ศูนย์ข่าวภูมิภาค - เลขาธิการสมาพันธ์สหภาพลูกจ้างภาครัฐแห่งประเทศไทย ประสานสมาคมลูกจ้างแรงงานของโรงพยาบาล ออกโรงแถลงงัดมาตรการเด็ดขาดหยุดงานพร้อมกันทั่วประเทศ หาก "รัฐบาลชั่ว" ขายชาติ ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ด้านกรรมการพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้ ระบุกองทัพคนใต้ยังคงเคลื่อนพลเข้ากรุงฯ เสริมกำลังที่ทำเนียบต่อเนื่อง เช่นเดียวกับพันธมิตรฯ เหนือ-ตะวันออก-อีสาน ที่ระดมกำลังเข้ากรุงเทพฯ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
วานนี้ (28 ส.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายจิณณาวัฒน์ ศิลป์ลอย เลขาธิการสมาพันธ์สหภาพลูกจ้างภาครัฐแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาคมลูกจ้างแรงงานของโรงพยาบาล สังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์แสดงจุดยื่นต่อสถานการณ์กรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ทำเนียบรัฐบาล และสะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร เพื่อขับไล่รัฐบาลชั่ว หุ่นเชิด ขายชาติของนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนี้
ทั้งนี้ เนื้อหาในแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า "หากรัฐบาลมีการใช้ความรุนแรงในการเข้าสลายการชุมนุม หรือการใช้ความรุนแรงอย่างหนึ่งอย่างใด ในส่วนของสหภาพแรงงานลูกจ้างโรงพยาบาล และกระทรวงสาธารณะสุขทั่วประเทศ ที่ทำหน้าที่ใช้แรงงานในส่วนต่างๆ เช่น พนักงานเปล พนักงานทำความสะอาด พนักงานซักรีดและอื่นๆ จะพร้อมใจกันผละงานทั่วประเทศ เพื่อเป็นการร่วมแสดงจุดยืนประท้วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พร้อมกัน ซึ่งเมื่อนั้นจะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง"
ด้าน นายโอสถ สุวรรณเศวต กรรมการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 14 จังหวัดภาคใต้ เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ในส่วนของลูกจ้างในโรงพยาบาลนั้น ได้มีการประสานงานเป็นไปในทิศทางเดียวทั่วประเทศแล้ว ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นจากการกระทำของรัฐบาลนายสมัคร ลูกจ้างในโรงพยาบาลเหล่านี้ จะพร้อมใจกันผละหยุดงานประท้วงทันที
ส่วนการเดินทางมุ่งหน้าไปยังทำเนียบฯของกลุ่มพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้นั้น นายโอสถ เผยว่า ณ ขณะนี้ก็ยังคงมีประชาชนทยอยเดินทางไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการประสานงานในส่วนของพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้นั้น ทุกจังหวัดจะส่งคนเดินทางไปเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (28 ส.ค.) พันธมิตรฯ ในแต่ละจังหวัดได้มีการส่งคนขึ้นไปแล้วจังหวัดละ 2 คันรถบัส โดยมุ่งหน้าไปยังทำเนียบฯ เพื่อสมทบกับกลุ่มที่ปักหลักอยู่แล้ว
"นอกจากนี้ ก็ยังมีประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งอยู่นอกเหนือจากการประสานงานของกรรมการพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งได้ทยอยเดินทางไปร่วมสมทบอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเดินทางไปกันเอง สำหรับในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชนั้น เมื่อวานนี้ได้มีกลุ่มประชาชนเดินทางไปสมทบอีกไม่น้อยกว่า 300 คน และกำลังจะเดินทางตามหลังไปสมทบอีกจำนวนหนึ่ง'" นายโอสถ กล่าว
พธม.14จังหวัดใต้เข้ากรุงไม่หยุด
ทางด้าน นายสุนทร รังรงค์ ผู้สานงานเครือข่ายพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า หลังจากหน่วยงานภาครัฐออกมากดดันให้กลุ่มพันธมิตรฯที่บุกเข้าไปยึดธรรมเนียบฯออกจากพื้นที่และจะเข้าไปจับกุม 9 แกนนำพันธมิตรฯนั้นในส่วนของเครื่องข่ายพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้คิดว่ามีความจำเป็นจะต้องจัดกำลังเข้าไปเสริมทัพให้เข้มแข็งขึ้นและเพื่อไม่ให้พื้นที่ในทำเนียบฯว่าง ในส่วนของพันธมิตรฯชุมพรได้ร่วมเดินทางเข้าไปร่วมอีก 2 คันรถ โดยออกเดินทางตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาและถึงที่ทำเนียบฯแล้วเมื่อช่วงเช้าวานนี้
"นอกจากนี้ เรายังได้มีการประสานกับแกนนำในจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้เพื่อจัดกำลังในการเดินทางไปเสริมที่ทำเนียบฯด้วย ซึ่งขณะนี้ได้รับการตอบรับมาแล้วว่าจะมีพันธมิตรฯจากจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้เดินทางเข้าไปเพิ่มอีกประมาณ 30 คันรถบัส" นายสุนทร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของ จ.สงขลานั้นเมื่อเช้าวานนี้กลุ่มพันธมิตรฯสงขลาราว 100 คน ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯแล้วด้วยรถบัส โดยจะไปรวมกับกลุ่มพันธมิตรฯ นครศรีธรรมราช เพื่อเดินทางไปพร้อมกัน ขณะที่อีกส่วนหนึ่งได้เดินทางในช่วงบ่ายด้วยขบวนรถไฟขบวนที่ 172 สุไหง-โกลก-กรุงเทพฯในเวลา 15-15 น. และจะเดินทางตามหลังไปสมทบอีก
พันธมิตรฯ ภูเก็ตเข้ากรุงวันนี้
นายปฐมภพ แซ่ตัน กรรรมการกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากกลุ่มยามฯและพันธมิตรฯในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ได้เดินทางไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯส่วนกลางที่ทำเนียบฯชุดแรกตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาหลายวันแล้ว แต่ในวันนี้ทางกลุ่มยามฯภูเก็ตและพันธมิตรฯภูเก็ต มีความเห็นว่า จะต้องจัดกำลังขึ้นไปเสริมเพื่อให้กำลังของพันธมิตรฯที่ทำเนียมฯเพิ่มมากขึ้นอีก โดยจะเดินทางออกจาก จ.ภูเก็ตในวันนี้ (29 ส.ค.) เวลา 07.30 น.
พธม.ชลบุรีส่งกำลังเข้ากรุงไม่หยุด
นายประสิทธิ์ กาลานุกาล แกนนำพันธมิตรฯชลบุรี กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯชลบุรี มีรถให้บริการประชาชนที่จะเดินทางเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ใน กทม.ตลอดเวลา โดยหากประชาชนหรือกลุ่มพันธมิตรฯกลุ่มใดที่จะเดินทางไป ทางแกนนำพันธมิตรฯจะจัดรถไปให้บริการทันที
นายประสิทธิ์ เผยต่อว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯได้ถูกศาลออกหมายจับ ทางตนจึงได้รีบประสานงานไปยังกลุ่มพันธมิตรฯชลบุรี ที่สามารถติดต่อได้และฝากกระจายข่าวให้พันธมิตรฯชลบุรีรับทราบ ปรากฏว่า ไม่ถึงชั่วโมงได้พันธมิตรฯพร้อมที่จะเดินทางเข้ามาร่วมการชุมนุมถึง 3 คันรถบัส เดินทางเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลทันที
จากการพูดคุยกับกลุ่มพันธมิตรฯชลบุรีแล้วทุกคนมีความเห็นว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ ทุกคนจะร่วมปักหลักนอนค้างแรมที่ทำเนียบฯเพื่อผนึกกำลังกับพี่น้องทั่วประเทศ ด้วยการร่วมชุมนุมแบบอหิงสา ซึ่งชุดแรกที่เดินทางเข้ามา รับอาสาเป็นการ์ดเฝ้าประตูที่ 4 ทันที และยังประสานงานพันธมิตรฯชลบุรีอีกชุด อีกหลายคันรถบัส ที่กำลังเดินทางมาร่วมสมทบด้วย ในการชุมนุมครั้งนี้ทางกลุ่มพันธมิตรฯชลบุรี มีความเห็นร่วมกันว่าจะปักหลักยึดพื้นที่อยู่ที่ทำเนียบฯ
"แม้หากว่าแกนนำจะโดนจับไปทางพันธมิตรฯชลบุรีก็ยังจะยืนยันตามนโยบายที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯได้กล่าวไว้ว่าให้ยึดพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลไว้จนถึงวินาทีสุดท้าย โดยจะไม่ใช้ความรุนแรงเข้าปะทะกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือทหาร ที่จะเข้ามาสลายการชุมนุม เราจะใช้ยุทธวิธีการชุมนุมแบบอหิงสา และพร้อมฟังตัวแทน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ที่ได้รับมอบหมายต่อจากแกนนำทั้ง 5 ซึ่งพันธมิตรฯจังหวัดชลบุรียืนยันว่าจะปักหลักชุมนุมร่วมต่อสู้กับพี่น้องพันธมิตรจากทั่วประเทศให้ถึงที่สุด"
ด้าน นางรัตนา อ่องสมบัติ แกนนำพันธมิตรฯพัทยา-นาเกลือ กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯพัทยา-นาเกลือ ได้นำรถมาให้บริการประชาชนและพันธมิตรฯที่จะเดินทางไปร่วมชุมนุมตลอดเวลา โดยวานนี้ได้จัดรถจำนวนหนึ่งไปส่งกลุ่มพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯแล้วใช่วงเวลา 14.00 น. นอกจากนั้น ยังมีรถไว้ให้บริการอีกในช่วง 16.00 น. และเวลา 18.00 น.
พันธมิตรฯ เหนือระดมเข้ากรุงเทพฯ
ขณะที่เครือข่ายพันธมิตรภาคเหนือยังคงทยอยเดินทางไปสมทบกับกลุ่มพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้ประสานงานสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ แกนนำพันธมิตรฯเชียงใหม่ ซึ่งนำกลุ่มพันธมิตรภาคเหนือไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ ยืนยันว่า จะเคลื่อนไหวตามแนวทางที่แกนนำรุ่นที่ 2 กำหนดต่อไป แม้แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 จะถูกออกหมายจับ และต้องยุติบทบาท
นายประสาท ประเทศรัตน์ ศิลปินพื้นบ้านศูนย์วัฒนธรรมตองตึงจังหวัดแพร่ กล่าวว่า การก่อตัวของพันธมิตรฯไม่ใช่การรุกไล่รัฐบาลที่ครองอำนาจ เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง แต่เป็นการรวมประชาชนที่พบว่าการเมืองมีปัญหาต่อประเทศชาติ มีการโกงกินอย่างกว้างขวางและมีแนวโน้มกระทบสถาบันสูงสุด หรือเปลี่ยนประมุขของประเทศให้ประเทศเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบมีประธานาธิบดี หรือไม่มีสถาบันกษัตริย์อีกต่อไป โดยทั้งการโกงกิน การทุจริตเลือกตั้ง การอยู่ในอำนาจแบบเผด็จการรัฐสภาและการคิดล่มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ชาวบ้านยอมไม่ได้จึงต้องออกมาร่วมกันแก้ปัญหา ซึ่งการแก้ปัญหามีการพัฒนามาเป็นลำดับ ด้วยสันติ อหิงสา ในขณะที่สื่อที่ถูกรัฐควบคุมต่างพากันบิดเบือนความจริง จนในที่สุดมีการวมตัวของประชาชนจำนวนมาก
"เมื่อเช้าวันที่ 27 ส.ค.51 ตำรวจเข้าทำร้ายประชาชนอย่างไม่ปราณีข้างทำเนียบฯเป็นภาพที่น่าอนาถใจ เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกเศร้าสลดต่อผู้พบเห็น ถือว่าสะเทือนใจอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามถือเป็นการต่อสู้ชาวบ้านที่ไปชุมนุมต่างพยายามที่จะนิ่งและไม่ก่อเหตุร้ายขึ้นภายในทำเนียบถึงแม้จะเหลืออดแล้วก็ตาม"
นายประสาท ยืนยันด้วยว่า ชาว จ.แพร่ที่รักความเป็นธรรมจะเดินทางเข้า กทม.เพิ่มอีกและถ้ามีการจับแกนนำ เชื่อว่าสถานการณ์เลวร้ายคงไม่อยู่ที่ กทม.เท่านั้น
แฉตำรวจตั้งด่านรีดไถ-ถ่วงเวลา
น.ส.กรรณิการ์ ชุมภูศรี เลขานุการศูนย์พัฒนาเครือข่ายองค์กรชาวบ้าน จ.แพร่ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐพยายามบิดเบือนร่วมกับสื่อกระแสหลัก พร้อมทั้งนักวิชาการที่ไม่มองความเป็นมาของการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่เกิดจากสาเหตุหลายประการที่รัฐบาลทำลาย ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่รัฐบาลทักษิณ ไม่เคยออกกฎหมายลูกมาเพื่อให้กฎหมายใช้การได้ จนเป็นสาเหตุให้มีการครองอำนาจได้อย่างยาวนานและทุจริตมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทย
"การออกหมายจับและถ้าบุกเข้าจับ 9 แกนนำ เชื่อว่าสถานการณ์ความวุ่นวายคงไม่เกิดเฉพาะใน กทม. และเชื่อว่าเมืองไทยจะเกิดสงครามกลางเมือง ไม่ต่างอะไรกับสถานการณ์ในภาคใต้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ใน จ.แพร่ มีการรักษาการสถานที่ราชการอย่างเข้มงวดทั้งๆ ที่ไม่มีใครคิดทำลายทรัพย์สินของทางราชการ มีการตั้งด่านตรวจบนทางหลวงหมายเลข 11, หมายเลข 101 เส้นทางผ่านเข้า กทม. โดยเฉพาะที่สามแยกเด่นชัย อ.เด่นชัย ตำรวจทางหลวงถือโอกาสสกัดรถตู้ตรวจค้นและรีดไถเก็บเงินรถยนต์ที่สัญจรไปมาในเส้นทางสายดังกล่าว มีการหน่วงเหนี่ยว-ถ่วงเวลา รวมทั้งเก็บเงินค่าผ่านทางด้วย
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากศูนย์ข่าวขอนแก่นและนครราชสีมาว่า ในส่วนของกลุ่มพันธมิตรฯจาก 1 9 จังหวัดภาคอีสานก็มีการทยอยเข้ากรุงเทพฯแล้วเช่นกัน โดยกระจ่ายกันเข้าไปในรูปแบบดาวกระจ่ายเพื่อหลบการตรวจสอบและสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจบนถนนมิตรภาพ
วานนี้ (28 ส.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายจิณณาวัฒน์ ศิลป์ลอย เลขาธิการสมาพันธ์สหภาพลูกจ้างภาครัฐแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาคมลูกจ้างแรงงานของโรงพยาบาล สังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์แสดงจุดยื่นต่อสถานการณ์กรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ทำเนียบรัฐบาล และสะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร เพื่อขับไล่รัฐบาลชั่ว หุ่นเชิด ขายชาติของนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนี้
ทั้งนี้ เนื้อหาในแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า "หากรัฐบาลมีการใช้ความรุนแรงในการเข้าสลายการชุมนุม หรือการใช้ความรุนแรงอย่างหนึ่งอย่างใด ในส่วนของสหภาพแรงงานลูกจ้างโรงพยาบาล และกระทรวงสาธารณะสุขทั่วประเทศ ที่ทำหน้าที่ใช้แรงงานในส่วนต่างๆ เช่น พนักงานเปล พนักงานทำความสะอาด พนักงานซักรีดและอื่นๆ จะพร้อมใจกันผละงานทั่วประเทศ เพื่อเป็นการร่วมแสดงจุดยืนประท้วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พร้อมกัน ซึ่งเมื่อนั้นจะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง"
ด้าน นายโอสถ สุวรรณเศวต กรรมการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 14 จังหวัดภาคใต้ เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ในส่วนของลูกจ้างในโรงพยาบาลนั้น ได้มีการประสานงานเป็นไปในทิศทางเดียวทั่วประเทศแล้ว ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นจากการกระทำของรัฐบาลนายสมัคร ลูกจ้างในโรงพยาบาลเหล่านี้ จะพร้อมใจกันผละหยุดงานประท้วงทันที
ส่วนการเดินทางมุ่งหน้าไปยังทำเนียบฯของกลุ่มพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้นั้น นายโอสถ เผยว่า ณ ขณะนี้ก็ยังคงมีประชาชนทยอยเดินทางไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการประสานงานในส่วนของพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้นั้น ทุกจังหวัดจะส่งคนเดินทางไปเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (28 ส.ค.) พันธมิตรฯ ในแต่ละจังหวัดได้มีการส่งคนขึ้นไปแล้วจังหวัดละ 2 คันรถบัส โดยมุ่งหน้าไปยังทำเนียบฯ เพื่อสมทบกับกลุ่มที่ปักหลักอยู่แล้ว
"นอกจากนี้ ก็ยังมีประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งอยู่นอกเหนือจากการประสานงานของกรรมการพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งได้ทยอยเดินทางไปร่วมสมทบอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเดินทางไปกันเอง สำหรับในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชนั้น เมื่อวานนี้ได้มีกลุ่มประชาชนเดินทางไปสมทบอีกไม่น้อยกว่า 300 คน และกำลังจะเดินทางตามหลังไปสมทบอีกจำนวนหนึ่ง'" นายโอสถ กล่าว
พธม.14จังหวัดใต้เข้ากรุงไม่หยุด
ทางด้าน นายสุนทร รังรงค์ ผู้สานงานเครือข่ายพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า หลังจากหน่วยงานภาครัฐออกมากดดันให้กลุ่มพันธมิตรฯที่บุกเข้าไปยึดธรรมเนียบฯออกจากพื้นที่และจะเข้าไปจับกุม 9 แกนนำพันธมิตรฯนั้นในส่วนของเครื่องข่ายพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้คิดว่ามีความจำเป็นจะต้องจัดกำลังเข้าไปเสริมทัพให้เข้มแข็งขึ้นและเพื่อไม่ให้พื้นที่ในทำเนียบฯว่าง ในส่วนของพันธมิตรฯชุมพรได้ร่วมเดินทางเข้าไปร่วมอีก 2 คันรถ โดยออกเดินทางตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาและถึงที่ทำเนียบฯแล้วเมื่อช่วงเช้าวานนี้
"นอกจากนี้ เรายังได้มีการประสานกับแกนนำในจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้เพื่อจัดกำลังในการเดินทางไปเสริมที่ทำเนียบฯด้วย ซึ่งขณะนี้ได้รับการตอบรับมาแล้วว่าจะมีพันธมิตรฯจากจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้เดินทางเข้าไปเพิ่มอีกประมาณ 30 คันรถบัส" นายสุนทร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของ จ.สงขลานั้นเมื่อเช้าวานนี้กลุ่มพันธมิตรฯสงขลาราว 100 คน ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯแล้วด้วยรถบัส โดยจะไปรวมกับกลุ่มพันธมิตรฯ นครศรีธรรมราช เพื่อเดินทางไปพร้อมกัน ขณะที่อีกส่วนหนึ่งได้เดินทางในช่วงบ่ายด้วยขบวนรถไฟขบวนที่ 172 สุไหง-โกลก-กรุงเทพฯในเวลา 15-15 น. และจะเดินทางตามหลังไปสมทบอีก
พันธมิตรฯ ภูเก็ตเข้ากรุงวันนี้
นายปฐมภพ แซ่ตัน กรรรมการกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากกลุ่มยามฯและพันธมิตรฯในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ได้เดินทางไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯส่วนกลางที่ทำเนียบฯชุดแรกตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาหลายวันแล้ว แต่ในวันนี้ทางกลุ่มยามฯภูเก็ตและพันธมิตรฯภูเก็ต มีความเห็นว่า จะต้องจัดกำลังขึ้นไปเสริมเพื่อให้กำลังของพันธมิตรฯที่ทำเนียมฯเพิ่มมากขึ้นอีก โดยจะเดินทางออกจาก จ.ภูเก็ตในวันนี้ (29 ส.ค.) เวลา 07.30 น.
พธม.ชลบุรีส่งกำลังเข้ากรุงไม่หยุด
นายประสิทธิ์ กาลานุกาล แกนนำพันธมิตรฯชลบุรี กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯชลบุรี มีรถให้บริการประชาชนที่จะเดินทางเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ใน กทม.ตลอดเวลา โดยหากประชาชนหรือกลุ่มพันธมิตรฯกลุ่มใดที่จะเดินทางไป ทางแกนนำพันธมิตรฯจะจัดรถไปให้บริการทันที
นายประสิทธิ์ เผยต่อว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯได้ถูกศาลออกหมายจับ ทางตนจึงได้รีบประสานงานไปยังกลุ่มพันธมิตรฯชลบุรี ที่สามารถติดต่อได้และฝากกระจายข่าวให้พันธมิตรฯชลบุรีรับทราบ ปรากฏว่า ไม่ถึงชั่วโมงได้พันธมิตรฯพร้อมที่จะเดินทางเข้ามาร่วมการชุมนุมถึง 3 คันรถบัส เดินทางเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลทันที
จากการพูดคุยกับกลุ่มพันธมิตรฯชลบุรีแล้วทุกคนมีความเห็นว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ ทุกคนจะร่วมปักหลักนอนค้างแรมที่ทำเนียบฯเพื่อผนึกกำลังกับพี่น้องทั่วประเทศ ด้วยการร่วมชุมนุมแบบอหิงสา ซึ่งชุดแรกที่เดินทางเข้ามา รับอาสาเป็นการ์ดเฝ้าประตูที่ 4 ทันที และยังประสานงานพันธมิตรฯชลบุรีอีกชุด อีกหลายคันรถบัส ที่กำลังเดินทางมาร่วมสมทบด้วย ในการชุมนุมครั้งนี้ทางกลุ่มพันธมิตรฯชลบุรี มีความเห็นร่วมกันว่าจะปักหลักยึดพื้นที่อยู่ที่ทำเนียบฯ
"แม้หากว่าแกนนำจะโดนจับไปทางพันธมิตรฯชลบุรีก็ยังจะยืนยันตามนโยบายที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯได้กล่าวไว้ว่าให้ยึดพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลไว้จนถึงวินาทีสุดท้าย โดยจะไม่ใช้ความรุนแรงเข้าปะทะกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือทหาร ที่จะเข้ามาสลายการชุมนุม เราจะใช้ยุทธวิธีการชุมนุมแบบอหิงสา และพร้อมฟังตัวแทน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ที่ได้รับมอบหมายต่อจากแกนนำทั้ง 5 ซึ่งพันธมิตรฯจังหวัดชลบุรียืนยันว่าจะปักหลักชุมนุมร่วมต่อสู้กับพี่น้องพันธมิตรจากทั่วประเทศให้ถึงที่สุด"
ด้าน นางรัตนา อ่องสมบัติ แกนนำพันธมิตรฯพัทยา-นาเกลือ กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯพัทยา-นาเกลือ ได้นำรถมาให้บริการประชาชนและพันธมิตรฯที่จะเดินทางไปร่วมชุมนุมตลอดเวลา โดยวานนี้ได้จัดรถจำนวนหนึ่งไปส่งกลุ่มพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯแล้วใช่วงเวลา 14.00 น. นอกจากนั้น ยังมีรถไว้ให้บริการอีกในช่วง 16.00 น. และเวลา 18.00 น.
พันธมิตรฯ เหนือระดมเข้ากรุงเทพฯ
ขณะที่เครือข่ายพันธมิตรภาคเหนือยังคงทยอยเดินทางไปสมทบกับกลุ่มพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้ประสานงานสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ แกนนำพันธมิตรฯเชียงใหม่ ซึ่งนำกลุ่มพันธมิตรภาคเหนือไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ ยืนยันว่า จะเคลื่อนไหวตามแนวทางที่แกนนำรุ่นที่ 2 กำหนดต่อไป แม้แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 จะถูกออกหมายจับ และต้องยุติบทบาท
นายประสาท ประเทศรัตน์ ศิลปินพื้นบ้านศูนย์วัฒนธรรมตองตึงจังหวัดแพร่ กล่าวว่า การก่อตัวของพันธมิตรฯไม่ใช่การรุกไล่รัฐบาลที่ครองอำนาจ เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง แต่เป็นการรวมประชาชนที่พบว่าการเมืองมีปัญหาต่อประเทศชาติ มีการโกงกินอย่างกว้างขวางและมีแนวโน้มกระทบสถาบันสูงสุด หรือเปลี่ยนประมุขของประเทศให้ประเทศเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบมีประธานาธิบดี หรือไม่มีสถาบันกษัตริย์อีกต่อไป โดยทั้งการโกงกิน การทุจริตเลือกตั้ง การอยู่ในอำนาจแบบเผด็จการรัฐสภาและการคิดล่มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ชาวบ้านยอมไม่ได้จึงต้องออกมาร่วมกันแก้ปัญหา ซึ่งการแก้ปัญหามีการพัฒนามาเป็นลำดับ ด้วยสันติ อหิงสา ในขณะที่สื่อที่ถูกรัฐควบคุมต่างพากันบิดเบือนความจริง จนในที่สุดมีการวมตัวของประชาชนจำนวนมาก
"เมื่อเช้าวันที่ 27 ส.ค.51 ตำรวจเข้าทำร้ายประชาชนอย่างไม่ปราณีข้างทำเนียบฯเป็นภาพที่น่าอนาถใจ เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกเศร้าสลดต่อผู้พบเห็น ถือว่าสะเทือนใจอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามถือเป็นการต่อสู้ชาวบ้านที่ไปชุมนุมต่างพยายามที่จะนิ่งและไม่ก่อเหตุร้ายขึ้นภายในทำเนียบถึงแม้จะเหลืออดแล้วก็ตาม"
นายประสาท ยืนยันด้วยว่า ชาว จ.แพร่ที่รักความเป็นธรรมจะเดินทางเข้า กทม.เพิ่มอีกและถ้ามีการจับแกนนำ เชื่อว่าสถานการณ์เลวร้ายคงไม่อยู่ที่ กทม.เท่านั้น
แฉตำรวจตั้งด่านรีดไถ-ถ่วงเวลา
น.ส.กรรณิการ์ ชุมภูศรี เลขานุการศูนย์พัฒนาเครือข่ายองค์กรชาวบ้าน จ.แพร่ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐพยายามบิดเบือนร่วมกับสื่อกระแสหลัก พร้อมทั้งนักวิชาการที่ไม่มองความเป็นมาของการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่เกิดจากสาเหตุหลายประการที่รัฐบาลทำลาย ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่รัฐบาลทักษิณ ไม่เคยออกกฎหมายลูกมาเพื่อให้กฎหมายใช้การได้ จนเป็นสาเหตุให้มีการครองอำนาจได้อย่างยาวนานและทุจริตมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทย
"การออกหมายจับและถ้าบุกเข้าจับ 9 แกนนำ เชื่อว่าสถานการณ์ความวุ่นวายคงไม่เกิดเฉพาะใน กทม. และเชื่อว่าเมืองไทยจะเกิดสงครามกลางเมือง ไม่ต่างอะไรกับสถานการณ์ในภาคใต้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ใน จ.แพร่ มีการรักษาการสถานที่ราชการอย่างเข้มงวดทั้งๆ ที่ไม่มีใครคิดทำลายทรัพย์สินของทางราชการ มีการตั้งด่านตรวจบนทางหลวงหมายเลข 11, หมายเลข 101 เส้นทางผ่านเข้า กทม. โดยเฉพาะที่สามแยกเด่นชัย อ.เด่นชัย ตำรวจทางหลวงถือโอกาสสกัดรถตู้ตรวจค้นและรีดไถเก็บเงินรถยนต์ที่สัญจรไปมาในเส้นทางสายดังกล่าว มีการหน่วงเหนี่ยว-ถ่วงเวลา รวมทั้งเก็บเงินค่าผ่านทางด้วย
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากศูนย์ข่าวขอนแก่นและนครราชสีมาว่า ในส่วนของกลุ่มพันธมิตรฯจาก 1 9 จังหวัดภาคอีสานก็มีการทยอยเข้ากรุงเทพฯแล้วเช่นกัน โดยกระจ่ายกันเข้าไปในรูปแบบดาวกระจ่ายเพื่อหลบการตรวจสอบและสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจบนถนนมิตรภาพ