สำหรับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พันธมิตรฯ) การจะประเมินผลงานของรัฐบาลก็ต้องมาจากสิ่งที่ปรากฏเป็นหลักฐานในแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ที่ได้เรียกร้องต่อรัฐบาลมาแล้ว
แถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ฉบับที่ 29/2551 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2551 เป็นแถลงการณ์ที่ได้ผ่านมาเป็นเวลา 1 ปีเศษพอดี จึงน่าจะนำมาประยุกต์ในการประเมินผลงานของรัฐบาลได้ว่า 1 ปีที่ผ่านมาได้ทำตามข้อเรียกร้องจากพันธมิตรฯ มากน้อยเพียงใด ในสายตาของชาวพันธมิตรฯ
แถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 29/2551 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2551 มีเนื้อความบางตอนที่สามารถนำมาช่วยประเมินดังต่อไปนี้
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอให้นักการเมืองทุกฝ่าย ได้ตระหนักว่า การชุมนุมต่อเนื่องยาวนาน ด้วยความมุ่งมั่น อดทน หาญกล้าของพี่น้องประชาชนถึง 193 วัน เป็นการเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ที่แลกมาด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนจำนวนมาก จนสามารถคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จทำให้คดีการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมืองและคดีทุจริตการเลือกตั้งได้ถูกพิพากษาโดยกระบวนการยุติธรรม ส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวันนี้
การเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องประชาชนในช่วงเวลาที่ผ่านมา เรามิได้ต้องการแลกมาเพื่อให้นักการเมืองหุ่นเชิดในระบอบทักษิณกลับฟื้นคืนมาอีก และเราก็มิได้ต้องการเพียงแค่เปลี่ยนขั้วทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีความปรารถนาที่จะสะสางปัญหาทางการเมืองในอดีต คืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชน และร่วมกับประชาชนปฏิรูปสร้างการเมืองใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตทางการเมืองกลับคืนมาอีก
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเฝ้าติดตามการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองในระบบการเมืองเก่าว่าจะสามารถฝ่าข้ามวิกฤตการณ์ทางการเมือง จัดการกับระบอบทักษิณและเข้าสู่การเมืองใหม่ได้หรือไม่ โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอเป็นตัวแทน พี่น้องประชาชนและวีรชนยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลชุดใหม่ 13 ประการ
1. เร่งรัดดำเนินคดีดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ต่อ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวีระ มุสิกพงศ์ เว็บไซต์สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุชุมชน และปราบปรามขบวนการดูหมิ่นและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมด โดยด่วนที่สุดเป็นลำดับแรก
ผลการประเมิน 1 ปี พบว่า เว็บไซต์ และวิทยุชุมชนยังคงมีการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง
2. ขอให้แสดงจุดยืน ที่จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือกฎหมายอื่นใด ที่จะฟอกความผิดให้กับนักการเมืองไม่แก้ไขกฎหมาย เพื่อการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ ของนักการเมืองและไม่แก้ไขกฎหมาย เพื่อลดพระราชอำนาจ หรือโครงสร้างของสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ผลการประเมิน 1 ปี พบว่ารัฐบาลยังคงแสดงจุดยืนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องผลประโยชน์ของตัวเองต่อไป
3. ต้องส่งเสริมให้คนดีมีความสามารถมาปกครองบ้านเมือง ป้องกันมิให้คนไม่ดีมีอำนาจ บริหารราชการแผ่นดินด้วยความโปร่งใส อย่าได้นำนักการเมืองหรือข้าราชการที่มีมลทินไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม มีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ในตำแหน่งหน้าที่หรือมีพฤติกรรมที่จะแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบมาร่วมบริหารราชการแผ่นดินเป็นอันขาดผลการประเมิน 1 ปี พบว่า นักการเมืองในรัฐบาลหลายคนยังทำงานเหมือนรัฐมนตรีหุ่นเชิดทำงานให้กับบุคคลที่มีอิทธิพลนอกรัฐบาล นักการเมืองและข้าราชการยังมีการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก จนองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติได้ประเมินว่าสถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยมีแนวโน้มแย่ลง
4. ขอให้เร่งรัดคดีทุจริตคอร์รัปชันให้เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล โดยปราศจากการแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำการโยกย้ายข้าราชการที่รับใช้ระบอบทักษิณให้พ้นจากตำแหน่ง เช่น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการองค์การอาหารและยา ฯลฯ และยึดทรัพย์สินที่โกงชาติไปกลับมาเป็นของรัฐ
ทั้งนี้ เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ขอให้แสดงจุดยืนที่จะเร่งรัดดำเนินคดีบุกรุกและครอบครองที่ดิน กรณีเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย และที่ดินสาธารณประโยชน์ ในอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์
ดำเนินการและยกเลิกการเช่าพื้นที่ขายสินค้าในสนามบินสุวรรณภูมิที่มิชอบ ยกเลิกและดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนที่ให้เช่ารายการสถานีโทรทัศน์วิทยุแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 อย่างไม่โปร่งใสโดยทันที
การประเมินผลงาน 1 ปี พบว่า การดำเนินคดีต่อการทุจริตคอร์รัปชันต่างๆ และการยกเลิกโครงการที่ไม่โปร่งใสยังไม่มีความคืบหน้า ในทางตรงกันข้ามการจัดซื้อจัดจ้างและการจัดทำโครงการขนาดใหญ่ยังคงอนุมัติต่อไปโดยมติคณะรัฐมนตรี โดยเห็นแก่ผู้มีอิทธิพลของพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่าประชาชน
5. ขอให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีอาญาแผ่นดิน โดยทันที
ผลการประเมิน 1 ปีพบว่ารัฐบาลโดยนายกษิต ภิรมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการตามที่ได้ข้อเรียกร้องแล้ว
6. ขอให้เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินมาดำเนินคดีในประเทศไทยโดยทันที
ผลการประเมิน 1 ปี พบว่านายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พยายามเร่งรัดในการติดต่อและประสานงานกับต่างประเทศอย่างชัดเจน จนทำให้พื้นที่การเคลื่อนไหวของนักโทษชายทักษิณลดน้อยลง
7. ขอให้ประกาศยกเลิกแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยกปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบให้กับกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว และรักษาอธิปไตยทั้งดินแดนและแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทย จนถึงที่สุด
ผลการประเมิน 1 ปี พบว่ารัฐบาลได้ประกาศยกเลิก MOU 2544 เพื่อยุติการจัดสรรผลประโยชน์ในอ่าวไทยระหว่างไทย-กัมพูชา แต่ยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขข้อผูกพันในกรณีพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารและการใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสนที่เอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายกัมพูชา
8. ขอให้เร่งรัดสลายรัฐตำรวจ โยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ใส่ความ กลั่นแกล้ง และคุกคามประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุมและผู้สนับสนุนการชุมนุม ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ที่มีความสำคัญหรือมีส่วนได้เสียต่อคดีความ
ขอให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำร้ายและสังหารประชาชน ในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ตลอดจนใส่ความประชาชนผู้ชุมนุมว่าเป็นกบฏและผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์, พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด ฯลฯ และขอให้คืนความเป็นธรรมให้กับตำรวจที่ทำหน้าที่อย่างสุจริตและกล้าหาญ เพื่อประโยชน์ของประชาชน ให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ผลการประเมิน 1 ปี พบว่า รัฐบาลยังคงมีปัญหาการโยกย้ายข้าราชการตำรวจ เต็มไปด้วยข่าวการซื้อขายตำแหน่ง และการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม และยังคงใช้อำนาจตำรวจกลั่นแกล้งใส่ความพันธมิตรฯ ต่อไป
9. ขอให้เร่งรัดดำเนินคดีความและลงโทษผู้ที่ถูกชี้มูลโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะกรรมาธิการในวุฒิสภาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข่นฆ่าประชาชน เช่น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และเจ้าหน้าที่รัฐและขอให้ดำเนินการเอาผิดกับอันธพาลการเมืองของรัฐบาลที่ทำร้ายและเข่นฆ่าผู้ชุมนุมจนถึงที่สุด
สำนักงานอัยการสูงสุด ยังคงส่งคืนเรื่องให้กับ ป.ป.ช. เพื่อสอบเพิ่มเติม ในขณะที่คดีการทำร้ายประชาชนทั้งหมดในปี 2551 ส่วนคดีการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุลไม่มีความคืบหน้า หนำซ้ำการยิงระเบิด M-79 ทำร้ายประชาชนและองค์กรอิสระยังคงอยู่ต่อไปโดยที่ไม่มีใครทำอะไรได้ ประเทศไทยกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ประชาชนยังไม่มีความปลอดภัยต่อไป
10. ยุติการใช้สื่อของรัฐ โฆษณาชวนเชื่อ และโกหกหลอกลวงประชาชน เพื่อระบอบทักษิณ โดยทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการและผู้ดำเนินรายการ ความจริงวันนี้ ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และขอให้ปฏิรูปสื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างครบถ้วนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
1 ปี ผ่านไปพบว่ามีการถอดรายการความจริงวันนี้แล้ว แต่สื่อของรัฐยังไม่มีการปฏิรูป ไม่ทำงานเชิงรุกและทำงานไม่เป็น ประชาชนไม่สามารถได้รับข้อเท็จจริงความเลวร้ายของระบอบทักษิณได้ดีพอ เป็นผลทำให้เกิดความขัดแย้งและการเติบโตของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง
11. ขอให้ประกาศยกเลิกโครงการที่ใช้จ่ายเกินตัว และไม่โปร่งใส ที่จะทำให้ชาติล่มจม เช่น โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ฯลฯ โดยทันที
1 ปีผ่านไป โครงการที่ใช้จ่ายเกินตัวและมีส่วนที่จะทำให้ชาติล่มจมทุกโครงการเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
12. ยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 และใช้การปฏิรูปและพัฒนา รัฐวิสาหกิจแทน เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนในชาติ และนำเอารัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปแล้ว กลับคืนมาเป็นของรัฐดังเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปตท.
1 ปีผ่านไป ไม่มีอะไรคืบหน้าในประเด็นนี้
13. ขอให้แสดงจุดยืน ที่จะส่งเสริม สนับสนุน ประชาชนในการสร้างการเมืองใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมอย่างแท้จริง ตามแนวทางของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อป้องกันมิให้เกิดวิกฤตทางการเมืองในอนาคตอีกต่อไป
1 ปีผ่านไป ไม่มีฝ่ายการเมืองคนใดสนใจการปฏิรูปการเมือง สนใจแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองกันเอง
ถ้าประเมินจากข้อเรียกร้องข้างต้นต้องถือว่า 1 ปีผ่านไป คงมีแต่ “งานของกระทรวงการต่างประเทศ” เท่านั้นที่ถือได้ว่าสอบผ่าน นอกนั้นงานด้านอื่นๆ ถือว่า...สอบตก!
แถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ฉบับที่ 29/2551 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2551 เป็นแถลงการณ์ที่ได้ผ่านมาเป็นเวลา 1 ปีเศษพอดี จึงน่าจะนำมาประยุกต์ในการประเมินผลงานของรัฐบาลได้ว่า 1 ปีที่ผ่านมาได้ทำตามข้อเรียกร้องจากพันธมิตรฯ มากน้อยเพียงใด ในสายตาของชาวพันธมิตรฯ
แถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 29/2551 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2551 มีเนื้อความบางตอนที่สามารถนำมาช่วยประเมินดังต่อไปนี้
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอให้นักการเมืองทุกฝ่าย ได้ตระหนักว่า การชุมนุมต่อเนื่องยาวนาน ด้วยความมุ่งมั่น อดทน หาญกล้าของพี่น้องประชาชนถึง 193 วัน เป็นการเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ที่แลกมาด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนจำนวนมาก จนสามารถคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จทำให้คดีการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมืองและคดีทุจริตการเลือกตั้งได้ถูกพิพากษาโดยกระบวนการยุติธรรม ส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวันนี้
การเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องประชาชนในช่วงเวลาที่ผ่านมา เรามิได้ต้องการแลกมาเพื่อให้นักการเมืองหุ่นเชิดในระบอบทักษิณกลับฟื้นคืนมาอีก และเราก็มิได้ต้องการเพียงแค่เปลี่ยนขั้วทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีความปรารถนาที่จะสะสางปัญหาทางการเมืองในอดีต คืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชน และร่วมกับประชาชนปฏิรูปสร้างการเมืองใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตทางการเมืองกลับคืนมาอีก
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเฝ้าติดตามการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองในระบบการเมืองเก่าว่าจะสามารถฝ่าข้ามวิกฤตการณ์ทางการเมือง จัดการกับระบอบทักษิณและเข้าสู่การเมืองใหม่ได้หรือไม่ โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอเป็นตัวแทน พี่น้องประชาชนและวีรชนยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลชุดใหม่ 13 ประการ
1. เร่งรัดดำเนินคดีดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ต่อ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวีระ มุสิกพงศ์ เว็บไซต์สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุชุมชน และปราบปรามขบวนการดูหมิ่นและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมด โดยด่วนที่สุดเป็นลำดับแรก
ผลการประเมิน 1 ปี พบว่า เว็บไซต์ และวิทยุชุมชนยังคงมีการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง
2. ขอให้แสดงจุดยืน ที่จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือกฎหมายอื่นใด ที่จะฟอกความผิดให้กับนักการเมืองไม่แก้ไขกฎหมาย เพื่อการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ ของนักการเมืองและไม่แก้ไขกฎหมาย เพื่อลดพระราชอำนาจ หรือโครงสร้างของสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ผลการประเมิน 1 ปี พบว่ารัฐบาลยังคงแสดงจุดยืนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องผลประโยชน์ของตัวเองต่อไป
3. ต้องส่งเสริมให้คนดีมีความสามารถมาปกครองบ้านเมือง ป้องกันมิให้คนไม่ดีมีอำนาจ บริหารราชการแผ่นดินด้วยความโปร่งใส อย่าได้นำนักการเมืองหรือข้าราชการที่มีมลทินไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม มีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ในตำแหน่งหน้าที่หรือมีพฤติกรรมที่จะแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบมาร่วมบริหารราชการแผ่นดินเป็นอันขาดผลการประเมิน 1 ปี พบว่า นักการเมืองในรัฐบาลหลายคนยังทำงานเหมือนรัฐมนตรีหุ่นเชิดทำงานให้กับบุคคลที่มีอิทธิพลนอกรัฐบาล นักการเมืองและข้าราชการยังมีการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก จนองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติได้ประเมินว่าสถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยมีแนวโน้มแย่ลง
4. ขอให้เร่งรัดคดีทุจริตคอร์รัปชันให้เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล โดยปราศจากการแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำการโยกย้ายข้าราชการที่รับใช้ระบอบทักษิณให้พ้นจากตำแหน่ง เช่น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการองค์การอาหารและยา ฯลฯ และยึดทรัพย์สินที่โกงชาติไปกลับมาเป็นของรัฐ
ทั้งนี้ เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ขอให้แสดงจุดยืนที่จะเร่งรัดดำเนินคดีบุกรุกและครอบครองที่ดิน กรณีเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย และที่ดินสาธารณประโยชน์ ในอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์
ดำเนินการและยกเลิกการเช่าพื้นที่ขายสินค้าในสนามบินสุวรรณภูมิที่มิชอบ ยกเลิกและดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนที่ให้เช่ารายการสถานีโทรทัศน์วิทยุแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 อย่างไม่โปร่งใสโดยทันที
การประเมินผลงาน 1 ปี พบว่า การดำเนินคดีต่อการทุจริตคอร์รัปชันต่างๆ และการยกเลิกโครงการที่ไม่โปร่งใสยังไม่มีความคืบหน้า ในทางตรงกันข้ามการจัดซื้อจัดจ้างและการจัดทำโครงการขนาดใหญ่ยังคงอนุมัติต่อไปโดยมติคณะรัฐมนตรี โดยเห็นแก่ผู้มีอิทธิพลของพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่าประชาชน
5. ขอให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีอาญาแผ่นดิน โดยทันที
ผลการประเมิน 1 ปีพบว่ารัฐบาลโดยนายกษิต ภิรมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการตามที่ได้ข้อเรียกร้องแล้ว
6. ขอให้เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินมาดำเนินคดีในประเทศไทยโดยทันที
ผลการประเมิน 1 ปี พบว่านายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พยายามเร่งรัดในการติดต่อและประสานงานกับต่างประเทศอย่างชัดเจน จนทำให้พื้นที่การเคลื่อนไหวของนักโทษชายทักษิณลดน้อยลง
7. ขอให้ประกาศยกเลิกแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยกปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบให้กับกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว และรักษาอธิปไตยทั้งดินแดนและแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทย จนถึงที่สุด
ผลการประเมิน 1 ปี พบว่ารัฐบาลได้ประกาศยกเลิก MOU 2544 เพื่อยุติการจัดสรรผลประโยชน์ในอ่าวไทยระหว่างไทย-กัมพูชา แต่ยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขข้อผูกพันในกรณีพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารและการใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสนที่เอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายกัมพูชา
8. ขอให้เร่งรัดสลายรัฐตำรวจ โยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ใส่ความ กลั่นแกล้ง และคุกคามประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุมและผู้สนับสนุนการชุมนุม ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ที่มีความสำคัญหรือมีส่วนได้เสียต่อคดีความ
ขอให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำร้ายและสังหารประชาชน ในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ตลอดจนใส่ความประชาชนผู้ชุมนุมว่าเป็นกบฏและผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์, พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด ฯลฯ และขอให้คืนความเป็นธรรมให้กับตำรวจที่ทำหน้าที่อย่างสุจริตและกล้าหาญ เพื่อประโยชน์ของประชาชน ให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ผลการประเมิน 1 ปี พบว่า รัฐบาลยังคงมีปัญหาการโยกย้ายข้าราชการตำรวจ เต็มไปด้วยข่าวการซื้อขายตำแหน่ง และการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม และยังคงใช้อำนาจตำรวจกลั่นแกล้งใส่ความพันธมิตรฯ ต่อไป
9. ขอให้เร่งรัดดำเนินคดีความและลงโทษผู้ที่ถูกชี้มูลโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะกรรมาธิการในวุฒิสภาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข่นฆ่าประชาชน เช่น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และเจ้าหน้าที่รัฐและขอให้ดำเนินการเอาผิดกับอันธพาลการเมืองของรัฐบาลที่ทำร้ายและเข่นฆ่าผู้ชุมนุมจนถึงที่สุด
สำนักงานอัยการสูงสุด ยังคงส่งคืนเรื่องให้กับ ป.ป.ช. เพื่อสอบเพิ่มเติม ในขณะที่คดีการทำร้ายประชาชนทั้งหมดในปี 2551 ส่วนคดีการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุลไม่มีความคืบหน้า หนำซ้ำการยิงระเบิด M-79 ทำร้ายประชาชนและองค์กรอิสระยังคงอยู่ต่อไปโดยที่ไม่มีใครทำอะไรได้ ประเทศไทยกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ประชาชนยังไม่มีความปลอดภัยต่อไป
10. ยุติการใช้สื่อของรัฐ โฆษณาชวนเชื่อ และโกหกหลอกลวงประชาชน เพื่อระบอบทักษิณ โดยทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการและผู้ดำเนินรายการ ความจริงวันนี้ ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และขอให้ปฏิรูปสื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างครบถ้วนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
1 ปี ผ่านไปพบว่ามีการถอดรายการความจริงวันนี้แล้ว แต่สื่อของรัฐยังไม่มีการปฏิรูป ไม่ทำงานเชิงรุกและทำงานไม่เป็น ประชาชนไม่สามารถได้รับข้อเท็จจริงความเลวร้ายของระบอบทักษิณได้ดีพอ เป็นผลทำให้เกิดความขัดแย้งและการเติบโตของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง
11. ขอให้ประกาศยกเลิกโครงการที่ใช้จ่ายเกินตัว และไม่โปร่งใส ที่จะทำให้ชาติล่มจม เช่น โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ฯลฯ โดยทันที
1 ปีผ่านไป โครงการที่ใช้จ่ายเกินตัวและมีส่วนที่จะทำให้ชาติล่มจมทุกโครงการเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
12. ยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 และใช้การปฏิรูปและพัฒนา รัฐวิสาหกิจแทน เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนในชาติ และนำเอารัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปแล้ว กลับคืนมาเป็นของรัฐดังเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปตท.
1 ปีผ่านไป ไม่มีอะไรคืบหน้าในประเด็นนี้
13. ขอให้แสดงจุดยืน ที่จะส่งเสริม สนับสนุน ประชาชนในการสร้างการเมืองใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมอย่างแท้จริง ตามแนวทางของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อป้องกันมิให้เกิดวิกฤตทางการเมืองในอนาคตอีกต่อไป
1 ปีผ่านไป ไม่มีฝ่ายการเมืองคนใดสนใจการปฏิรูปการเมือง สนใจแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองกันเอง
ถ้าประเมินจากข้อเรียกร้องข้างต้นต้องถือว่า 1 ปีผ่านไป คงมีแต่ “งานของกระทรวงการต่างประเทศ” เท่านั้นที่ถือได้ว่าสอบผ่าน นอกนั้นงานด้านอื่นๆ ถือว่า...สอบตก!