เลขานุการ กมธ.ติดตามการบังคับใช้ กม.พิทักษ์สถาบันฯ ชี้ผลงาน 1 ปีรัฐบาลด้านปกป้องสถาบันกษัตริย์ ทำได้ดีเฉพาะรูปแบบและการจัดงานเทิดพระเกียรติ แต่การหยุดยั้งขบวนการจาบจ้วงล่วงละเมิดยังเป็นปัญหา ปล่อยขบวนการล้มเจ้าสอดไส้การเรียกร้องประชาธิปไตยและขบวนการสนับสนุน “นช.แม้ว” เตรียมเสนอรายงานการศึกษาต่อที่ประชุมวุฒิ ต้นปีหน้า พร้อมเชิญนายกฯ ปาฐกถาพิเศษ
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการในการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวถึงผลงานในรอบ 1 ปีของรัฐบาลในด้านการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ว่า แม้ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของสำนักต่างๆ จะระบุว่ารัฐบาลทำได้ดีมากในด้านนี้ และรัฐบาลรวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์เองก็แถลงเน้นด้วยความภูมิใจ แต่ในฐานะที่ตนศึกษาติดตามมาโดยตลอดเห็นว่ารัฐบาลทำได้ดีมากเฉพาะรูปแบบ และเนื้อหาเฉพาะด้านเผยแพร่พระราชกรณียกิจ โดยรวมศูนย์อยู่ที่การจัดงานเทิดพระเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์เรื่อง “พ่อ : The greatest of the king, The greetings for the land.” ซึ่งขณะนี้มีการขยายผลโดยแจกเป็นดีวีดีไปทั่วประเทศ แต่ในด้านเนื้อหาของการหยุดยั้งขบวนการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ ยังมีปัญหา
“เป็นปัญหาลงลึกเหมือนน้ำเซาะหิน มองด้วยตาเปล่าไม่ชัด เลยอาจจะทำให้ขาดความตระหนักรู้ ตื่นตัวน้อยกว่าที่ควร และประเมินความรุนแรงของสถานการณ์ต่ำไป เพราะดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไรมากและยากจะสั่นคลอนสถาบัน แต่ความจริงก็คือขบวนการนี้เติบกล้าขึ้นมาก เพราะประสานแอบอิงไปกับขบวนเรียกร้องประชาธิปไตย และขบวนสนับสนุนอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร”
นายคำนูณยกตัวอย่างว่าขณะนี้ยังคงมีอีเมลลูกโซ่อย่างกว้างขวางต่อเนื่องมาจากเดือนตุลาคม และการใช้ถ้อยคำเชิงสัญลักษณ์ในเว็บบอร์ดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และที่ร้ายแรงที่สุดคือเนื้อหาในรายการวิทยุชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ สถานีวิทยุเครือข่ายของคนเสื้อแดงที่นั่นเปิดเพลงที่มีถ้อยคำว่า “อย่างนี้ต้องกิโยติน” และ “รวมพลังโค่นล้มศักดินา” อย่างเปิดเผย ซึ่งผู้ที่ได้ยินจะเข้าใจความหมายที่ต้องการสื่อได้เป็นอย่างดี แต่ยากที่จะเอาผิดทางกฎหมายได้โดยตรง นอกจากนี้กลุ่มแดงสยามยังคงเคลื่อนไหวภายนอกประเทศ ประสานกับเครือข่ายภายในประเทศอย่างเปิดเผย
“การเขียนบทความของนายจักรภพ เพ็ญแข สื่อสัญลักษณ์ชัดเจนแทบทุกชิ้นว่าต่อต้านสถาบันในลักษณะที่เป็นอยู่ การที่คนคนนี้เชื่อมโยงกับอดีตนายกฯ ทักษิณ และไปปรากฏตัวที่กัมพูชา เป็นจิ๊กซอว์ที่ต่อให้เห็นภาพว่าขบวนการนี้นอกจากจะแอบอิงไปกับขบวนเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านอำมาตย์ และสนับสนุนอดีตนายกฯทักษิณแล้ว ยังมีความสำคัญในระดับกุมการนำภายในขบวนด้วย สังเกตได้จากธงของอดีตนายกฯ ทักษิณเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่บอกว่านอกจากจะนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้แล้ว ยังจะแก้ไขหลักการสำคัญให้เหมือนกับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 27 มิถุนายน 2475 อีกด้วย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องแก้หมวดพระมหากษัตริย์ ตามนัยที่นักวิชาการฝ่ายที่แตะอยู่กับขบวนคนเสื้อแดงเสนอให้ขบวนยกเสื้อแดงเปลี่ยนธงจากการโจมตีประธานองคมนตรีในฐานะตัวบุคคล มาเป็นชูธงให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดพระราชอำนาจลงมาให้อยู่ในระดับที่ไม่ขัดกับหลักการประชาธิปไตย เป็นต้นว่าการขึ้นครองราชย์ของพระมหากษัตริย์จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาในทุกกรณี”
นายคำนูณกล่าวว่า ในด้านการบังคับใช้กฎหมายนั้น คดีดังๆ ก็มีการจับกุมนางดา ตอร์ปิโด ได้เพียงคนเดียว และก็เป็นการจับกุมในรัฐบาลชุดก่อน คดีการโจมตีตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 14-15 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น แม้จะมีการจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย แต่การสอบสวนยังไม่ลงลึกไปถึงต้นตอ ต้นทาง ได้แต่ปลายทาง ส่วนการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลก็ไม่มีนโยบายที่ชัดเจน แม้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม จะเสนอร่างกฎหมาย 3 ฉบับในช่วงที่เป็น ส.ส.ฝ่ายค้าน แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ตอบในการประชุมลับของวุฒิสภาว่าเป็นการเสนอในนามส่วนตัว ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงยังไม่ได้เร่งรัดผลักดันแต่ประการใด ทั้งๆ ที่น่าจะนำมาขอรับฟังความคิดเห็นจากสังคมได้ และที่รัฐบาลยังทำน้อยมากคือการก้าวข้ามไปถึงขั้นทำให้ประชาชนได้ตระหนักรู้ถึงความรุนแรงของปัญหาว่านี่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง เป็นเรื่องของความขัดแย้งเชิงอุดมการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขในรูปแบบที่คนไทยรู้จัก และก้าวล่วงไปถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์กับพระราชอำนาจตามนิติราชประเพณี
“การเทิดพระเกียรติในช่วงวันสำคัญเป็นเรื่องปกติที่ต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ปีนี้ทำใหญ่กว่าที่เคย และทำได้ดีมาก บังเอิญอยู่ในช่วงใกล้วันแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี Perception ของประชาชนจึงเห็นว่ารัฐบาลประสบความสำเร็จมากๆ ในนโยบายหลักข้อนี้ ทั้งๆ ที่โดย Fact แล้วผมถือว่ารัฐบาลยังมีการบ้านอีกมาก ไม่ควรหลงไปกับผลสำรวจและการโฆษณาตัวเองของรัฐบาล”
นายคำนูณกล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ กำลังเร่งจัดทำรายงานการศึกษาเสนอต่อวุฒิสภาภายในสมัยประชุมหน้า เพื่อการนี้จะจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องในช่วงวันที่ 26 หรือ 29 มกราคม 2553 หรืออย่างช้าภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 โดยมอบหมายให้นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ รองประธานกรรมาธิการฯ เป็นแม่งาน โดยจะเชิญนายกรัฐมนตรีมาปาฐกถาพิเศษด้วย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนประสานงาน แต่ในชั้นต้นอยากให้รัฐบาลเริ่มต้นการต่อสู้ในเชิงวิชาการควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวดและการผลักดันแก้ไขกฎหมายเฉพาะเท่าที่จำเป็น