“อภิสิทธิ์” ปัดไม่พูด “มนูญกฤต” เตรียมนั่งแท่น หน.เพื่อไทย โบ้ยให้ฟังเจ้าตัวพูดเอง เพราะมีอิสระในการตัดสินใจ เนื่องจากได้ออกจากพรรค ปชป.ไปแล้ว เผยไม่หนักใจ เพราะ ปชป.มีแนวทางการเมืองชัดเจน ไม่หวั่นแม้การเมืองไทยยังต้องมีชื่อ “ทักษิณ” อยู่ในวงการ ลั่น จนท.ใส่เครื่องแบบรัฐก็ต้องทำหน้าที่ให้รัฐ มั่นใจหากเกิดเหตุม็อบจะไม่มี ตร.ใส่เกียร์ว่าง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีรายชื่อของ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ จะขึ้นไปเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า คงต้องฟังท่านว่ามีท่าทีอย่างไร เมื่อถามว่าการที่ท่านออกไปมีปัญหาอะไรหรือเปล่า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบ จริงๆแล้วก็ยังพูดคุยกันตามปกติ เมื่อถามอีกว่า ก่อนหน้านี้มีท่าทีมาก่อนหรือไม่ว่าจะอาจจะไปอยู่พรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยิน เพิ่งจะมาได้ยินในช่วงหลังนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำฝ่ายค้านเคยอ้างว่าได้ข้อมูลเรื่องเงินบริจาคทีพีไอ มาจาก พล.ต.มนุญกฤต นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงเป็นคนละประเด็นกัน ท่านมีอิสระในการตัดสินใจในส่วนของท่านเอง เมื่อถามว่าจะทักท้วงอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ท่านออกจากพรรคไปแล้วนะ
เมื่อถามย้ำอีกว่า หนักใจไหมที่คนกันเองของพรรคประชาธิปัตย์จะไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ไม่มีอะไรหนักใจๆ เพราะเรามีแนวทางการทำงานการเมืองของเราชัดเจน พรรคเพื่อไทยเขาก็มีความชัดเจนต่อเนื่องมาจากพรรคพลังประชาชน ไทยรักไทย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ละพรรคกำลังมุ่งไปสู่สนามเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ธรรมดา พรรคการเมืองต้องมีการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป เมื่อถามว่า กลายเป็นว่าเขากำลังนับถอยหลังรัฐบาลอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันหรอก จริงๆแล้วการเตรียมตัวการเลือกตั้ง มันก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ยุคนี้ในส่วนของตัวบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือคนจะมาเป็นผู้นำในการกำหนดแนวทางมันต้องใช้เวลา
“ไอ้ที่จะไปอยู่ดีๆ ไปรวบรวมคนกันมา แล้วไปลงเลือกตั้งเลย มันไม่ง่ายหรอกยุคนี้ เพราะฉะนั้นทุกพรรคก็ต้องเตรียมการล่วงหน้า” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ขยับเรื่องนี้ช้ากว่าพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ เพราะวันที่ 20 มิ.ย. กรรมการบริหารก็มีการซักซ้อม เมื่อถามว่า การหาเสียงของพรรคเพื่อไทย มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไรๆ ถ้าอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าสุดท้ายการเมืองไทยก็ยังไม่พ้นคนชื่อ “ทักษิณ” นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในอดีตก็ยังมีบทบาทกันทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ซักต่อว่าบทบาท พ.ต.ท.ทักษิณ จะกระทบบทบาทของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สามารถแสดงความคิดเห็นตามปกติได้ รัฐบาลก็ทำงาน ใครจะแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์อะไรที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก็สามารถทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้ย้ำกับนักธุรกิจว่าจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ชุมนุมของประชาชนกระทบตรงนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าภาพลักษณ์ของประเทศ และการแก้ปัญหาได้รับผลกระทบ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรที่ไม่สงบ และต่างชาติมองว่าบ้านเมืองเราไม่สามารถบริหารจัดการได้ ตรงนี้เป็นจุดที่รัฐบาลต้องมีความแน่วแน่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย เมื่อถามว่า บทเรียนจากการใช้อำนาจครั้งที่แล้วจะมีการปรับเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอย่างไรบ้าง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราเรียนรู้จากเหตุการณ์ต่างๆ เหตุการณ์ที่พัทยา สงกรานต์ตอนต้น ก็เป็นสิ่งที่เราได้เก็บเกี่ยวมา แล้วฝ่ายความมั่นคงได้ทบทวนเรื่องเหล่านี้และเตรียมการอยู่สำหรับกรณีที่มีการชุมนุมใหญ่ การทำงานในส่วนของตำรวจทหารต้องมีการปรับปรุงจากช่วงก่อนสงกรานต์ เขาจะต้องทราบว่าการรักษาความสงบเรียบร้อย และการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นหน้าที่ของเขาโดยตรง
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาเรื่องตำรวจไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ตามที่ควรจะเป็นจะเกิดอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ทำความเข้าใจมาโดยลำดับ มี 2 ประเด็น คือ หลายครั้งเขาไปคิดว่าเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ประสงค์ที่จะใช้เจ้าหน้าที่ฝ่ายใดเป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่เป็นหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องประเทศชาติบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องการเมือง 2. การคุ้มครองในทางกฎหมาย ยืนยันว่ารัฐบาลจะมีนโยบายค่อนข้างชัดเจนเกี่ยวกับแนวปฏิบัติ หากทำตามแนวทางภาครัฐโดยฝ่ายนโยบายก็พร้อมที่จะดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เคยระบุว่ายังมีตำรวจเสื้อแดงให้เห็นอยู่แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ปัญหาแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ใครจะมีความคิดเห็นในใจทางการเมืองอย่างไรไปห้ามกันไม่ได้ แต่เมื่อสวมเครื่องแบบของรัฐก็ต้องทำหน้าที่ให้รัฐ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการทำความเข้าใจกับแกนนำเสื้อแดงที่จะชุมนุมวันที่ 27 มิ.ย. หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในชั้นนี้ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดของการชุมนุมในวันที่ 27 มิ.ย. เท่าที่ทราบมีการออกไปจังหวัดต่างๆ แต่เห็นพูดว่าจะไม่ยืดเยื้อ เมื่อถามว่าข้อเรียกร้องยังเป็นเรื่องเดิม คือสองมาตรฐาน เลือกปฏิบัติ ไม่ให้ความเป็นธรรม
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันเป็นจุดยืนความคิดของเขาเราก็พยายามอธิบาย ซักว่าคิดว่าจะปลุกมวลชนได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชนจะใช้วิจารณญาณ แต่ไม่ว่าท่านจะเชื่ออย่างไรก็ขออย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะจะกระทบกับประเทศชาติโดยรวม
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่รัฐได้ตั้ง 2 คณะกรรมการตรวจสอบเหตุชุมนุม สามารถช่วยได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ช่วยได้ในระดับหนึ่ง ฉะนั้นบางประเด็นในขณะนี้ก็จะพูดถึงน้อยลง ถือว่าเข้ามาอยู่ในเวลาสภาฯแล้ว ต่อข้อถามว่า ช่วยได้ในระดับที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจในภาครัฐหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องติดตามต่อไป ทั้งนี้ในวันที่ 16 ก.ค. คณะกรรมการทั้ง 2 ส่วน จะเข้ามารายงานความคืบหน้าให้ตนทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเแรกนายกรัฐมนตรีพยายามปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยย้ำว่าถ้าไม่ถามอะไรที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งก็ถามได้ สื่อมวลชนจึงถามถึงเหตุเหตุระเบิดข้างเวทีปราศรัย แต่ยังไม่ทันจะถามจบระโยค นายกฯ ก็เดินหนี เพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ นักข่าวจึงต้องถามเรื่องอื่นแทน ถึงจะยอมให้สัมภาษณ์