xs
xsm
sm
md
lg

แฉ “แม้ว” เสีย 2 กุนซือ โดนจีนบีบอยู่เขมรยาก-โร่พึ่งศรีลังกา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สมศักดิ์” ให้ “มาร์ค” สอบตกด้านความมั่นคง ปล่อยแก๊งก่อกวนเหิมเกริม ทั้งที่สามารถใช้กฎหมายจัดการได้ทันที พร้อมจี้จัดการ รมต.พรรคร่วมเสมอภาคกับ ปชป.ก่อนรัฐบาลถึงจุดจบในปีหน้า ด้าน “ปานเทพ” เผย ปชป.ติดกับดัก ต้องเอาใจพรรคร่วม สร้างภาพเป็นกลาง รอความชอบธรรม ปล่อยแก๊งแม้วทำลายชาติจนเสียหาย ค่อยเข้าไปเยียวยา เชื่อ “ทักษิณ” เสีย 2 กุนซือมือดี ให้ “ยุทธ ตู้เย็น-จักรภพ” ทำแทนแต่มือไม่ถึง คาดอยู่เขมรยาก เหตุโดนจีนกดดัน ต้องโร่ไปพึ่งศรีลังกา แนะคนไทยทวิตหาแม้วช่วงปีใหม่ อย่าปล่อยให้พูดฝ่ายเดียวจนหลงตัวเอง





คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนในข่าว”

รายการ “คนในข่าว” ทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-22.00 น. วันที่ 30 ธันวาคม 2552 น.l.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ ดำเนินรายการ โดยมีนายสมศักดิ์ โกศัยสุข รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็น 1 ปี รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับการก้าวผ่านวิกฤติปี 2553

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผลงานรัฐบาลในรอบปีที่ผ่านมา เรามองว่าไม่ผ่านในหลายๆ ด้าน ซึ่งพรรคการเมืองใหม่ได้ประเมินไปแล้ว ถือว่าให้คะแนนแบบใจดีด้วยซ้ำ โดยให้คะแนนด้านความมั่นคงถึง 1.6 จากเต็ม 4 แต่โดยส่วนตัวคิดว่าด้านความมั่นคงควรได้ 0 เพราะยังมีปัญหาหลายด้าน เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การยอมถอยให้คนเสื้อแดงแค่ 680 คนที่ไปล้อมสภาในวันแถลงนโยบาย ทำให้ขบวนการก่อกวนเติบโต จนไปสร้างเหตุการณ์วุ่นวายในเดือนเมษายน จนสามารถล้มประชุมอาเซียนได้ ขณะที่ ทักษิณ ชินวัตร สามารถใช้สื่อจาบจ้วง การโจมตีประธานองคมนตรีขยายวงกว้างอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ขณะที่การชุมนุมโดยสงบของพันธมิตรฯ ถูกยิงด้วยระเบิดเอ็ม 79 ไม่มีความคืบหน้าของคดี เช่นเดียวกับคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุลด้วย

ปัญหาความมั่นคงก็โยงไปถึงปัญหาเศรษฐกิจ นายกฯ ไปเชียงใหม่ไม่ได้ การล้มประชุมอาเซียนที่พัทยา ทำให้การท่องเที่ยวลดลงไป 30% ขณะที่ปัญหาการทุจริต ประเทศไทยก็ติดอันดับสูงขึ้น ทั้งที่ในสมัยทักษิณเราพยายามเปิดโปงการคอร์รัปชั่น เปิดแล้วเปิดอีก แต่รัฐบาลนี้ก็ยังปล่อยให้มีทุจริตซ้ำ ทั้งเรื่องไทยเข้มแข็ง รถเมล์เอ็นจีวี รถไฟแสนล้าน มอเตอร์เวย์ไปโคราช เป็นต้น

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลดูดีขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากเดือนเมษายนที่ทำให้ความวุ่นวายสงบลงไป แต่ก็ไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไป อย่างไรก็ตาม การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ น่าเห็นใจที่คนขับเคลื่อนเป็นคนที่ถูกห้ามไม่ให้ลงเล่นการเมืองแต่ส่งลูกน้องมาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ ไม่สามารถควบคุมได้

ด้าน นายปานเทพกล่าวว่า ด้านการเมืองการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล โดยการเอื้อประโยชน์กันระหว่างพรรคร่วมฯ ถือว่าทำได้ดี แต่ก็เป็นประโยชน์กับตัวนักการเมืองมากกว่า ขณะที่การเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ รัฐบาลทำได้ดีในแง่ของการจัดงาน แต่การปราบปรามขบวนการจาบจ้วง ถือว่ายังไม่มีการตอบสนอง การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย แต่ไม่มีการตอบโต้จากรัฐบาล

ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนก็ไม่ผ่าน จากกรณีการยิงเอ็ม 79 ใส่พันธมิตร รวมถึงคดียิงนายสนธิ ถือว่ารัฐบาลล้มเหลว การที่รัฐบาลปล่อยให้เกิดเหตุร้ายขึ้นก่อนแล้วค่อยแก้ไขเยียวยา เช่น กรณีที่พัทยา แม้จะเยียวยาได้ แต่ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศติดลบ และเกิดความเสียหาย ส่วนด้านการต่างประเทศ ต้องชมนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่สามารถยกเลิกเอ็มโอยูไทย-กัมพูชาปี 2544 เรื่องเขตทับซ้อนทางทะเล การตอบโต้นายฮุนเซนสามารถทำได้ในระดับที่ต่างชาติยอมรับ แม้จะไม่ทันใจคนไทยอยู่บ้าง

นายปานเทพกล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาการทุจริตถือว่าแย่ที่สุดของรัฐบาลชุดนี้ โครงการต่างๆ เต็มไปด้วยการทุจริต แม้จะมีรัฐมนตรีที่รับผิดชอบลาออก ได้รับคำชื่นชม แต่ปัญหาไม่ได้จบลงแค่นั้น และไม่สบายใจที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ว่า เรื่องทุจริตที่มีมากเพราะมันเป็นข่าว ปีหน้าจะไม่ทำให้มันเป็นข่าว ซึ่งความจริงแล้ว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า จะเป็นข่าวหรือไม่เป้นข่าว แต่อยู่ที่ว่ามันทุจริตหรือไม่ หรือทุจริตมากน้อยแค่ไหน

ส่วนด้านเศรษฐกิจก็ถือว่าพอป่านไปได้ มีการอัดเงินลงไปมาก แต่อยากให้มองการลงทุนที่ยั่งยืนมากกว่า ไม่ใช่ทำเพื่อเอาคะแนนเสียง ที่สำคัญคือประเทศเราใช้วิธีขาดดุลงบประมาณติดต่อกันมา 12 ปีแล้ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่ายาวนานเกินไป

ขณะที่ด้านสังคม ยังถือว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญน้อยมาก สนใจแต่ทางการเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งพอเอาเข้าจริง การเมืองก็แก้แบบไม่ขาด เศรษฐกิจก็แค่พอไปได้ แต่ด้านสังคมถือว่าสอบตก

นายปานเทพกล่าวอีกว่า กฎเหล็ก 9 ข้อ ที่นายอภิสิทธิ์วางไว้ให้รัฐมนตรีปฏิบัติตามนั้น ส่วนใหญ่นายอภิสิทธิ์ยังทำตามไม่ได้ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นให้รัฐมนตรีมีความซื่อสัตย์ ก็ทำได้จำกัดเฉพาะรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ใครมีข้อสงสัยก็ปรับออกได้ทันที แต่พรรคร่วมฯ ยังสามารถทำอะไรตามใจได้เหมือนเดิม พอสื่อมวลชนจับได้ก็ค่อยพลิกเกมทีหลัง เช่น รถไฟ การบินไทย การขายข้าว แต่สุดท้ายแล้วก็ควบคุมพรรคร่วมไม่ได้ บางโครงการ พรรคประชาธิปัตย์เคยต่อต้านตอนเป็นฝ่ายค้าน ก็ปล่อยให้ทำต่อไปได้

นายปานเทพกล่าวอีกว่า หากจะใช้แถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 29/2551 ที่เรียกร้องไปยังรัฐบาล 12 ข้อนั้น ถือว่ารัฐบาลทำได้เพียง 2 ข้อครึ่งเท่านั้น โดยมีเรื่องที่ทำสำเร็จคือการยกเลิกเอ็มโอยูทางทะเลกับกัมพูชา การยกเลิกพาสปอร์ตและการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ

ส่วนที่ยังไม่ผ่าน ได้แก่ การเร่งรัดดำเนินการกับคนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การแสดงจุดยืนไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 การส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมืองและป้องกันคนไม่ดี การเร่งรัดคดีทุจริตคอร์รัปชั่น การโยกย้ายข้าราชการที่รับใช้ทักษิณ การเร่งรัดคดีฮุบที่ดินเขากระโดง ที่บุรีรัมย์ การสลายรัฐตำรวจที่คุกคามกลั่นแกล้งประชาชน การเร่งรัดคดี 7 ตุลาฯ การยุติการใช้สื่อรัฐโฆษณาชวนเชื่อให้ระบอบทักษิณ หันมาให้การศึกษาประชาขน ซึ่งถือว่ารัฐบาลล้มเหลวอย่างยิ่ง การระงับโครงการที่ส่อทุจริต เช่น รถเมล์เอ็นจีวี การสร้างอาคารรัฐสภา การปฏิรูปการเมืองโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม

นายสมศักดิ์กล่าวเสริมว่า ลำพังส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ถือว่าผ่าน โดยเฉพาะในระยะหลังที่บอกว่า ถ้าทักษิณจะเจราต้องทำตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสมที่ผิดปกติ เพราะพรรคร่วมมาจากรัฐบาลนอมินีทักษิณที่พลิกขั้วมา คนพวกนี้เคยทำอะไรไว้ในรัฐบาลเดิม และผู้นำจริงๆ ถูกพิพกาษา พอเข้ามาก็จะแก้ รธน.ไม่ให้ตัวเองถูกเว้นวรรค ระบบทักษิณก็ฉวยโอกาสก่อกวน เพื่อชิงอำนาจคืน

อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์กล่าวว่า ถ้านายกฯ เข้มแข็ง กล้าหาญ ก็จะจัดการกลุ่มก่อกวนตามกฎหมายได้ คนพวกนี้ไม่ได้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ แต่เจตนาต้องการจะก่อกวน พรรคเพื่อไทยก็แสดงเจตนาว่าจะไม่เคารพกฎหมาย เพราะบอกว่าจะเอาทักษิณที่เป็นนักโทษมาเป็นนายกฯ การก่อกวนก็ทำให้รัฐบาลเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ความอ่อนแอของผู้นำจึงเป็นอุปสรรคใหญ่ การบริหารในยามวิกฤติ ต้องเด็ดขาดเกว่านี้

“พรรคประชาธิปัตย์อาจเริ่มพัฒนา รัฐมนตรที่มีปัญหาก็ลาออก แต่พรรคร่วมฯ นายกฯ ไม่กล้าแตะ แถมยังมาข่มขู่อีกว่าถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไปเอาตามทักษิณ เจอแบบนี้ก็หน้ามืดเหมือนกัน” นายสมศักดิ์ กล่าวและว่า ในปีหน้าอาจถึงจุดจบของรัฐบาลก็ได้ เพราะพรรคร่วมฯ กดดันตลอด คนพวกนี้รู้ว่านายกฯ ใจไม่ถึง ก็เกทับให้เป็นเบี้ยล่าง ขณะที่รัฐบาลเองแทนที่จะเอาประชาชนเป็นฐาน นายสุเทพกลับไปบอกว่า ไม่มีเขาก็ไม่มีเรา ไปร้องเพลง “ขาดเธอแล้วฉันจะรู้สึก” แทนที่จะเป็นเพลง “ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก” ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลไม่ดีเท่าที่ควร

นายปานเทพกล่าวต่อว่า รัฐบาลที่มีประชาธิปัตย์เป็นแกนนำติดกับดักอยู่ 4 อย่าง คือ 1.เห็นแก่พรรคร่วมมากเกินไป เพราะอยากเป็นรัฐบาลนานๆ ยอมเอาตำแหน่งดีๆ ให้พรรคร่วมฯ หมด การขับเคลื่อนอะไรจึงทำได้ยาก 2.รัฐบาลอยากได้ภาพวีรบุรุษที่เป็นกลาง เพราะคิดว่าเป็นภาพที่งดงาม จึงไม่กล้าดำเนินการกับคนเสื้อแดงอย่างเต็มที่ และไม่กล้าใช้สื่อในการให้ข้อมูล กลัวว่าจะไม่เป็นกลาง ถ้าใช้สื่อก็จะใช้ทำลายทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดง มองพันธมิตรฯ ไม่เป็นมิตร ประชาชนไม่มีโอกาสรับรู้ข้อเท็จจริง มีแต่ความไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิดไปเรื่อยๆ

3.รัฐบาลมัวแต่ตั้งรับรอความชอบธรรมแต่เพียงฝ่ายเดียว รอให้แดงทำให้ถึงที่สุด ทำลายการประชุม เผาบ้านเมือง แล้วค่อยจัดการ หรือ รอให้การจาบจ้วงลุกลามออกไปอิ่มตัว ค่อยลงมือจัดการ 4.รัฐบาลใช้วิธีเยียวยาทีหลัง ซึ่งได้สร้างความเสียหาย และถือว่าเป็นต้นทุนที่แพงมาก เช่น เมื่อเดือนเมษายน รัฐบาลปล่อยให้คนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งได้ทำลายภาพลักษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ความเสียหายที่รถเมล์ถูกเผา ชาวบ้านนางเลิ้งถูกฆ่า ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย มันคุ้มกันหรือไม่ ทั้ง 4 ประการเป็นกับดัก แต่รัฐบาลนี้โชคดี เพราะทักษิณและคนเสื้อแดงสะดุดขาหกล้มเอง เพราะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

นายสมศักดิ์กล่าวเสริมว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงไม่ชอบธรรมอยู่แล้ว รัฐบาลควรจัดการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้เกิดความเสียหาย ถ้ารัฐบาลไม่ปรับปรุงจุดนี้ ก็จะถึงจุดจบ เพราะต้นปีหน้าคนเสื้อแดงก็จะก่อม็อบรุนแรงขณะที่ในสภาก็จะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พวกผีบ้านผีเมืองก็จะถือโอกาสแทรกซ้อนเข้ามา ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเอง ถ้ามีเงินแทรกเข้ามา แต่ละคนก็ซื้อได้ทั้งนั้น พวกเราก็รู้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลเลี้ยวได้ตลอด ประชาธิปัตย์ต้องระวัง

นายปานเทพให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เมื่อถึงจุดนั้น นายกฯ คงไม่ลาออก อาจใช้วิธีการยุบสภา ขณะที่การรัฐประหารก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยฝ่ายที่ต้องการรักษาเงิน 7.6 หมื่นล้านอาจร่วมกับคนที่มีคดีติดตัวเช่นคดี 7 ตุลาฯ และอีกหลายคดี

อย่างไรก็ตาม นายปานเทพเชื่อว่า ลึกๆ แล้ว ทักษิณ ชินวัตร กำลังห่อเหี่ยว การที่มีนายยงยุทธ ติยะไพรัช และนายจักรภพ เพ็ญแข ไปอยู่ข้างๆ แสดงว่าเขาสูญเสียมือต่อรองทางด้านธุรกิจไปแล้ว 2 คน คนหนึ่งมีหน้าที่เจรจากับทางเมืองจีน อีกคนเจรจากับทางยุโรปและดูไบ แต่ตอนนี้ได้หายตัวไป ไม่รู้ไปพร้อมกับผลประโยชน์หรือเปล่า แต่สำหรับนายยงยุทธ และนายจักรภพที่มาแทนนั้นยังมือไม่ถึง วันนี้ ทักษิณจะอยู่ในเขมรก็อยู่ยาก ทางจีนก็กดดัน ต้องรีบออกมา จึงต้องไปหาศรีลังกา เพื่อหาที่อยู่ใหม่ เพราะจะเคลื่อนไหวแบบที่เคยทำที่ดูไบคงยากแล้ว ซึ่งสะท้อนว่า เขาว้าเหว่ โอกาสชนะริบหรี่เต็มที

นายปานเทพกล่าวต่อว่า ปีใหม่นี้ ขณะที่ทักษิณสะดุดขาตัวเอง แต่รัฐบาลก็ทำอะไรไมได้ เพราะติดกับ 4 ด้าน คนไทยก็มีแต่ความอึดอัด แต่ก็มีวิธีที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ โดยส่งข้อความทวิตเตอร์ถึงทักษิณให้มากๆ ให้เขาได้รับไออุ่นจากฝั่งพันธมิตรหรือคนอื่นๆ บ้าง อย่าปล่อยให้เขาพูดแต่ด้านเดียวหรือหลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา

นายสมศักดิ์กล่าวในตอนท้ายว่า ในปีหน้า นายกฯ ต้องดำเนินการกับพรรคร่วมอย่างเสมอภาคกับประชาธิปัตย์ พรรคร่วมทำผิดต้องตรวจสอบ เพราะกฎ 9 ข้อยังอยู่ คำแลถงนโยบายก็ยังอยู่ต้องทำให้ได้ ต้องอาศัยความกล้า สร้างภาวะผู้นำ การก่อกวนต้องป้องกันไม่ให้เกิด เพราะมันไม่คุ้ม และทำให้เสียแต้มทางการเมือง





กำลังโหลดความคิดเห็น