เคาะข่าวริมโขง : ผ่า “ขบวนการล้มเจ้า” หัวหน้าดาวแดง “นช.แม้ว” ใช้เงินฟาดหัว “ซ้ายหลงยุค” ร่วมขบวนการอัปยศ รับใบสั่งเขย่าสถาบัน ปูดล้มราชวงศ์จีน-รัสเซีย โดยไม่ดูตาม้าตาเรือยุคสมัยเปลี่ยนไป ทั้งเงื่อนไขและสถานการณ์ก็ต่างกัน ซัดพวกนี้ความคิดหลังเขา ยึดติดกรอบเดิมจ้องแต่ล้มเจ้า โดยไม่สนโลกความจริง “ในหลวง” บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ราษฎร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรักษ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ และนายอมรเทพ อมรรัตนานนท์ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นข่าวเด่นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ กรณีคำสัมภาษณ์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประธิปไตย ที่ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องขบวนการล้มเจ้า ผ่านทางรายการ "ลงเอยอย่างไร" ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นผู้ดำเนินรายการ
นอกจากนี้ ในรายการยังมีการหยิบยกความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตระเตรียมตัวอย่างไร ในการชุมนุมคนเสื้อแดงวันที่ 10 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ รวมถึง กรณีความไม่ชอบมาพากล นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ ชุติพงศ์ วิศวกรไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัวในข้อจารกรรมข้อมูล
เริ่มต้นรายการมีการย้อนชมคำสัมภาษณ์ของนายสนธิ ในรายการ “ลงเอยอย่างไร” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ โดยมี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นผู้ดำเนินรายการ
จากนั้น นายอมรเทพกล่าวถึงคำสัมภาษณ์ของ นายสนธิ ว่า เมื่อก่อนตอนที่ นายสนธิ พูดครั้งแรกเรื่องขบวนการล้มสถาบัน ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆในประเทศไทย แต่เวลานี้ ชัดเจนแล้วว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง เพราะมีขบวนการคิดก่อการใหญ่ทำเช่นนั้น ทั้งนี้ จากคำสัมภาษณ์ นายสนธิได้กล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามีพฤติกรรมหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง ทั้งเรื่องในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว หรือแม้แต่เรื่องที่เกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราช สิ่งเหล่านี้ มันทำให้เห็นตัวตนและความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยต้องยอมรับว่าพรรคไทยรักไทยซึ่งผู้ก่อตั้ง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ มีพวกฝ่ายซ้ายรวมอยู่ด้วย โดยฝ่ายซ้ายเหล่านี้ มักยึดแต่กรอบความคิดเก่าๆ ที่เรื่องราวการต่อสู้หรือการกดขี่ต่างๆ ได้จบลงไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่คนเหล่านี้ ยังจดจำและผูกเรื่องราวทุกอย่างด้วยความคิดตัวเองแบบไม่สนใจเหตุการณ์บ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป
นายอมรเทพกล่าวต่อว่า สมัยอดีตพวกฝ่ายซ้าย ได้ออกมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง และกดขี่ข่มเหง แต่ยุคสมัยเวลานี้มันเปลี่ยนไป นอกจากนี้ พวกฝ่ายซ้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังชอบมีความเชื่อที่ลอกเลียนแบบเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เช่น จีน หรือ รัสเซีย ซึ่งเรื่องนี้ตนอยากโต้แย้งและทำความเข้าใจว่า เหตุผลที่มีการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ในสมัยอดีตของต่างประเทศ ไม่เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ราษฎรของพระองค์ ดังนั้น ด้วยเงื่อนไขหรือเหตุผลทุกอย่างไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พวกฝ่ายซ้าย พ.ต.ท.ทักษิณ คิดที่จะกระทำอยู่
นายอมรเทพกล่าวอีกว่า พวกฝ่ายซ้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดง ที่ชอบมีความคิดผิดๆ และยึดติดกับอดีต ซึ่งตนอยากบอกว่า พวกฝ่ายซ้ายส่วนใหญ่ ที่ออกมาต่อสู้ในอดีต ไม่เอาด้วยกับขบวนการล้มเจ้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น จะเห็นว่า พวกฝ่ายซ้ายฝั่งนั้น มีแต่พวกไม่ได้ความ ถือเป็นพวกที่ไม่เข้าใจโลกแห่งความจริงว่าเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยอย่างไร ทำให้ทุกวันนี้ จะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงหลายครั้ง ที่พวกฝ่ายซ้ายหิวเงินฝั่งตัวเอง ดีแต่สร้างผลงานอันน่าอับอาย ซึ่งผลเสียก็จะตกอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากคนก็จะมองไปในทางที่ไม่ดี
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า พวกฝ่ายซ้ายที่ต่อสู้เพื่อความดีงามและถูกต้องก็มีเยอะ โดยพวกนี้จะไม่ยอมไปร่วมในขบวนการล้มสถาบันและยังคงมีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ส่วนพวกฝ่ายซ้ายที่ร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนขอเรียกว่า ซ้ายคอมมิชชัน หรือซ้ายที่เห็นแก่เงิน บางคนถึงกับร่ำเรียนจบมาทางหมอ แต่ไม่ได้นำความรู้ที่มีไปใช้ให้ถูกต้อง หรือแม้กระทั่งบางคนมีเงินเป็นร้อยล้าน แต่หาความสุขในชีวิตไม่ได้ เนื่องจากเดินไปในทางที่ไม่ถูกต้อง
ช่วงต่อมามีการนำประเด็นนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์ ชุติพงศ์ วิศวกรไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัวในข้อหาจารกรรมข้อมูล น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงความเคลื่อนไหวประเด็นนี้ว่า หลังจากที่ นางสิมารักษ์ เดินทางไปกัมพูชา เพื่อเยี่ยมลูกชายเป็นครั้งที่ 2 วันนี้ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยแล้ว โดยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ลูกชายสบายดี แต่กังวลเรื่องคำตัดสินของศาลกัมพูชา ที่จะมีขึ้นวันที่ 8 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ นางสิมารักษ์ ได้กล่าววิงวอนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชวลิต และรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ให้การช่วยเหลือลูกชายอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งเรียกร้องกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อขอเปลี่ยนตัวทนายความ ส่วนทางด้านกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เตรียมขั้นตอนประกันตัว นายศิวรักษ์ และจัดหาเงินประกัน ซึ่งคาดว่าวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) จะสามารถดำเนินการเรื่องการประกันตัว นายศิวรักษ์ ได้ แต่วิศวกรไทยคนดังกล่าว ต้องพำนักอยู่ที่กัมพูชา จนกว่าศาลจะตัดสินข้อหาจารกรรมข้อมูล
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า หลังจากที่เดินทางกลับมาจากกัมพูชาและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน นางสิมารักษ์ ได้เดินทางไปพรรคเพื่อไทย เพื่อขอบคุณ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ต่อกรณีที่ช่วยให้ได้เดินทางไปพบ นายศิวรักษ์ ที่กัมพูชา
นายอมรเทพกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า มีคนที่รู้จักเล่าให้ตนฟังว่า ให้จับตานางสิมารักษ์ให้ดีๆ เพราะทราบมาว่าเป็นแกนนำเสื้อแดงที่ จ.นครราชสีมา และเคยเกณฑ์คนมาร่วมชุมนุมสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งเมื่อตนได้รับรู้ข้อมูลดังกล่าวก็ได้แจ้งในรายการไปแล้วครั้งหนึ่ง และก็มีผู้สื่อข่าวนำไปถามนางสิมารักษ์ โดยมารดาวิศวกรไทยไม่ได้ตอบปฏิเสธ แต่พยายามเบี่ยงเบนประเด็นตลอด ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เรื่องนี้คนที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทกลับไม่ใช่รัฐบาล แต่มีแค่นางสิมารักษ์ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชวลิต และนายนพดล ปัทมะ
นายโสภณกล่าวเสริมว่า หลังจากที่เกิดข่าวเรื่อง นายศิวรักษ์ ถูกจับกุมตัว ข่าวด้านลบของพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ลดน้อยลง เนื่องจากมีประเด็นอื่นที่แรงกว่า ทำให้คนลืมสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยให้สัมภาษณ์ ไทมส์ ออนไลน์ จาบจ้วง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือลืมว่า แกนนำคนเสื้อแดงเคยประกาศนัดชุมนุมในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระเจ้าแผ่นดิน รวมทั้งลืมเรื่องที่เงินก้อนโตของ พ.ต.ท.ทักษิณ หายไปกับวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ที่นครดูไบ
“เรื่องการจับตัวนายศิวรักษ์ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะเกมนี้กัมพูชาเดิมพันสูงด้วยการจับคนไทยเป็นตัวประกัน แต่เกมนี้เดินมาผิดทาง และไม่ชอบมาพากลด้วยเหตุผลตั้งแต่แรก ทำให้เรื่องราวดูวกไปวนมา แต่เรื่องนี้ไม่อยากพูดพาดพิงถึงนายศิวรักษ์ว่ารู้เห็นเป็นใจหรือร่วมขบวนการนี้ด้วย เพราะคนที่มีบทบาทจริงๆ มีแค่ นางสิมารักษ์ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชวลิต และนายนพดล ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา นอกนั้นเป็นแค่ตัวประกอบละครเท่านั้น” นายโสภณ กล่าว
ต่อจากนั้น ช่วงต่อมา น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า หลังจากหมอลักษณ์ออกมาฟันธงว่าดวง พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งในช่วงเดือนเมษายน ปี2553 วันนี้ นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงพี่ชายว่า ตอนนี้เห็นว่าเดินทางออกจากประเทศในตะวันออกกลาง เพื่อไปรัสเซีย เจรจาธุรกิจกับนักลงทุน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนมีหัวการค้า จึงสนใจลงทุนอยู่เสมอ ส่วนเรื่องที่หมอลักษณ์ ออกมาทำนายดวง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อยากให้คนไทยลองคิดว่า ตอนนี้เศรษฐกิจประเทศไทยดีหรือไม่ ถ้าไม่ดี ก็ต้องเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาบริหารประเทศ
นายโสภณกล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า ก่อนที่นายพายัพจะให้คนไทยเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศไทย อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยไปแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรต์ก่อน เพราะเห็นว่าหนักหนาสาหัส หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เก่งจริงน่าจะไปช่วยเหลือนครดูไบบ้าง ในฐานะที่เคยให้ที่พำนักเป็นเวลายาวนาน สมควรจะไปตอบแทนบุญคุณ ส่วนคำทำนายของหมอลักษณ์ คิดว่าที่ผ่านมาก็ทำนายพลาดหลายครั้ง ยังสู้คำทำนายของ เสธ.แดง ไม่ได้ ที่บอกว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ก็เกิดตรงจริงตามที่พูดทุกครั้ง
น.ส.อัญชะลี หยิบยกประเด็นกลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.นี้ เพื่อแสดงเจตนารมย์เรียกร้องประชาธิปไตย พร้อมทั้งต่อต้านรัฐธรรมนูญ ปี 2550 โดยทางด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ออกมาระบุว่า อาจจะไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่อยากให้เฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของ เสธ.แดง อย่างใกล้ชิด เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยออกมาประกาศว่าจะมีทหารพรานปักธงชัย ซึ่งมีความสนิทสนมกับ พล.อ.ชวลิต ออกมาก่อวินาศกรรมกลางเมืองหลวง
น.ส.อัญชะลี กล่าวปิดท้ายถึงความคืบหน้าคดียึดทรัพย์ จำนวน 76,000 ล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ ที่วันนี้ นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีต คตส.ได้เดินทางไปเบิกความในฐานะพยานคดีกล่าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดย นายนาม ยืนยันว่า ไม่ได้มีความรู้สึกโกรธเคืองต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่จากหลักฐานและพยานที่ คตส.ตรวจสอบพบความผิดปกติในทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ส่วนทางด้าน คุณหญิงจารุวรรณ ยืนยันกับอัยการคดีดังกล่าวว่า ทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาอย่างไม่ทราบที่มาที่ไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรักษ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ และนายอมรเทพ อมรรัตนานนท์ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นข่าวเด่นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ กรณีคำสัมภาษณ์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประธิปไตย ที่ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องขบวนการล้มเจ้า ผ่านทางรายการ "ลงเอยอย่างไร" ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นผู้ดำเนินรายการ
นอกจากนี้ ในรายการยังมีการหยิบยกความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตระเตรียมตัวอย่างไร ในการชุมนุมคนเสื้อแดงวันที่ 10 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ รวมถึง กรณีความไม่ชอบมาพากล นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ ชุติพงศ์ วิศวกรไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัวในข้อจารกรรมข้อมูล
เริ่มต้นรายการมีการย้อนชมคำสัมภาษณ์ของนายสนธิ ในรายการ “ลงเอยอย่างไร” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ โดยมี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นผู้ดำเนินรายการ
จากนั้น นายอมรเทพกล่าวถึงคำสัมภาษณ์ของ นายสนธิ ว่า เมื่อก่อนตอนที่ นายสนธิ พูดครั้งแรกเรื่องขบวนการล้มสถาบัน ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆในประเทศไทย แต่เวลานี้ ชัดเจนแล้วว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง เพราะมีขบวนการคิดก่อการใหญ่ทำเช่นนั้น ทั้งนี้ จากคำสัมภาษณ์ นายสนธิได้กล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามีพฤติกรรมหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง ทั้งเรื่องในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว หรือแม้แต่เรื่องที่เกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราช สิ่งเหล่านี้ มันทำให้เห็นตัวตนและความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยต้องยอมรับว่าพรรคไทยรักไทยซึ่งผู้ก่อตั้ง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ มีพวกฝ่ายซ้ายรวมอยู่ด้วย โดยฝ่ายซ้ายเหล่านี้ มักยึดแต่กรอบความคิดเก่าๆ ที่เรื่องราวการต่อสู้หรือการกดขี่ต่างๆ ได้จบลงไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่คนเหล่านี้ ยังจดจำและผูกเรื่องราวทุกอย่างด้วยความคิดตัวเองแบบไม่สนใจเหตุการณ์บ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป
นายอมรเทพกล่าวต่อว่า สมัยอดีตพวกฝ่ายซ้าย ได้ออกมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง และกดขี่ข่มเหง แต่ยุคสมัยเวลานี้มันเปลี่ยนไป นอกจากนี้ พวกฝ่ายซ้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังชอบมีความเชื่อที่ลอกเลียนแบบเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เช่น จีน หรือ รัสเซีย ซึ่งเรื่องนี้ตนอยากโต้แย้งและทำความเข้าใจว่า เหตุผลที่มีการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ในสมัยอดีตของต่างประเทศ ไม่เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ราษฎรของพระองค์ ดังนั้น ด้วยเงื่อนไขหรือเหตุผลทุกอย่างไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พวกฝ่ายซ้าย พ.ต.ท.ทักษิณ คิดที่จะกระทำอยู่
นายอมรเทพกล่าวอีกว่า พวกฝ่ายซ้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดง ที่ชอบมีความคิดผิดๆ และยึดติดกับอดีต ซึ่งตนอยากบอกว่า พวกฝ่ายซ้ายส่วนใหญ่ ที่ออกมาต่อสู้ในอดีต ไม่เอาด้วยกับขบวนการล้มเจ้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น จะเห็นว่า พวกฝ่ายซ้ายฝั่งนั้น มีแต่พวกไม่ได้ความ ถือเป็นพวกที่ไม่เข้าใจโลกแห่งความจริงว่าเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยอย่างไร ทำให้ทุกวันนี้ จะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงหลายครั้ง ที่พวกฝ่ายซ้ายหิวเงินฝั่งตัวเอง ดีแต่สร้างผลงานอันน่าอับอาย ซึ่งผลเสียก็จะตกอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากคนก็จะมองไปในทางที่ไม่ดี
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า พวกฝ่ายซ้ายที่ต่อสู้เพื่อความดีงามและถูกต้องก็มีเยอะ โดยพวกนี้จะไม่ยอมไปร่วมในขบวนการล้มสถาบันและยังคงมีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ส่วนพวกฝ่ายซ้ายที่ร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนขอเรียกว่า ซ้ายคอมมิชชัน หรือซ้ายที่เห็นแก่เงิน บางคนถึงกับร่ำเรียนจบมาทางหมอ แต่ไม่ได้นำความรู้ที่มีไปใช้ให้ถูกต้อง หรือแม้กระทั่งบางคนมีเงินเป็นร้อยล้าน แต่หาความสุขในชีวิตไม่ได้ เนื่องจากเดินไปในทางที่ไม่ถูกต้อง
ช่วงต่อมามีการนำประเด็นนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์ ชุติพงศ์ วิศวกรไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัวในข้อหาจารกรรมข้อมูล น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงความเคลื่อนไหวประเด็นนี้ว่า หลังจากที่ นางสิมารักษ์ เดินทางไปกัมพูชา เพื่อเยี่ยมลูกชายเป็นครั้งที่ 2 วันนี้ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยแล้ว โดยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ลูกชายสบายดี แต่กังวลเรื่องคำตัดสินของศาลกัมพูชา ที่จะมีขึ้นวันที่ 8 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ นางสิมารักษ์ ได้กล่าววิงวอนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชวลิต และรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ให้การช่วยเหลือลูกชายอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งเรียกร้องกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อขอเปลี่ยนตัวทนายความ ส่วนทางด้านกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เตรียมขั้นตอนประกันตัว นายศิวรักษ์ และจัดหาเงินประกัน ซึ่งคาดว่าวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) จะสามารถดำเนินการเรื่องการประกันตัว นายศิวรักษ์ ได้ แต่วิศวกรไทยคนดังกล่าว ต้องพำนักอยู่ที่กัมพูชา จนกว่าศาลจะตัดสินข้อหาจารกรรมข้อมูล
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า หลังจากที่เดินทางกลับมาจากกัมพูชาและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน นางสิมารักษ์ ได้เดินทางไปพรรคเพื่อไทย เพื่อขอบคุณ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ต่อกรณีที่ช่วยให้ได้เดินทางไปพบ นายศิวรักษ์ ที่กัมพูชา
นายอมรเทพกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า มีคนที่รู้จักเล่าให้ตนฟังว่า ให้จับตานางสิมารักษ์ให้ดีๆ เพราะทราบมาว่าเป็นแกนนำเสื้อแดงที่ จ.นครราชสีมา และเคยเกณฑ์คนมาร่วมชุมนุมสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งเมื่อตนได้รับรู้ข้อมูลดังกล่าวก็ได้แจ้งในรายการไปแล้วครั้งหนึ่ง และก็มีผู้สื่อข่าวนำไปถามนางสิมารักษ์ โดยมารดาวิศวกรไทยไม่ได้ตอบปฏิเสธ แต่พยายามเบี่ยงเบนประเด็นตลอด ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เรื่องนี้คนที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทกลับไม่ใช่รัฐบาล แต่มีแค่นางสิมารักษ์ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชวลิต และนายนพดล ปัทมะ
นายโสภณกล่าวเสริมว่า หลังจากที่เกิดข่าวเรื่อง นายศิวรักษ์ ถูกจับกุมตัว ข่าวด้านลบของพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ลดน้อยลง เนื่องจากมีประเด็นอื่นที่แรงกว่า ทำให้คนลืมสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยให้สัมภาษณ์ ไทมส์ ออนไลน์ จาบจ้วง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือลืมว่า แกนนำคนเสื้อแดงเคยประกาศนัดชุมนุมในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระเจ้าแผ่นดิน รวมทั้งลืมเรื่องที่เงินก้อนโตของ พ.ต.ท.ทักษิณ หายไปกับวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ที่นครดูไบ
“เรื่องการจับตัวนายศิวรักษ์ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะเกมนี้กัมพูชาเดิมพันสูงด้วยการจับคนไทยเป็นตัวประกัน แต่เกมนี้เดินมาผิดทาง และไม่ชอบมาพากลด้วยเหตุผลตั้งแต่แรก ทำให้เรื่องราวดูวกไปวนมา แต่เรื่องนี้ไม่อยากพูดพาดพิงถึงนายศิวรักษ์ว่ารู้เห็นเป็นใจหรือร่วมขบวนการนี้ด้วย เพราะคนที่มีบทบาทจริงๆ มีแค่ นางสิมารักษ์ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชวลิต และนายนพดล ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา นอกนั้นเป็นแค่ตัวประกอบละครเท่านั้น” นายโสภณ กล่าว
ต่อจากนั้น ช่วงต่อมา น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า หลังจากหมอลักษณ์ออกมาฟันธงว่าดวง พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งในช่วงเดือนเมษายน ปี2553 วันนี้ นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงพี่ชายว่า ตอนนี้เห็นว่าเดินทางออกจากประเทศในตะวันออกกลาง เพื่อไปรัสเซีย เจรจาธุรกิจกับนักลงทุน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนมีหัวการค้า จึงสนใจลงทุนอยู่เสมอ ส่วนเรื่องที่หมอลักษณ์ ออกมาทำนายดวง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อยากให้คนไทยลองคิดว่า ตอนนี้เศรษฐกิจประเทศไทยดีหรือไม่ ถ้าไม่ดี ก็ต้องเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาบริหารประเทศ
นายโสภณกล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า ก่อนที่นายพายัพจะให้คนไทยเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศไทย อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยไปแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรต์ก่อน เพราะเห็นว่าหนักหนาสาหัส หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เก่งจริงน่าจะไปช่วยเหลือนครดูไบบ้าง ในฐานะที่เคยให้ที่พำนักเป็นเวลายาวนาน สมควรจะไปตอบแทนบุญคุณ ส่วนคำทำนายของหมอลักษณ์ คิดว่าที่ผ่านมาก็ทำนายพลาดหลายครั้ง ยังสู้คำทำนายของ เสธ.แดง ไม่ได้ ที่บอกว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ก็เกิดตรงจริงตามที่พูดทุกครั้ง
น.ส.อัญชะลี หยิบยกประเด็นกลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.นี้ เพื่อแสดงเจตนารมย์เรียกร้องประชาธิปไตย พร้อมทั้งต่อต้านรัฐธรรมนูญ ปี 2550 โดยทางด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ออกมาระบุว่า อาจจะไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่อยากให้เฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของ เสธ.แดง อย่างใกล้ชิด เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยออกมาประกาศว่าจะมีทหารพรานปักธงชัย ซึ่งมีความสนิทสนมกับ พล.อ.ชวลิต ออกมาก่อวินาศกรรมกลางเมืองหลวง
น.ส.อัญชะลี กล่าวปิดท้ายถึงความคืบหน้าคดียึดทรัพย์ จำนวน 76,000 ล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ ที่วันนี้ นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีต คตส.ได้เดินทางไปเบิกความในฐานะพยานคดีกล่าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดย นายนาม ยืนยันว่า ไม่ได้มีความรู้สึกโกรธเคืองต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่จากหลักฐานและพยานที่ คตส.ตรวจสอบพบความผิดปกติในทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ส่วนทางด้าน คุณหญิงจารุวรรณ ยืนยันกับอัยการคดีดังกล่าวว่า ทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาอย่างไม่ทราบที่มาที่ไป