xs
xsm
sm
md
lg

"ทูตสุรพงษ์" ซัด "ไอ้ตู่" ปูดเอกสารลับ ป้อง "นช.แม้ว"-เติมเชื้อไฟเขมร ต่อกร รบ.ไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ทูตสุรพงษ์" ซัด "ไอ้ตู่" เติมเชื้อไฟ "ฮุนเซน" งัดเอกสารลับโจมตี รบ.ไทย ชี้ ทุกยุคทุกสมัยทำเอกสารลับทั้งนั้น ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ แต่ที่ "ไอ้ตู่" นำมาเปิดเผย หวังผลการเมืองและปกป้อง "นช.แม้ว" พร้อมสอนภาษาไทย "ไอ้ตู่" อย่าสับสน คำว่า "ขจัด" กับ "กำจัด" ในเอกสารลับบัวแก้ว ไม่ได้ระบุหมายจ้องเอาชีวิต ด้าน "ส.ส.วัชระ" จวก "ไอ้ตู่" ชงประเด็นเอื้อเขมร งัดข้อไทย ขู่ โทษนำเอกสารลับเปิดเผยติดคุกหัวโต แถมถ้าต่างชาติได้ประโยชน์ มีสิทธิ์เจอประหาร

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว" 

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. ในวันพฤหัสบดีที่ 24 ธ.ค. มี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ วันนี้ได้เชิญ นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำ 5 ประเทศ และนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นเอกสารลับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้นำออกมาเปิดเผยจนทำให้ดูเหมือนจะกลายเป็นปัญหาขัดแย้งที่บานปลาย

นายเติมศักดิ์ กล่าวเปิดประเด็นถึงเรื่องเอกสารลับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งนายสุรพงษ์ กล่าวว่า เอกสารลับดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก เพราะแต่ละประเทศย่อมต้องมีการทำเช่นนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลความมั่นคงของประเทศ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศแท้จริงแล้วมีหน้าที่โดยตรงในการประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ เพื่อเสนอยุทธศาสตร์ว่าประเทศจะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามใดบ้าง ดังนั้น กรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กระทรวงการต่างประเทศทำเอกสารลับ โดยในอดีตก็เคยทำเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลว่าไทยมีความสัมพันธ์หรือมีปัญหากับประเทศใดบ้าง

"เรื่องนี้จะมาว่ากระทรวงการต่างประเทศทำเกินกว่าเหตุคงไม่ได้ เพราะถือเป็นหน้าที่หลักอย่างหนึ่งที่กระทรวงการต่างประเทศจำเป็นต้องกระทำ ซึ่งแท้จริงแล้วควรทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ โดยเอกสารตีตราว่าลับมาก เป็นเรื่องการประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ของประเทศไทย ว่ากำลังมีปัญหาความขัดแย้งกับประเทศใดบ้าง" นายสุรพงษ์ กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากยืนยันว่าเอกสารชิ้นนี้เป็นเอกสารลับ และไม่ใช่เป็นเรื่องที่พิสดารที่เกิดขึ้นใหม่ หลังจากที่ไทยกับกัมพูชามีปัญหาต่อกัน เพราะในอดีตก็เคยมีการทำเอกสารลับเช่นนี้มากมาย ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต่างๆในโลกนี้ ที่ไทยเคยมีปัญหาด้วย ดังนั้น ไม่ใช่อย่างที่ใครๆหรืออย่างที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ออกมาโวยวายว่า กระทรวงการต่างประเทศจงใจที่จะสร้างปัญหาไทยกับกัมพูชาให้มีความขัดแย้งกันมากยิ่งขึ้น

"ผมขอยืนยันว่าเรื่องนี้มันเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งการตีตราว่าลับมาก ไม่ใช่การทำเอกสารนี้ขึ้นมาแล้วเอาไปแจกหนังสือพิมพ์ ว่าอยากจะทำเช่นนี้กับกัมพูชา ไม่มีใครเขาทำเช่นนี้กัน แต่ประเด็นนี้ก็คือว่า ประชาชนจะได้รู้ว่ารัฐบาลชุดนี้ ปกป้องพิทักษ์ผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติอย่างไร จากผลของการดำเนินการตามเอกสารลับ" นายสุรพงษ์ กล่าว

นายเติมศักดิ์ กล่าวว่า ปกติแล้วเอกสารลับที่วิเคราะห์สถานการณ์เช่นนี้ จะต้องส่งตรงถึงมือนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ แต่ทำไมคราวนี้ถึงรั่วไหลหลุดออกมาได้ นายสุรพงษ์ กล่าวประเด็นนี้ว่า เรื่องการรั่วไหลของเอกสารลับ ต้องไล่ดูว่าหนังสือดังกล่าวออกจากกระทรวงการต่างประเทศแล้วมาที่ทำเนียบรัฐบาลได้อย่างไร มีใครเป็นคนดูแลหรือประสานงานเอกสารดังกล่าว หรือมีฝ่ายความมั่นคงอื่นๆ ที่คอยยื่นมือเข้ามารับผิดชอบด้วยหรือไม่ โดยเรื่องนี้มีข้อสังเกตอยู่ คือ ปกติแล้วเอกสารลับเช่นนี้ หากกระทรวงอื่นต้องการขอข้อมูล จะต้องมีการคัดเลือกบางประเด็นเท่านั้นที่จำเป็นต้องใช้ แต่ครั้งนี้จะเห็นได้ว่า เอกสารที่รั่วไหลไปเป็นข้อมูลยกกระบิ จึงเชื่อว่าเอกสารฉบับนี้หลุดไปถึงมือนายจตุพร เพราะต้องมีคนในรู้เห็น เพราะมันหลุดไปทั้งชุด

"การเอาเอกสารของกระทรวงต่างประเทศมาเปิดเผยในที่สาธารณะ ทั้งที่เป็นเอกสารลับมากของทางราชการ ซึ่งมีไว้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่นายจตุพร นำเรื่องนี้มาหวังผลทางการเมือง ไม่ใช่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทย แต่ทำเพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย รวมทั้งขบวนการบ่อนทำลายชาติ" นายสุรพงษ์ กล่าว

นายวัชระ กล่าวเสริมว่า นายจตุพรได้นำเอกสารลับดังกล่าวไปบิดเบือนถ้อยความว่าเป็นการขู่ฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ และในหนังสือความจริงวันนี้ ได้มีการนำเอกสารลับกระทรวงการต่างประเทศ มาตีพิมพ์ทั้งฉบับ แล้วออกมาเปิดเผยว่าเป็นเอกสารขู่ฆ่า ซึ่งเป็นการบิดเบือนอย่างชัดเจน

"ผมอยากยกตัวอย่างน้ำยาล้างจานยี่ห้อหนึ่งระบุว่า ขจัดคราบมันได้เร็วขึ้น โดยคำว่าขจัดในที่นี้หมายถึงการขจัดคราบสกปรก ดังนั้น คำว่าขจัด ไม่ได้หมายถึงการขู่ฆ่า ผมคิดว่ากระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้หมายความอย่างที่นายจตุพรพูด ซึ่งถือเป็นการบิดเบือน เพื่อหวังโจมตีรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าต้องการหมายลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งก็ต้องยอมรับความจริงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ภัยหลักของประเทศอย่างแท้จริง และเป็นภัยที่คุกคามระบอบประชาธิปไตยด้วย แต่ในที่นี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีการไปฆ่าแกง พ.ต.ท.ทักษิณ" นายวัชระ กล่าว

นายวัชระ กล่าวต่อว่า สำหรับวิธีการขจัดภัยคุกคามอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ แท้จริงแล้วตนคิดว่าในความหมายของกระทรวงการต่างประเทศ ต้องการให้ระบอบทักษิณหมดไปจากประเทศไทย แต่ไม่ได้หมายความให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะจบชีวิตลงบนโลกนี้ โดยตนอยากยืนยันคำว่าขจัดของกระทรวงต่างประเทศ ว่าไม่ได้มุ่งเอาชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ ตามที่นายจตุพร กล่าวอ้างว่าเป็นคำสั่งในการลอบสังหาร

นายเติมศักดิ์ กล่าวว่า โทษของนายจตุพร ในฐานะที่นำเอกสารลับราชการมาเปิดเผย นายวัชระ กล่าวประเด็นนี้ว่า ในหนังสือความจริงวันนี้ที่มี นายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำคนเสื้อแดง เป็นหัวเรือใหญ่ในการทำหนังสือดังกล่าว ได้มีการตีพิมพ์เอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมาย มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี ในฐานะที่เปิดเผยเอกสารไม่สมควร แต่ที่หนักกว่านั้น นายจตุพร มีโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต หากการเปิดเผยเอกสารลับครั้งนี้ ทำให้ต่างประเทศได้รับประโยชน์จากการล่วงรู้ข้อมูลดังกล่าว โดยการเปิดเผยของนายจตุพรครั้งนี้ ทำให้กัมพูชาอาจมีการเพิ่มกำลังทหาร เพื่อป้องกันหรือโจมตีประเทศไทยโดยง่าย

นายเติมศักดิ์ กล่าวว่า ในเอกสารลับมีการระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยคุกคามของประเทศที่ต้องขจัด นายสุรพงษ์ กล่าวประเด็นนี้ว่า ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจคำว่า ขจัด ภาษาอังกฤษหมายถึงคำว่า Remover ซึ่งในกรณีนี้ ในมุมของนายจตุพร คือการใช้กำลัง หรือภาษาไทยเรียกว่า "กำจัด" ดังนั้น คำว่าขจัดกับกำจัดไม่เหมือนกัน เพราะขจัดไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรง โดยคำพูดของนายจตุพร ถือเป็นสิ่งไร้สาระ ที่ออกมาพูดบิดเบือน เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด

"เวลานี้มีการตั้งเงื่อนไขเรื่องการเจรจา ถ้าต้องการความสงบต้องเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ อาการแบบนี้คืออาการของคนที่อ่อนแอ ไม่ใช่คนที่เข้มแข็ง เพราะถ้าหากคนที่ฐานกำลังสนับสนุนเต็มที่ ไม่มีวันทำเช่นนี้ ดังนั้น ตอนนี้รัฐบาลต้องมองเกมให้ออก" นายสุรพงษ์ กล่าว

นายเติมศักดิ์ กล่าวว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน ออกมากล่าวหารัฐบาลไทย กำลังคิดโค่นล้มรัฐบาลกัมพูชา โดยได้เห็นเอกสารลับทั้งหมด และนำไปให้กษัตริย์กัมพูชาพิจารณาถึงพฤติกรรมไทย นายสุรพงษ์ กล่าวประเด็นนี้ว่า ไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ และเคารพกฏหมายระหว่างประเทศมาตลอด ดังนั้น ทั้งหมดนี้หากให้ประเมิน ตนคิดว่าการที่ สมเด็จฯ ฮุนเซน ออกมาตอกย้ำเช่นนี้ เพื่อต้องการยอมรับว่า ที่ผ่านมาคิดอย่างไรกับไทย เพราะทันทีที่นายจตุพร ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ถือเป็นการเติมเชื้อให้ผู้นำกัมพูชา นำประเด็นนี้ขึ้นมาโจมตีรัฐบาลไทยว่าคิดร้ายกับกัมพูชาและ พ.ต.ท.ทักษิณ

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังเป็นการสร้างความชอบธรรมให้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ว่าคิดถูกแล้วที่รัฐบาลไทยไม่เป็นมิตร โดยต้องการเอาประเด็นนี้มาตอกลิ่มให้เห็นว่าไทยเป็นอย่างไร และคิดเช่นไรกับกัมพูชา จึงมีการนำประเด็นนี้มาเป็นอาวุธทิ่มแทงรัฐบาลไทยว่าดีแต่สร้างความขัดแย้ง รวมทั้งต้องการล้มล้างรัฐบาลกัมพูชา ดังนั้น เกมนี้จึงถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

"เรื่องนี้มันแน่ชัดว่า เอกสารชิ้นนี้แน่นอนว่าคือเชื้อที่คนไทยหยิบยื่นให้กัมพูชา นำกลับมาทิ่มแทงประเทศไทย ซึ่งทางออกเดียวที่ประเทศไทยจะรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้ คือ ต้องมีเอกภาพสถานเดียว" นายสุรพงษ์ กล่าว

นายวัชระ กล่าวประเด็นเดียวกันว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่สามารถออกมาทำอะไรได้ หากนายจตุพร ไม่ชงประเด็นให้ ซึ่งมีการระบุว่ารัฐบาลชุดนี้จะเข้าไปล้มล้างรัฐบาลกัมพูชา ทั้งที่ในอดีตเคยมีคนไทยเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องการปฏิวัติยึดอำนาจในกัมพูชาจริง แต่เรื่องนี้สมควรที่ นายจตุพร จะไปถามฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งน่าจะรู้ดีที่สุดว่าทำอะไรลงไปบ้าง
นายเติมศักดิ์ จารุปราณ
 นายสุรพงษ์ ชัยนาม
นายวัชระ เพชรทอง
กำลังโหลดความคิดเห็น