xs
xsm
sm
md
lg

“ขบวนการล้มเจ้า” พล่าน-เร่งจัดทัพแดงเอาคืน !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายนพดัล ปัทมะ ทนายหน้าหอของ นช.ทักษิณ ชินวัตร แถลงข่าวขู่ฟ้องหนังสือ “ขบวนการล้มเจ้า”
การทำศึกครั้งใดก็ตาม หากแม่ทัพประเมินสถานการณ์พลาด ก็อาจทำให้พ่ายแพ้ต้องสูญเสียรี้พลมากมายจนลดทอนกำลังของตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ

หากเปรียบการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงที่เคยกำหนดเอาไว้ก่อนหน้านี้ในช่วงเทศกาล “วันมหามงคล” ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.ถึง 2 ธ.ค.หรืออาจยื้อถึงวันที่ 3 ธ.ค.จ่อวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระเจ้าอยู่หัว ชนิดที่เรียกว่า “เหิมเกริม” ไม่เกรงกลัวฟ้าดินกันเลยทีเดียว

จน “กระแสตีกลับ” สังคมรับไม่ได้ ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็น“เจ้าของ” เสื้อแดงและเจ้าของพรรคเพื่อไทย ต้องกัดฟันเป่านกหวีดสั่งถอยชั่วคราว เพื่อจัดทัพสำรวจรี้พลรอจังหวะรุกใหญ่แตกหักกันอีกครั้งเร็วๆ นี้

ที่ผ่านมาหลังจาก ทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับ “ไทมส์ ออนไลน์” ทำให้สังคมได้รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริง ว่าเขามีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง ทำให้หน้ากากที่เคยปิดบังอำพรางมานานก็ถูกเปิดเผยออกมาให้เห็นทันที

ประกอบกับในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันก็มีพ็อกเก็ตบุคส์ “ขบวนการล้มเจ้า” ที่ได้รวบรวมคำพูดและพฤติกรรมของ ทักษิณ และเครือข่าย บุคคลใกล้ชิดรอบตัวออกมาอย่างพอเหมาะพอดี ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก เป็นเสมือนการต่อจิ๊กซอว์เป็นภาพใหญ่อย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้

เป็นการยืนยันว่า ทักษิณ ชินวัตร นี่แหละคือ “หัวหน้าขบวนการล้มเจ้า”

ภาพที่ตัวเองพยายามยืนยันว่า “จงรักภักดี” นั้น ได้แทบมลายหายสิ้นไปทันที แม้กระทั่งคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยที่เมื่อรับรู้ความจริง และตั้งสติคิดได้ก็เริ่มชิ่งหนีจำนวนไม่น้อย

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะเห็นความเคลื่อนไหวของบรรดาแกนนำเสื้อแดงหลายคน ประกาศไม่ยอมรับบทบาทและการตัดสินใจของ “3 เกลอ” อีกต่อไป เนื่องจากเห็นว่าการเคลื่อนไหวในช่วงวัน “มหามงคล” ถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง ทำให้คนเสื้อแดงถูกมองในแง่ลบว่าไม่จงรักภักดี

ท่าทีในลักษณะดังกล่าวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อาทิ ขวัญชัย สาราคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา หัวหน้ากลุ่มชมรมคนรักอุดร หรือแม้กระทั่งล่าสุด ปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้นำนวยการพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาแถลงข่าวว่าต่อไปนี้จะขอพักรบกับรัฐบาลชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าการเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ไม่เหมาะสม

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาให้ละเอียดจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังในเรื่องการ ขัดกันแห่งผลประโยชน์” หรือการช่วงชิงบทบาทหรือไม่ก็ตามที แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้นกับขบวนการเสื้อแดงเริ่มมีอาการ “รวน” อย่างเห็นได้ชัด มีการแยกกลุ่มออกไปจัดตั้งขบวนการเคลื่อนไหวกันเป็นอิสระต่อกันมากขึ้น เช่น ทางภาคเหนือก็มีการรวมกลุ่มใหม่ในนาม “สภาแดงล้านนา” ซึ่งแต่ละกลุ่มจะแยกย่อยกันต่างหากออกไป

“ขบวนการล้มเจ้า”ดิ้นพล่านงัดลูกไม้ฟ้องปิดปาก

หรือแม้กระทั่งตัวบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็น “หัวหน้าขบวนการล้มเจ้า” คือ ทักษิณ ชินวัตร เพราะหลังจากเปิดเผยตัวตนออกมาอย่างล่อนจ้อนแล้วก็ยิ่งทำให้ขบวนการดังกล่าวถึงกับออกอาการ “ดิ้นพล่าน” ต้องมีการแก้เกมกันพัลวัน

หนึ่งในหลายวิธีที่มักจะนำมาใช้เสมอก็คือการขู่ฟ้อง หรือการฟ้องร้องดำเนินคดี เป้าหมายก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการปิดปากหรือขัดขวางไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดโปงความจริง ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกับหนังสือขบวนการล้มเจ้า ก็คือไม่ต้องการให้วางจำหน่ายหนังสือดังกล่าวที่เปิดโปงความจริงอีกด้านหนึ่งให้สังคมได้รับรู้

แม้ว่าอีกด้านหนึ่งยังมีข้อสงสัยและเกิดคำถามขึ้นทันทีว่า หาก ทักษิณ มอบหมายให้ทนายความฟ้อง “เอเอสทีวีผู้จัดการ” ในฐานะเป็นผู้รวบรวมข้อมูลและนำมาตีแผ่ให้สังคมได้รับรู้ถึงขบวนการล้มเจ้าจริงๆ ตามที่ทนายความส่วนตัวคือ นพดล ปัทมะ ออกมาระบุก่อนหน้านี้ เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยยอมรับกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยเฉพาะ ศาล ที่ก่อนหน้านี้ถึงกับกล่าวหาว่าเป็นกระบวนการ “ยุติความเป็นธรรม” หลายครั้ง

และหากมีการฟ้องร้องจริงยิ่งเป็นการสงสัยอีกว่าเขาจะใช้ที่อยู่เป็นหลักแหล่งที่ไหน หรือลงนามลงลายมือชื่อมอบหมายให้ใครมาฟ้องดำเนินคดี อีกทั้งยังมีปัญหาอีกว่าในฐานะที่เป็นนักโทษหลบหนีคดียังมีความชอบธรรมที่จะฟ้องร้องคนอื่นได้หรือไม่

ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นของ ทักษิณ ชินวัตร จึงถูกมองว่า เป็นเพียงการแก้เกี้ยวหรือแก้ตัว รวมไปถึงยังต้องการยื้อกระแสให้สังคมได้เห็นว่าตัวเองยังมีความจงรักภักดีไม่เปลี่ยนแปลง และกำลังถูกฝ่ายตรงข้ามใส่ร้ายทำลาย

อย่างไรก็ดี หลังจากที่ เขาต้องจำใจสั่งให้คนเสื้อแดงถอยทัพกลับไปชั่วคราว หลังจากกระแสตีกลับดังกล่าว มวลชนแนวร่วม หรือแม้กระทั่งแกนนำหลายคนก็ไม่เอาด้วย ทำให้แผนระดมพลไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แม้ว่าหลายฝ่ายต่างประเมินกันว่า สาเหตุสำคัญที่ต้องมีการชุมนุมใหญ่ในช่วงวันมหามงคลแบบนี้ ก็เพื่อต้องการ “แตกหัก” หรือบีบให้มีการเจรจากับคนที่เขาเชื่อว่ามีอำนาจแท้จริง จนอาจมีการก่อจลาจลครั้งใหญ่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจการบริหาร หรือเลยเถิดไปถึงขั้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของรัฐกันเลยทีเดียว

แต่ที่สำคัญก็คือ ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นก่อนที่จะมีคำพิพากษาในคดีอายัดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะชี้ขาดภายในไม่เกินเดือนมกราคมปีหน้า

สั่งจัดทัพแดงใหม่รอดีเดย์รบใหม่อีกรอบ

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขเวลาหากนับจากวันนี้ผ่านพ้นวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวาคมก็อาจยังพอมีเวลาเหลืออีกเล็กน้อย ให้ลองเสี่ยงกันอีกรอบ แต่คราวต่อไปเชื่อว่าจะต้องมีการจัดทัพกันใหม่ให้รัดกุมมากขึ้นกว่าเดิม แต่หลายฝ่ายยังเชื่อว่าแนวโน้มความปั่นป่วนวุ่นวายจะยังคงต้องเกิดขึ้นค่อนข้างแน่

บังเอิญว่ากลุ่มเสื้อแดง ที่นำโดย 3 เกลอ ก็ได้ประกาศชุมนุมเพื่อชิมลางในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ โดยอ้างว่าเพื่อรำลึกถึงวันรัฐธรรมนูญ และยืนยันว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ไม่ยืดเยื้อวันเดียวจบโดยไม่เคลื่อนขบวนไปที่ไหนทั้งสิ้น แต่หลายฝ่ายยังไม่วางใจเพราะความรุนแรงอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วบรรดาแกนนำก็ได้ประกาศปฏิเสธอย่างหน้าตาเฉยไว้ล่วงหน้าแล้วว่า เป็นนั่นฝีมือของพวก “แดงเทียม”

แต่สิ่งที่ต้องจับตาก็คือในการชุมนุมครั้งนี้นอกเหนือจากการรวมพลของคนเสื้อแดงเพียงกลุ่มย่อยแล้ว ซึ่งหากจะให้ประเมินก็น่าจะเป็นหยั่งเชิงแบบ “กวนประสาท” ฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลหลังจากเพิ่งยกเลิกพื้นที่ความมั่นคงทั่วกรุงเทพฯไปไม่นาน เป็นการหยั่งกระแสแบบสำรวจขั้นสุดสุดท้ายดูว่าแม้ในช่วงที่กำลังตกต่ำแบบนี้ยังมีคนร่วมหัวจมท้ายเหลืออยู่กี่คน ซึ่งคนพวกนี้รับรองว่าน่าจะต้องเป็นพวก “ฮาร์ทคอร์” ทั้งสิ้น

ดันก้นอดีตผู้พิพากษาจำคุก “สนธิ” ขึ้นเวทีเสื้อแดง

ขณะเดียวกันที่น่าจับตาไม่แพ้กันก็คือ ในช่วงการจัดเสวนา มีการเชิญนักวิชาการเข้าร่วม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “อุดม มั่งมีดี” อดีตผู้พิพากษาที่เคยตัดสินจำคุก สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นเวลา 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ถูก ภูมิธรรม เวชยชัย ฟ้องหมิ่นประมาทมาแล้ว และที่ผ่านมาอดีตผู้พิพากษาคนนี้ยังเคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์วงการตุลาการที่ตัวเองเคยสังกัดอย่างรุนแรงและยังพาดพิงไปถึง “มหาอำมาตย์” ตามที่ระบอบทักษิณมักหยิบยกมาโจมตีอยู่เสมอ แต่เมื่อไปค้นข้อมูลส่วนตัวก็พบว่า อุดมคนเดียวกันนี้เป็นนักเรียนกฎหมายรุ่นเดียวกับ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ “น้องเขย” ของ ทักษิณ นั่นเอง

ดังนั้นการมีชื่อเข้าร่วมวงเสวนากับเวทีคนเสื้อแดงคราวนี้ ทำให้สงสัยกันไม่น้อยว่าเจตนาต้องการอะไรกันแน่

ขณะเดียวกันที่น่าสังเกตก็คือ ก่อนหน้านั้นเพียง 1 วัน คือ ในวันที่ 9 ธ.ค.จะมีการนัดประชุมบรรดาแกนนำเสื้อแดงทั่วประเทศเพื่อกำหนดวันชุมนุมใหญ่อีกด้วย

นอกเหนือจากนี้ยังมีกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ “เสธ.แดง” นายทหารนอกแถวที่ออกมาปูดข้อมูลหากมีการชุมนุมของคนเสื้อแดงในครั้งต่อไปให้ทหารที่รักษาการณ์ระวังทหารพรานให้ดี เพราะได้เข้าร่วมเป็นการ์ดให้กับคนเสื้อแดงและจะเกิดความรุนแรง ทำให้น่าคิดได้เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้นายทหารคนนี้มักจะออกมาพูดก่อนที่เกิดเหตุเสมอ ดังกรณีที่เคยเกิดความรุนแรงกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายครั้ง

ดังนั้นเมื่อพิจารณาความเคลื่อนไหวทั้งหมดของขบวนการล้มเจ้าดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น หลังจากที่ต้องจำใจถอยร่นในช่วงวันมหามงคลออกมาชั่วคราว แต่ด้วยเงื่อนไขเวลาที่ไล่หลังเข้ามา ก็จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์แก้เกมกันใหม่ เพื่อกลับมารุกรบขั้นแตกหักในปลายปีนี้หรือไม่ ห้ามกระพริบตาเป็นอันขาด

ทุกอย่างกำลังประดังเข้ามาพร้อมกัน และคนที่เป่านกหวีดสั่งการยังยืนยันว่านี่คือสงครามครั้งสุดท้าย เพราะเดิมพันมันสูงลิบ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น