“ชาติไทยพัฒนา” ร่าย 1 ปี ผลงานรัฐ ซัดแก้สมานฉันท์ไม่ชัด ผิดหวัง “สุรยุทธ์” ไม่เป็นคนกลาง เล็งเช็กคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ปชป.คล้ายคดียุบชาติไทยหรือไม่ จี้ กกต.ใช้มาตรฐานเดียวกับยุบ 4 พรรค หวังนายกฯ จริงใจเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ แนะรีบแก้ขึ้นค่าโทลล์เวย์ แขวะ “ชวน” บอกลูกพรรคให้จริงใจต่อพรรคร่วม
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า พรรคฯ ได้รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยตลอดทั้งปีต่อเนื่องไปในปีหน้า ซึ่งพรรคมองว่าสิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการแก้ไขต่อไปคือ การสร้างความสมานฉันท์ ที่ยังไม่สามารถกำหนดสูตรการแก้ไขปัญหาชัดเจนได้ โดยรัฐบาลยังไม่ได้กำหนดบทบาทของตัวเองให้ชัดเจนว่าจะเป็นผู้เจรจาหรือเป็นคนกลาง หรือเอื้อในการสร้างความสมานฉันท์ใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้พรรคยังผิดหวังกับกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ที่ปฏิเสธจะเป็นคนกลางในการเจรจาสร้างความสมานฉันท์ อย่างไรก็ดีพรรคเข้าใจบทบาทขององคมนตรีที่ต้องดำรงความเป็นกลางทางการเมือง ทั้งนี้ พรรคหวังว่าในปีต่อไปสูตรในการสร้างความสมานฉันท์จะมีความชัดเจน โดยรัฐบาลจะกำหนดจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะสร้างความสมานฉันท์อย่างไร
นายวัชระกล่าวอีกว่า ปัญหาต่อมาคือในรอบปีที่ผ่านมาความรู้ของประชาชนเชื่อว่ามีการปฏิบัติเป็น 2 มาตรฐานในการปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมาย พรรคของเสนอทางแก้โดยขอเรียกร้องให้รัฐบาลในฐานะผู้กุมอำนาจ และระบบศาลได้ปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมายให้ชัดเจนเท่าเทียมกัน โดยคดีความที่ค้างอยู่หากไม่มีอุปสรรคอะไรขอให้มีการปฏิบัติและบอกกล่าวให้ กับสาธารณชนรับทราบ โดยเฉพาะกรณีการวินิจฉัยเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ โดยคณะกรรมการการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งสังคมกำลังจับตามองอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งพรรคจะพิจารณาว่ากรณีดังกล่าวสามารถเทียบเคียงได้การยุบพรรคชาติไทย หรือไม่
“ในฐานะอดีตสมาชิกพรรคชาติไทย ได้ตั้งความหวังจะเห็นมาตรฐานในการวินิจฉัย โดยเราจับตาว่าหากมีการตัดสินเรื่องเงินบริจาคควรตัดสินโดยมาตรฐานเดียวกับการยุบ 4 พรรคการเมืองที่เกิดขึ้นหรือจะต้องเพิ่มเติมขั้นตอนอะไรอีก ซึ่งอยากเรียกร้องให้ กกต.ยึดหลักความเป็นธรรมและและถูกต้องในการตัดสินคดี โดยพิจารณาจากคดีเดิม ขณะเดียวกันขอเรียกร้องไปยังมวลชนเสื้อแดงว่าการข่มขู่บังคับหรือการกระทำรุนแรง แกนนำคนเสื้อแดงควรประเมินว่าจะมีผลเกิดขึ้นกับแกนนำหรือมวลชนอย่างอย่างไร จึงขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นรอการตัดสินของกกต. ซึ่งประธาน กกต.ยืนยันแล้วว่าหลังปีใหม่จะมีความชัดเจน ขอย้ำว่าดังกล่าวคอการเมืองทุกคนสนใจและตรวจสอบโดยละเอียด” นายวัชระกล่าว
โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน จากการพูดคุยกับ ส.ส.ของพรรคต่างรู้สึกสิ้นหวังกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว แต่เพิ่งได้ยินนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่ารัฐบาลยังสนใจและจะให้ความเป็นธรรมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้เราเชื่อว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีจะมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปจริง สำหรับพรรคยืนยันว่าพรรคยังคงสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะเชื่อว่าจะ เป็นหนึ่งในแนวทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ ส่วนเรื่องการทุจริต ตนขอฝาก กรณีการขึ้นอัตราค่าผ่านทางของโครงการดอนเมืองโทลล์เวย์ โดยเฉพาะการต่อสัญญาที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมยึดความถูกต้องโดยการตรวจสอบสัญญา ที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องสนใจว่าการต่อสัญญานั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดในสมัยใด สำหรับปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคมองว่านายกรัฐมนตรียังให้ความสนใจกับปัญหานี้ไม่มากพอ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากจำนวนการลงพื้นที่ของนายกฯ ที่มีการลงพื้นที่เพียงไม่กี่ครั้งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
นายวัชระกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งกับประเทศกัมพูชาว่า พรรคเชื่อว่าปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่คนไทยรับไม่ได้ว่าต้องเป็นปัญหาที่ยุ่งยาก ดังนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศจะต้องดำเนินการเร่งสร้างความสัมพันธ์อันดีกลับคืนมาให้ทั้งสองประเทศ สำหรับปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล ตลอด 1 ปีของรัฐบาลผสมสิ่งที่เห็นคือการมีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งหากมองว่า เป็นเรื่องปกติก็อาจมองได้ อย่างไรก็ดี ขอฝากไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความจริงใจของพรรคร่วมรัฐบาล ตนขอเรียนว่าเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริง แต่ข้อเท็จจริงที่ท่านไม่ได้พูดถึงนอกจากพรรคร่วมรัฐบาลแล้วที่มีส่วนสำคัญ ที่สุดคือพรรคประชาธิปัตย์ดังนั้นการที่รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ ปัจจัยที่สำคัญคือพรรคประชาธิปัตย์ด้วย จึงขอฝากนายชวนให้ช่วยกำชับพรรคประชาธิปัตย์ว่าเราคือพรรคร่วมรัฐบาลดังนั้น ทุกเรื่องต้องจริงใจต่อกัน ซึ่งถ้าให้ประเมินความร่วมมือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล พรรคค่อนข้างพอใจ โดยเฉพาะท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่พูดออกมาชัดเจนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริงใจที่ควรแสดงออกมาให้เห็นต่อกัน
