นายกรัฐมนตรี ชี้ยังมีเวลาทำความเข้าใจแก้รัฐธรรมนูญกับพรรคร่วม ปัดถูกใครกดดัน และใครจะพลิกขั้วก็เป็นสิทธิ์ ชี้ให้ดูบทเรียนปี 51ความขัดแย้งไม่มีประโยชน์กับใครบ้านเมืองจะเดินไม่ได้ แต่เชื่อคุยกันจะทำเสถียรภาพแน่นขึ้น ด้าน “ชาญชัย” รวมหัวลงมติทางเดียวกัน ไม่งั้นรัฐบาลแตกแน่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (28 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคร่วมรัฐบาลบีบให้แก้รัฐธรรมนูญในสองประเด็นที่เสนอมา หากไม่ดำเนินการจะไปร่วมกับพรรคเพื่อไทยทันทีว่า เมื่อวันที่ 27ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้พบกับนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ได้พูดแนวทางก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคเพื่อแผ่นดินบอกว่าหากเสนอสู่สภาฯ พรรคร่วมต้องไปในทิศทางเดียวกันไม่งั้นจะแตกกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันไม่ได้เสนอในนามรัฐบาลและเรื่องนี้ยังมีเวลาที่จะมาพูดคุยกัน เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นระเบิดเวลาสำหรับรัฐบาลและพรรคร่วมหรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าไม่ ที่สุดทุกพรรคที่มาร่วมรัฐบาลต้องการที่จะเห็นบ้านเมืองสามารถเดินไปข้างหน้าได้ หากทำอะไรแล้วไปกระทบทำให้เกิดความขัดแย้งความวุ่นวายขึ้นก็คงไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งสิ้น เราก็เห็นสภาพมาแล้วเวลาที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับใคร ไม่ว่าจะอยู่พรรคไหนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ที่สำคัญประชาชนเดือดร้อน
“การประเมินสถานการณ์อาจไม่ตรงกันก็จะพูดคุยกัน แต่โดยหลักขณะนี้ทุกคนน่าจะมองตรงกันแล้วว่า กรอบเดิมที่ทำในคณะกรรมการสมานฉันท์ถ้าฝ่ายค้านเขาไม่ร่วมมันก็ไม่ได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตอนนี้มีอยู่ว่ามีความต้องการของแต่ละพรรคในการแก้ไขประเด็นไหนอย่างไร ก็เห็นแยกออกมาสองประเด็นและก็บอกว่าเป็นเรื่องของสภาฯ ส่วนแต่ละพรรคจะมีจุดยืนอย่างไรก็มาพูดคุยกันได้อีก”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า เมื่อเจตนารมณ์ไม่ตรงกันจะอยู่เป็นพรรคร่วมต่อไปได้หรือไม่ นาอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ตรงกัน เจตนารมณ์คือต้องการที่จะทำงานให้ทุกอย่างเดินไปด้วยความเรียบร้อยแต่จะประเมินสถานการณ์ยังไม่ตรงกันก็มาคุยกัน เมื่อถามว่า หลังปีใหม่คิดว่าจะหาจุดร่วมด้วยกันได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นได้ ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ต้องมาแลกเปลี่ยนกัน บังเอิญตนยังไม่ได้มีโอกาสคุยด้วยตนเอง เมื่อถามว่า เหมือนกันเขาพยายามบีบให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องเห็นด้วยกับเรื่องเขตเดียวเบอร์เดียว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครบีบใคร
เมื่อถามว่าเรื่องเขตเดียวเบอร์เดียวจะกลายเป็นตัวความขัดแย้งหรือไม่ นาอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงๆประเด็นนี้เป็นประเด็นในเรื่องเทคนิคของระบบ เพียงแต่ความเห็นต่างกันเท่านั้น ว่าระบบไหนน่าจะทำให้การเมืองดีกว่ากันหรือนักการเมืองมีคุณภาพกว่ากันเท่านั้นเอง เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังอ่อนได้อีกหรือไม่หากพรรคร่วมต้องการแบบนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากเรียนว่าจริงๆทุกพรรคประเด็นเรื่องเขตนั้นความเห็นในพรรคตัวเองก็มีความเห็นไม่ตรงกันเกือบทุกพรรค กล้าพูดได้เหมือนกัน ฉะนั้นเป็นประเด็นที่สามารถมาแลกเปลี่ยนกันได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จัดลำดับความสำคัญในช่วงปีหน้าอะไรต้องทำก่อนทำหลังระหว่างรัฐธรรมนูญกับการแก้ปัญหาของประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญตนคิดว่าเป็นเรื่องที่บอกไปแล้วว่าเป็นเรื่องของพรรคการเมือง เป็นเรื่องของสภาฯ รัฐบาลจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆไป เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นเหตุให้มีการพลิกขั้วทางการเมืองอีกครั้ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอเรียนว่าการตัดสินใจของแต่ละพรรคการเมืองเป็นเอกสิทธิ์ของเขา ตนมีความมั่นใจว่าแนวทางที่จะพูดคุยกันจะเป็นแนวทางที่ทำให้การเมืองมีเสถียรภาพมากที่สุด
“ผมคิดว่าเราต้องเก็บเกี่ยวบทเรียนจากปี 2551 ว่าถ้าไปหยิบเอาสิ่งที่เป็นประเด็นความละเอียดอ่อนและมีความขัดแย้งสูงในสังคมและคิดว่าจะผลัดดันกันไปได้โดยคิดว่ามีเสียงในสภาฯสุดท้ายบ้านเมืองเดินไม่ได้แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับใคร ฉะนั้นถ้าเราเรียนรู้จากปี 2551 เราจะจัดการและหาคำตอบเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลเรียนรู้กับบทเรียนที่เกิดขึ้นหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าเขาก็อยู่กับความเป็นจริงเขาถึงได้ปรับแนวคิดการจะทำ 6 ประเด็นมาเหลือ 2 ประเด็น
ขณะที่ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า แม้เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรคที่จะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เห็นว่าพรรคร่วมควรลงมติในทิศทางเดียวกัน ไม่เช่นนั้น จะทำให้รัฐบาลแตกได้