"สำราญ" ควง "โฆษก ปชป." ซัดกลับ "ไอ้ตู่" ใส่สีตีไข่เอกสารลับบัวแก้ว หวังเรียกคะแนนสงสาร ปูทางนายใหญ่ ก่อหวอดหลังปีใหม่ "หมอบุรณัชย์" ชี้ "ไอ้ตู่" ปั้นน้ำเป็นตัว บิดเบือนเนื้อหาหนังสือราชการ แม้เอกสารลับจะเป็นของจริง แต่ "ไอ้ตู่" แต่งเรื่องพูดมั่ว "โฆษก ก.ม.ม." ย้ำ เจรจา "นช.แม้ว" ได้ แต่ต้องทำหลังติดคุก
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “รู้ทันประเทศไทย”
รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.30-20.00 น. โดยในวันจันทร์ที่ 21 ธ.ค. มี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายสันติสุข มะโรงศรี เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้เชิญ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ และนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นเอกสารลับ ที่เกี่ยวกับขบวนการสู้ล้างคดีความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นพ.บุรณัชย์ กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนว่าเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งนายจตุพร เป็นคนมีปัญหาอยู่แล้วเรื่องการพูดความจริง โดยตนขอยืนยันแค่ในส่วนเอกสารลับดังกล่าวว่าเป็นของจริง แต่คำพูดที่นายจตุพร ออกมากล่าวอ้างล้วนแล้วแต่เป็นการตัดทอนคำว่า "ไม่" กับ "ใช่" ออก เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง ดังนั้น ใจความคำพูดที่นายจตุพร กล่าวจึงไม่มีอะไรที่ตรงกับความจริงในเอกสารดังกล่าว หรือจะเรียกสั้นๆง่ายๆคือ นายจตุพร พูดโกหก ไม่ว่าจะเรื่องการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ หรือจะเป็นการบอกว่ามีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
"เอกสารนั้นเป็นของจริงที่มีอยู่ แต่สิ่งที่นายจตุพรพูด ถือเป็นการพูดตรงข้ามกับความจริงทั้งหมด โดยกระทำดังกล่าว นายจตุพรต้องการพูดเพื่อหวังผลให้เกิดปฏิกิริยาให้คนฟังหลงเชื่อ เช่น ประโยคที่ว่า หลีกเลี่ยงการใช้การเมืองระหว่างประเทศและหลีกเลี่ยงการแทรกแซงการเมืองซึ่งกันและกัน แต่นายจตุพร กลับบอกว่า ทำเพื่อต้องการแทรกแซงการเมืองในกัมพูชา ถึงขั้นที่ว่า จะมีการปฏิวัติ ทำให้ใจความในเอกสารดังกล่าวตรงกันข้ามกับความจริง เพียงแต่เรื่องดังกล่าวต้นฉบับมาจากเอกสารลับ จึงเป็นไปได้ยากที่จะมาเทียบเคียงทุกประโยคว่า นายจตุพร พูดเท็จอย่างไรบ้าง" นพ.บุรณัชย์ กล่าว
นายสำราญ กล่าวประเด็นนี้ ว่า เอกสารดังกล่าวได้เป็นการประเมินสถานการณ์ว่าไทยโดนกัมพูชายั่วยุให้ใช้ความรุนแรงเผชิญหน้ากัน โดยในเอกสารดังกล่าว มีเนื้อหาครบถ้วน ทั้งยังระบุถึงวิธีการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า นายจตุพร เป็นคนที่เก่งในเรื่องการใส่สีตีไข่ กลายเป็นว่าเอกสารฉบับนี้ ต้องการไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ตายในเร็ววันนี้ ซึ่งขัดกับความเป็นจริงของผู้ที่ได้อ่านเอกสารฉบับนี้อย่างครบถ้วน โดยตนขอยืนยันว่า เนื้อหาในเอกสารเป็นข้อเสนอที่สร้างสรรค์ อยากให้ฝ่ายไทยมีสติต่อแรงยั่วยุ แล้วให้รัฐบาลและกระทรวงต่างประเทศพยายามแยก พ.ต.ท.ทักษิณ กับสมเด็จฯ ฮุนเซน ให้แยกออกจากกันหน่อย รวมทั้ง ต้องการทำให้เห็นว่า ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะสู้อย่างไรก็ไม่มีทางชนะ ดังนั้น สิ่งที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทย หรือนายจตุพร พูดถือว่าเป็นคนละเรื่อง
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่นายจตุพร พูด ตนอยากให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรวบรวมหลักฐานทั้งหมด แล้วเอาข้อเท็จจริงของเอกสารลับฉบับนี้ มาเอาผิดกับนายจตุพร ในด้านจริยธรรม ซึ่งหากเป็นความผิดถือว่าร้ายแรงมาก โดยสามารถยื่นถอดถอนจากการเป็น ส.ส.ได้
นายสันติสุข กล่าวว่า มีหลายคนสงสัยกันว่า เอกสารลับดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ถือเป็นความผิดหรือไม่ที่นายจตุพร นำข้อมูลมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวประเด็นนี้ว่า หากดูเจตนาของนายจตุพร ชัดเจนแล้วว่าเป็นอย่างไร โดยนายจตุพร ต้องการสร้างความวุ่นวายทั้งในและนอกประเทศให้เกิดขึ้น ซึ่งเอาเฉพาะแค่เอกสารฉบับนี้ นายจตุพร พูดว่าต้องการหมายลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เป็นความจริงแล้ว ซึ่งในเอกสารดังกล่าวไม่มีข้อความตรงไหนที่ปรากฏเช่นนั้นเลย ทั้งนี้ หากดูท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฯ ฮุนเซน ก่อนที่นายจตุพร จะออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ก็จะเห็นว่าทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ระบุว่า กำลังถูกขู่เอาชีวิต ทำให้สอดคล้องกับทางสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ให้สัมภาษณ์สื่อกัมพูชาว่า ถ้าไม่จับตัวนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย ป่านนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ คงตายไปนานแล้ว ดังนั้น จะเห็นได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นขบวนการที่สอดรับกัน และพยายามสร้างความเข้าใจที่เป็นเท็จ
นายสำราญ กล่าวประเด็นเดียวกันว่า ตนไม่ได้ติดใจในความผิดทางกฏหมายสักเท่าไหร่ แต่ติดใจประเด็นตัวบุคคลมากกว่า โดยประการแรกตนเห็นด้วยที่กระทรวงการต่างประเทศตั้งคณะกรรมการสอบฯเรื่องนี้ เพราะเท่ากับว่าในกระทรวงการต่างประเทศมีเกลือเป็นหนอนจริง ที่นำเอกสารลับมาให้นายจตุพร ส่วนสิ่งที่นายจตุพร ทำ ตนเห็นด้วยล้านเปอร์เซนต์ว่า นายจตุพร ต้องการแปลงสารให้ร้ายต่อบ้านเมือง ซึ่งตรงนี้ต้องไปดูรายละเอียดว่า จะเล่นงานได้อย่างไรบ้าง
นายสำราญ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าว ต้นปีหน้าจะมีการจ้าง ส.ส.100 คน ให้ลาออก เพื่อบีบรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยุบสภา ว่า ทั้งหมดเป็นขบวนการต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตนคิดว่าครั้งนี้เอาจริง โดยเอกสารลับนี้และกระแสข่าวการจ้าง ส.ส.100คนลาออก ถือเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่นำไปสู่ความขัดแย้งและก่อความรุนแรงในช่วงต้นปีหน้า
"หลังเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงและคนในพรรคเพื่อไทยบางคน จึงทราบว่ามีความพยายามทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ต้องยุบสภา นอกจากนี้ ยังมีความพยายามจะบีบนายอภิสิทธิ์ ด้วยการเดินเกมนอกสภาควบคู่ไปด้วย เพื่อให้คนเห็นว่าเวลานี้ พรรคประชาธิปัตย ไม่สามารถควบคุมเกมทั้งในและนอกสภาได้" นายสำราญ กล่าว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวประเด็นกระแสข่าว ส.ส.100 คน ลาออกว่า สำหรับตนคิดว่าเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้หวังแค่ให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยุบสภา แต่มีเป้าหมายที่นอกเหนือกว่านั้น เพราะหากดูกระแสตอนนี้ที่ถูกสร้างขึ้นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โดนลอบสังหาร ซึ่งนับเป็นการสร้างเงื่อนไข เพื่อก่อให้เกิดความรุนแรง
นายสันติสุข ชงคำถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่อาจจะเกิดความรุนแรงต่อจากนี้ นพ.บุรณัชย์ กล่าวประเด็นนี้ว่า หากย้อนกลับไปในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ถ้าหากรัฐบาลใช้ความรุนแรงตามแรงยั่วยุ พ.ต.ท.ทักษิณ ป่านนี้รัฐบาลคงไม่มีโอกาสนั่งอยู่เหมือนทุกวันนี้แล้ว ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือ ต้องระมัดระวังสถานการณ์ให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นช่วงที่กำลังน่าเป็นห่วง แต่ถึงอย่างไร บทเรียนในอดีตสามารถเตือนใจและสอนรัฐบาลได้เสมอ
ดร.เจิมศักดิ์ ถามว่า หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ข่มขู่ว่าจะมีการปะทุความรุนแรง และต่อมาเปิดทางให้มีการเจรจา เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาขู่ เพื่อให้อีกฝ่ายยอมแพ้ และเจรจาประนีประนอม โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เข้ามาเกี่ยวพันเรื่องนี้ด้วย
นพ.บุรณัชย์ กล่าวประเด็นนี้ว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มาขู่ว่าใช้ความรุนแรง เป็นวิธีการของผู้ก่อการร้ายทั่วโลกอยู่แล้ว ที่ไม่สนใจอะไร นอกเหนือจากตัวเอง เพียงแต่ว่าเงื่อนไขครั้งนี้ มันแตกต่างกัน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องการติดคุกและต้องการกลับคืนสู่อำนาจเหมือนเดิม โดยถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า หากเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศ ที่ไม่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รัฐบาลก็พร้อมจะเจรจา ซึ่งในทางกลับกัน เงื่อนไขที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการไม่สามารถเป็นจริงได้ เพราะถ้าหากทำตามใจเช่นนั้น ก็เท่ากับว่า บ้านเมืองไม่มีบรรทัดฐาน เหลือแค่ระบอบอนาธิปไตย ใครที่ใช้ความรุนแรงมากกว่ากันก็จะเป็นฝ่ายชนะ
นายสำราญ กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีทั้งลูกขู่ และลูกเอาจริง ดังนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องไปจัดการกับแผนลับ ลวง พราง ดังกล่าว ส่วนคำพูดของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ตนคิดว่าเป็นการที่ผู้สื่อข่าวถามนำมากกว่า แต่ตนก็รู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไม พล.อ.สุรยุทธ์ ต้องออกมาพูดเรื่องนี้ตอนนี้ เพราะมันกลายเป็นว่ารัฐบาลไทยเปิดทางขอเจรจา ดังนั้น ไม่ควรจะพูดให้เสียดุล เนื่องจากทำให้นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฏหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมาตีปีกพร้อมยื่นข้อเสนอ 3 ข้อหากต้องการเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เรื่องคดีความผิดไม่สามารถยอมกันได้ ทางเดียวที่ทำได้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องกลับมาติดคุกสถานเดียว แล้วค่อยมาเจรจา
"จุดเริ่มต้นของการสมานฉันท์ที่แท้จริงอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมายอมรับโทษ แล้วจากนั้นก็พูดจากันได้ ประเทศไทยยังเป็นเมืองพุทธอยู่ แต่ถ้าไม่มีเริ่มต้นจุดนี้ อยู่ดีๆ จะมาย้อนไปปี 2549 สมัยเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ มันเป็นไปไม่ได้" นายสำราญ กล่าว