“ประสาร” ชี้การเมืองปี 53 ประเด็นแก้-ไม่แก้ รธน. ยังเป็นชนวนป่วน คาดทั้งปีก็แก้ไม่ได้ แนะ รบ.เตรียมตัวรับมือฝ่ายค้านรุมยำซักฟอก สัมพันธ์กับกัมพูชา-โครงการฉาว พร้อมวอน รบ.แก้ปัญหามาบตาพุด ด้วยการเคารพคำสั่งศาล อย่าออกหน้าเอื้อภาคเอกชนจนเกินงาม
วันนี้ (3 ม.ค.) นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงความคืบหน้าปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เนื่องจากมีความเห็นที่แตกต่างกันหลายฝ่าย โดยเฉพาะการแก้ไขเฉพาะมาตรา 190 และมาตรา 165 ซึ่งหลายคนมองว่าน่าจะเป็นที่ยอมรับได้กว้างที่สุด แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับของใครแม้แต่ฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านต้องการให้เอารัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาใช้แทน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าการแก้ไขเฉพาะ 2 มาตราดังกล่าวด้วยซ้ำไป หลังจากนี้ไปการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะขลุกขลักทุลักทุเลอย่างนี้ จะถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นทางการเมือง ยากที่จะเดินหน้าได้ ดังนั้น ในหนึ่งปีนับจากนี้จะไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
นายประสารกล่าวว่า การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านที่จะถึงนี้ รัฐบาลคงต้องเตรียมตัวให้ดี โดยฝีมือแล้วปีที่ผ่านมาขุนพลฝ่ายค้านสอบตกมาตลอด คาดว่ากระทรวงที่จะโดนรุมยำหนัก คือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม ซึ่งโครงการที่จะโดนอภิปรายอย่างหนัก คือ โครงการไทยเข้มแข็งที่มีปัญหาการใช้จ่ายเงิน ประเด็นความสัมพันธ์กับกัมพูชา โครงการเมกะโปรเจกต์ รถเมล์เอ็นจีวี รถไฟฟ้า และการประกันราคาพืชผล
นอกจากนี้ นายประสารยังกล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ถูกศาลปกครองสูงสุด สั่งไฟเขียวให้ไปแล้ว 12 โครงการ และไฟแดงอีก 64 โครงการนั้น ก่อนอื่นรัฐบาลควรจะเคารพคำสั่งศาล ไม่ควรออกมายืนข้างฝ่ายอุตสาหกรรมด้วยการเอื้อต่อภาคเอกชนโดยผ่านกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย นอกเหนือจากการเยียวยาที่รัฐบาลกำลังดำเนินอยู่ โดยนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นผู้รับผิดชอบแล้ว รัฐบาลควรให้ภาคราชการศึกษาหาบทสรุปในประเด็นสำคัญ เช่น ความสามารถของมาบตาพุดในการรองรับอุตสาหกรรมว่า ขณะนี้รองรับไม่ไหวแล้ว เพราะสารพิษแต่ละชนิดมีผลต่อร่างกายแบบไหน เช่น มวลสารพิษโดยรวมทั้งนิคมเกินขีดอันตรายแทนที่จะดูเป็นแต่ละโครงการว่าอยู่ในค่ามาตรฐาน เป็นต้น