นายกฯ อภิสิทธิ์คอนเฟอเรนซ์จากสหรัฐฯ ระบุกลับไทยพร้อมหารือวิป 3 ฝ่ายถกแก้รธน. เผยฝ่ายค้านแย้งตั้ง ส.ส.ร.3 ก็ได้ แต่ต้องทำประชามติก่อนแก้รัฐธรรมนูญ ลั่นพร้อมยุบสภา หากเสร็จสิ้นกระบวนการ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (26 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์แถลงข่าวตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บคอนเฟอร์เรนซ์จากสหรัฐอเมริกาถึงกรณีที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยที่จะตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.3 ) ว่า ตนฟังดูแล้วเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยมีความกังวลว่าจะแก้ในหกประเด็นหรือไม่ อีกทั้งยังมีความเห็นว่าส.ส.มีความชอบธรรม ไม่จำเป็นต้องตั้งส.ส.ร.พูดง่ายๆคือหากตั้งส.ส.ร.อาจเสียเวลา ตนก็จะกลับไปพูดคุยเรื่องนี้เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นนั้นไม่เป็นปัญหาเพียงแต่ตนต้องกลับไปแลกเปลี่ยนความเห็นถึงหลักการที่พูดไว้ในสภาว่า หากกระทำโดยไม่มีส.ส.ร.และใช้สมาชิกรัฐสภาดำเนินการนั้น เป็นคำถามที่ต้องตอบว่าไม่ใช่เรื่องที่นักการเมืองต้องการแต่ประชาชนต้องการ ดังนั้นใจของตนคือไม่ตั้งส.ส.ร.ก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้มีการทำประชามติหลังจากที่รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า พรรคฝ่ายค้านไม่ต้องการทำประชามติ จะมีทางออกเช่นใด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องถามเหตุผลว่าทำไมถึงไม่สอบถามประชาชน เมื่อถามว่า จะไปหารือกับวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 1 ต.ค.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมเห็นว่าต้องให้ประชาชนตัดสินด้วยซ้ำ แล้วยังอ้างว่าให้ไปยุบสภา และไปถามประชาชนว่าเลือกพรรคนี้แก้ เลือกพรรคนั้นไม่แก้ ความจริงหากอยากถามให้ตรงก็ควรให้ประชาชนเห็นร่างแก้ไขเลยว่าจะรับหรือไม่รับ ทางด้านนี้ใช้เหตุผลของเขาอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่รับ เพราะเป็นไปตามตรรกะอยู่แล้ว”
เมื่อถามว่า มั่นใจเพียงใดว่าหากแก้รัฐธรรมนูญแล้วความขัดแย้งในสังคมจะไม่เกิดขึ้นอีก นายอิภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องถามก่อนว่าคนที่เรียกร้องเพราะความขัดแย้งในตอนนี้ที่ปรากฏขึ้นคือการชุมนุมเคลื่อนไหวต่างๆ แต่สิ่งที่รัฐบาลกระทำคือเมื่อมีความเห็นจากส่วนหนึ่งในสังคมว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเกิดขึ้นจากการยกร่างในช่วงหลังการรัฐประหาร เมื่อไม่เป็นที่พอใจ รัฐบาลก็ตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมาแล้วมีความเห็นว่าการแก้ไขครั้งนี้มี 6 ประเด็น เราก็ตอบสนองว่าต้องดูกระบวนการ ขณะเดียวกันมีบทเรียนจากปีที่แล้วว่าการแก่รัฐธรรมนูญโดยไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม นำไปสู่การเรียกร้องจากคนอีกกลุ่มหนึ่ง เราก็บอกว่า หากทำ 6 ประเด็นเสร็จก็ให้ทำประชามติ ตนคิดว่าแนวทางนี้เป็นแนวทางที่ทุกคนรับได้ ส่วนความขัดแย้งจะหมดไปหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ แต่ตอบได้ว่าหากทำในสิ่งเหล่านี้แล้วและยังมีการชุมนุมต่อต้านอีก แสดงว่าผู้ชุมนุมไม่ได้คิดเรื่องรัฐธรรมนูญอย่างที่พูด แต่คิดเรื่องอื่นสิ่งเหล่านี้ต้องรอดูต่อไป
เมื่อถามว่า นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิป)ระบุว่าหากแก้รัฐธรรมนูญเสร็จก็ยุบสภาได้แต่ไม่ควรมีผู้ชุมนุมเคลื่อนไหว รับข้อเสนอนี้ได้หรือไม่ นายอิภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทุกฝ่ายพยายามจะบอกว่าทำอย่างไรถึงจะไม่มีม็อบ แต่ตนพูดมาตลอดว่าเอาเข้าจริงแล้วพอจะมีการชุมนุมและคนที่จะมาชุมนุมนั้นต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญก็ไม่มีใครห้ามได้ และไม่มีใครไปบอกว่าไม่มีสิทธิทำ เพียงแต่การชุมนุมหากไม่เกินขอบเขตก็ไม่มีปัญหา หากชุมนุมแล้วแถมด้วยความรุนแรง ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ มีความเสี่ยงกับการเกิดความวุ่นวาย ซึ่งบั่นทอนเสถียรภาพบ้านเมืองและประเทศ ดังนั้นเงื่อนไขที่บอกว่าไม่อยากให้มีการชุมนุมก็ไม่มีใครอยากให้มี แต่ทั้งนี้ อยู่ที่แต่ละฝ่ายจะมีจุดยืนอย่างไร โดยส่วนตัวคิดว่ายังมีคนกลุ่มเล็กๆที่จะใช้วิธีการชุมนุมเพื่อต้องการความวุ่นวาย เพราะเป็นเป้าหมายของบางคนและบางกลุ่ม
เมื่อถามว่า หากแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะยุบสภาเลยหรือไม่ นายอิภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่การแก้ หากแก้แล้วต้องยุบมันก็ต้องยุบ หากแก้แล้วมีการระบุว่าไม่ต้องยุบก็เป็นดุลพินิจของตน และตนไม่ขัดข้องทางหนึ่งทางใด แต่คนที่จะกระทำเรื่องนี้ต้องกำหนดเองโดยหลักคือหากแก้แล้วเกี่ยวข้องกับสถานะภาพของส.ส.และไม่มีบทเฉพาะกาลก็ต้องยุบสภา เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีแนวคิดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญไปในทางเดียวกันหรือไม่เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรยื้อเรื่องนี้ นายอิภิสิทธิ์ กล่าวพร้อมแซวนายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นโฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ที่นั่งอยู่หน้าจอทีวีเว็บคอนเฟอร์เรนซ์ว่า ”ไม่ยื้อหรอกครับ ก็เห็นนั่งยิ้มอยู่ข้างหน้า ก็ไม่มีอะไรที่ขัดกันเลย ยิ้มใหญ่เลย” ทำให้นายวัชระต้องยกมือไหว้เป็นเชิงขออภัยไปที่หน้าจอทีวี
