยายามบอกว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่กระทบกระเทือนต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งใหญ่กว่าเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เรามองแล้วเห็นว่าผู้ที่นำเรื่องนี้มาพูดนั้นต้องการสร้างเรื่องหลอกประชาชน เนื่องจากภายในพรรคร่วมรัฐบาลกำลังมีปัญหา ข้อขัดแย้งและพยายามต่อรองอะไรบางอย่างอยู่ จึงนำเรื่องนี้มาพูดเพื่อต่อรองผลประโยชน์กันภายใน ด้วยการหลอกให้ประชาชนงงเล่น เช่นมาบอกว่าจะมาจับมือกับพรรคเพื่อไทย ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยได้นำมือไปไว้ในกระเป๋าแล้วก็ต้องขอบอกเลยว่าพวกเรารู้ทันน่า
2.นอกเหนือจากการต่อรองผลประโยชน์แล้วยังเป็นความพยายามกลบเกลื่อนเบี่ยงเบนความสนใจปัญหาคอร์รัปชันในรัฐบาลของประชาชน 3.พรรคเพื่อไทยขอเตือนพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งว่า อย่าพยายามดึงเกมเพื่อให้สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปและควรหยุดเล่นละครบทนี้ได้แล้ว เนื่องจากผู้ชมคือประชาชนเบื่อหน่ายที่จะชมต่อไปแล้ว 4.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พยายามเชิญชวนพรรคเพื่อไทยให้ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 หลายครั้ง ดังนั้น พรรคเพื่อไทยขอชวนให้นายอภิสิทธิ์ มาร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการเอารัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ทั้งฉบับเพื่อความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
5.ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวหรือร่วมสังฆกรรมใดๆ กับรัฐบาลไม่ว่าจะแก้ไข 6 ประเด็น หรือ 2 ประเด็น เพราะล้วนแต่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ของคนในรัฐบาลทั้งนั้น ล่าสุด มีคนมาเล่าว่า การเลือกตั้งซ่อมที่ภาคอีสานที่ผ่านมา บางพรรคการเมืองต้องใช้เงินมาถึง 70-80 ล้านบาทต่อแห่ง จึงรู้สึกเสียดายเงินเพราะต้องการใช้เพียง 10-20 ล้านต่อแห่ง จึงไม่อยากใช้วงเงินขนาดใหญ่ แต่อยากจะใช้วงเงินขนาดเล็ก เราจึงเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนญตามที่รัฐบาลเสนอจะไม่เป็นประโยชน์กับประชาชนแม้แต่น้อย และ 6.พรรคเพื่อไทย ขอยืนยันอย่างเดียวว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นบ่อเกิดของปัญหาและเป็นผลผลิตของเผด็จการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐธรรมนูญ 2540 เท่านั้นที่เป็นประชาธิปไตย และจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับคืนมา
เมื่อถามว่า ล่าสุดนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาระบุว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยูบำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย โทรศัพท์ไปหารือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่าจะไปหารือกับนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายปลอดประสพกล่าวว่า เชื่อว่า ร.ต.อ.เฉลิมจะไปหารือในกรอบของรัฐธรรมนูญ 2540 และคงไม่หลงประเด็นหรือไปตามเกมที่พรรคร่วมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่ 2 มาตรา เพราะพรรคเพื่อไทยยืนยันจุดยืน ต้องแก้ทั้งฉบับ
ด้าน นายพีรพันธุ์กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียง 2 ประเด็นนั้น เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลจึงไม่ควรไปเสียเวลากับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคเพื่อไทยทราบมานานแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ยอมแก้ไขเรื่องระบบเขตเลือกตั้ง จากเขตใหญ่ให้เป็นเขตเล็ก เพราะจะทำให้เสียพื้นที่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สามารถรุกเข้าไปในพื้นที่ภาคกลางและ กทม.ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ยื้อเวลามาตลอด หากอยากจะแก้ไขกันจริงๆ ทุกคนก็ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญ 2540 นั้นเป็นประชาธิปัตย์ ถ้ามีความจริงใจก็สามารถดำเนินการได้ทันทีเพราะมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ประชาชนได้ร่วมลงนามเสนอญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเอาไว้แล้ว