เคาะข่าวริมโขง : “สุวัตร” ไม่แปลกใจ “วิทยุการบินฯ” ร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพันธมิตรฯ คดีปิดสนามบิน แฉเป็นเกม ปชป.หวังใช้กดหัวแกนนำพันธมิตรฯ เชื่อ “คลัง” อยู่เบื้องหลัง เพราะถือหุ้นใหญ่ เผย คืนก่อนบึ้มเวทีพันธมิตรฯ ที่สนามหลวง ได้โทร.ไปถาม “เสธ.แดง” แต่เจ้าตัวอ้างเป็นฝีมือทหารพราน ขณะที่ละครปาหี่จับวิศวกรไทยใกล้ถึงตอนอวสาน “แม่ศิวรักษ์” ส่งบทปูทาง “นช.แม้ว” เล่นบทขี่ม้าขาว ด้าน “จิ๋ว” ไม่น้อยหน้า โทร.บอกจะช่วยเหลือ แต่ขอปิดทองหลังพระ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ นายอมรเทพ อมรรัตนานนท์ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็น ซึ่งจะพุ่งเป้าไปที่ความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ประกาศชัดเจนว่า หลังวันที่ 5 ธ.ค.นี้ จะนัดชุมนุมอีกครั้ง
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดรายการถึงกรณีความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ ว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความ ผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ระบุว่า ขอลาสัก 3 วัน เพื่อเดินทางไปพบผู้นำที่ยุโรป ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพิ่งตรวจค้นบ้านการ์ดเสื้อแดงแล้วพบระเบิด 6,000 ลูก และอาวุธปืนอีกหลายกระบอก ได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เอาระเบิดปิงปองดังกล่าว เพื่อไว้ไล่นก
นายอมรเทพ กล่าวว่า ตอนนี้มีการปลุกกระแสเรื่อง “เชียงใหม่โมเดล” อย่างหนัก ซึ่งแนวคิดนี้จะเหมือนการตั้งรัฐไทยใหม่ ที่ปกครองตัวเอง อยู่เหนืออำนาจของรัฐ ทั้งที่จริงแล้วตนมองว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป ทุกอย่างต้องบูรณาการอยู่ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเชื้อชาติ หรือศาสนาไหน ดังนั้น ความคิดการปลุกกระแสเรื่องปกครองตัวเองเหนืออำนาจรัฐ จึงไม่ควรจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนอยากฝากเตือน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงว่า อย่าประมาทกับสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ เพราะพฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อชัดเจนแล้วว่า ต้องการทำให้ผู้คนต่อต้านและเกลียดชังอำนาจรัฐ นอกจากนี้ ตนอยากบอกคนไทยทุกคนว่า ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เนื่องจากจะได้ร่วมกันเฉลิมฉลองวันพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่นับจากวันที่ 5 ธ.ค.นี้เป็นต้นไปจะมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงอีก ดังนั้น ถือว่าช่วงวันที่ 5 ธ.ค. เป็นความสุขชั่วคราว ที่ต่อไปในไม่ช้า ก็ต้องกลับมาทุกข์อีก เพราะไม่รู้ว่าบ้านเมืองเราจะเดินไปข้างหน้าต่อไปได้อย่างไร
“ผมเชื่อว่า อย่างไรหลังวันที่ 5 ธ.ค.นี้ กลุ่มคนเสื้อแดงต้องออกมาชุมนุมก่อเหตุความวุ่นวายแน่นอน เพราะเวลานี้ คนเสื้อแดงคิดว่าต้องสู้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมามีอำนาจ ทั้งที่จริงแล้ว เมื่อไหร่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สมหวัง เมื่อนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะถูกเขี่ยทิ้ง เนื่องจาก ใจจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ต้องการกลับคืนสู่อำนาจ เพราะรู้ว่าทำไม่ได้ แต่เป้าหมายสูงสุด คือ ต้องการเอาเงินจำนวน 76,000 ล้านบาทที่ถูกยึดคืน” นายอมรเทพ กล่าว
นายโสภณ กล่าวว่า สำหรับตนแล้วไม่เข้าใจว่า พวกลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ จะดาหน้าออกมาฟ้องร้องหนังสือ “ขบวนการล้มเจ้า” ของสำนักพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ เพราะอะไร หากไม่ได้ทำเช่นนั้นจริงๆ เนื่องจาก ไม่มีเหตุผล ถ้าไม่มีความคิดล้มเจ้า ล้มสถาบัน
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ส่วนตนคิดว่า เรื่องการฟ้องร้องเป็นเพียงแค่ข้ออ้างบังหน้า เพื่อเอาผลงานเล็กๆน้อยๆ ไปเบิกเงินจากนายใหญ่ แต่การกระทำที่สำคัญกว่านั้นของกลุ่มคนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าหากไม่คิดล้มเจ้าหรือสถาบัน ทำไมถึงมีการจาบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทั้งที่จริงแล้ว ความคิดในหัวคนพวกนี้ ต้องการไล่อำมาตย์ เพื่อกระทบชิ่งถึงสถาบันเบื้องสูง
น.ส.วรรษมน กล่าวว่า นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาส่วนตัวด้านกฏหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ขณะนี้ได้ตั้งทีมทนาย เพื่อดำเนินการฟ้องร้องหนังสือ “ขบวนการล้มเจ้า” พร้อมบอกให้เรียกเก็บหนังสือคืนทั้งหมด
นายโสภณกล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่า นายนพดล จบการศึกษาด้านกฎหมายจากประเทศอังกฤษมาได้อย่างไร เพราะแม้แต่เจอคนหนีคุกหรือหลบหนีคดีทุจริตอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ตัว นายนพดล ไม่เห็นกระตือรือร้นทำตัวเป็นพลเมืองที่ดีในการจับกุมคนร้ายส่งราชการ มิหนำซ้ำยังไปเป็นกระบอกเสียงให้กับนักโทษหนีคดีอีก
ช่วงต่อมาได้มีการต่อสายสัมภาษณ์สด นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายพันธมิตรฯ ว่า ขณะนี้มีหลายบริษัทร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ในการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายกับพันธมิตรฯ ในกรณี ชุมนุมปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2551 โดยล่าสุด บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ได้ร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีดังกล่าวด้วย ซึ่งเรื่องนี้ ตนขอยืนยันว่า พันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่แต่ด้านนอกอาคาร ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้โดยสารหรือเจ้าหน้าที่คนใด นอกจากนี้ ข้อเท็จจริง คือ คนที่สั่งปิดสนามบินตัวจริงเป็น นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผอ. ท่าอาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งที่ พันธมิตรฯ ยังเดินทางไปไม่ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ แต่กลับมีการสั่งปิดก่อน สิ่งเหล่านี้ แสดงเห็นถึงความไม่ชอบธรรม
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า ที่สำคัญกว่านั้น คือ บริษัทที่ร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้อย่าง บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด มีใครทราบบ้างหรือไม่ว่า กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทนี้ ดังนั้น ตนจึงไม่แปลกใจ ว่าทำไมบริษัทดังกล่าวถึงออกมาร่วมฟ้องร้องพันธมิตรฯ เนื่องจากไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากเรื่องนี้เป็นเกมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการกดหัว แกนนำพันธมิตรฯ ทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 ที่ถูกออกหมายจับคดีนี้ ทั้งที่ การออกไปเคลื่อนไหวชุมนุมครั้งนั้น เป็นการต่อต้านรัฐบาล นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ ที่เป็นนอมินีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่พรรคประชาธิปัตย์ กลับนำประเด็นนี้ มาตั้งแง่กับพันธมิตรฯ แม้ นายอภิสิทธิ์ จะเคยบอกว่า จะบริหารประเทศด้วยหลักนิติธรรม แต่เวลานี้ คำดังกล่าวยังคงหลงเหลือหรือไม่ ซึ่งคนที่จะต้องรับผิดชอบทั้งหมด คือ นายเสรีรัตน์ ไม่ใช่ฝ่ายพันธมิตรฯ เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินไหนหรือผู้โดยสารคนใด ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมดังกล่าว
นายสุวัตร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ มีกัปตันสายการบินหนึ่งพร้อมจะเดินทางมาเป็นพยานให้ว่า ในวันเกิดเหตุเครื่องบินไฟล์ที่จะเดินทางไปส่งผู้แสวงบุญที่จะร่วมพิธีฮัจญ์ได้ขึ้นเครื่องบินหมดทุกคนแล้ว และกัปตันก็กำลังจะนำเครื่องบินขึ้น เพราะได้รับคำสั่งจากผู้บริหาร ทอท.ว่าให้นำผู้โดยสารลงจากเครื่องบิน จากนั้น เมื่อขนถ่ายผู้โดยสารเสร็จ ก็ปล่อยลอยแพ ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งขาดอาหารและน้ำดื่ม โดยทางพันธมิตรฯ ก็ต้องเป็นฝ่ายหยิบยื่นและแบ่งปันให้
ช่วงต่อมา น.ส.วรรษมน กล่าวถึงเบาะแสมือยิงเอ็ม 79 ใส่เวทีพันธมิตรฯ เมื่อครั้งนัดรวมตัวกันเพื่อแสดงพลังปกป้องชาติ ศาสน์ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเหตุการณ์ลอบยิงระเบิดดังกล่าวได้ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี
นายสุวัตร กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนมั่นใจว่าระเบิดลูกดังกล่าวต้องยิงมาจากกระทรวงกลาโหมแน่นอน เพราะดูพิกัดการยิง นอกจากนี้ยังมีเบาะแสเพิ่มเติมว่า มีคนพบเห็นรถคนร้ายจอดอยู่ในบริเวณห้ามจอด คือ แถวกระทรวงกลาโหม และเห็นชาย 2 คน กำลังกะระยะและทิศทางการยิงให้พุ่งเป้ามาที่เวที เพื่อหมายสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งอย่าว่าแต่คดีล่าสุดอย่างเรื่องลอบยิงระเบิดเวทีเลย แม้แต่คดีลอบสังหาร นายสนธิ รอบแรกยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ เนื่องจากคนร้ายไปหลบซุกอยู่ในค่ายทหาร
นายสุวัตร กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าวันเกิดเหตุยิงระเบิดใส่เวทีพันธมิตรฯ ตนพอทราบเบาะแสมาบ้าง จึงโทร.ไปหา เสธ.แดง ว่าจะยิงผู้ชุมนุมจริงหรือ แล้วจะยิงพันธมิตรฯ ทำไม ซึ่ง เสธ.แดง ได้ปฏิเสธกับตน พร้อมบอกว่าเป็นฝีมือของทหารพรานปักธงชัยที่มีความขัดแย้งกับพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องการป่วนสร้างสถานการณ์ความรุนแรง
ช่วงสุดท้ายของรายการ น.ส.วรรษมน เปิดประเด็นถึงละครจับกุมตัววิศวกรไทย ซึ่งวันนี้ นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของวิศวกรคนดังกล่าวได้เดินทางไปที่พรรคเพื่อไทย เพื่อไปพบ นายนพดล ปัทมะ โดยระบุว่า หลังจากที่พบหน้าลูกชายที่กัมพูชา รู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจาก นายศิวรัตน์ พยายามกล่าวย้ำให้ช่วยเหลือหลายครั้ง จึงมีลางสังหรณ์กลัวว่าลูกชายจะไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ นอกจากนี้ยังเปิดเผยอีกว่า สาเหตุที่ไม่หันหน้าไปพึ่งกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพราะว่าระเบียบราชการมากเกินไป ทำให้อาจเป็นอุปสรรคช่วยเหลือ นายศิวรักษ์ อีกทั้ง นางสิมารักษ์ ยังระบุว่า ด้าน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้โทรติดต่อมา บอกว่า พร้อมให้การช่วยเหลือ แต่ขอกระทำแบบปิดทองหลังพระ
นายโสภณ กล่าวประเด็นนี้ว่า ละครเรื่องนี้ใกล้จะถึงตอนอวสาน โดยจากการยอมรับของ เสธ.แดง ทำให้ตนและใครต่อใครคาดเดาบทละครตอนจบได้ว่า ท้ายที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ และ พล.อ.ชวลิต ต้องแสดงบทพระเอก เล่นละครตบตาคนอื่น ทั้งที่ความจริงแล้ว บิดานายศิวรักษ์ ก็ถือว่ามีบุญคุณต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ มากในสมัยอดีต
น.ส.วรรษมน กล่าวปิดท้ายรายการว่า ทางฝ่ายความมั่นคงกัมพูชาออกมาระบุว่า จะเจรจาเรื่องนายศิวรักษ์ ก็ต่อเมื่อทางไทยได้เสนอเปิดการเจรจา
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ นายอมรเทพ อมรรัตนานนท์ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็น ซึ่งจะพุ่งเป้าไปที่ความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ประกาศชัดเจนว่า หลังวันที่ 5 ธ.ค.นี้ จะนัดชุมนุมอีกครั้ง
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดรายการถึงกรณีความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ ว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความ ผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ระบุว่า ขอลาสัก 3 วัน เพื่อเดินทางไปพบผู้นำที่ยุโรป ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพิ่งตรวจค้นบ้านการ์ดเสื้อแดงแล้วพบระเบิด 6,000 ลูก และอาวุธปืนอีกหลายกระบอก ได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เอาระเบิดปิงปองดังกล่าว เพื่อไว้ไล่นก
นายอมรเทพ กล่าวว่า ตอนนี้มีการปลุกกระแสเรื่อง “เชียงใหม่โมเดล” อย่างหนัก ซึ่งแนวคิดนี้จะเหมือนการตั้งรัฐไทยใหม่ ที่ปกครองตัวเอง อยู่เหนืออำนาจของรัฐ ทั้งที่จริงแล้วตนมองว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป ทุกอย่างต้องบูรณาการอยู่ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเชื้อชาติ หรือศาสนาไหน ดังนั้น ความคิดการปลุกกระแสเรื่องปกครองตัวเองเหนืออำนาจรัฐ จึงไม่ควรจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนอยากฝากเตือน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงว่า อย่าประมาทกับสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ เพราะพฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อชัดเจนแล้วว่า ต้องการทำให้ผู้คนต่อต้านและเกลียดชังอำนาจรัฐ นอกจากนี้ ตนอยากบอกคนไทยทุกคนว่า ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เนื่องจากจะได้ร่วมกันเฉลิมฉลองวันพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่นับจากวันที่ 5 ธ.ค.นี้เป็นต้นไปจะมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงอีก ดังนั้น ถือว่าช่วงวันที่ 5 ธ.ค. เป็นความสุขชั่วคราว ที่ต่อไปในไม่ช้า ก็ต้องกลับมาทุกข์อีก เพราะไม่รู้ว่าบ้านเมืองเราจะเดินไปข้างหน้าต่อไปได้อย่างไร
“ผมเชื่อว่า อย่างไรหลังวันที่ 5 ธ.ค.นี้ กลุ่มคนเสื้อแดงต้องออกมาชุมนุมก่อเหตุความวุ่นวายแน่นอน เพราะเวลานี้ คนเสื้อแดงคิดว่าต้องสู้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมามีอำนาจ ทั้งที่จริงแล้ว เมื่อไหร่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สมหวัง เมื่อนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะถูกเขี่ยทิ้ง เนื่องจาก ใจจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ต้องการกลับคืนสู่อำนาจ เพราะรู้ว่าทำไม่ได้ แต่เป้าหมายสูงสุด คือ ต้องการเอาเงินจำนวน 76,000 ล้านบาทที่ถูกยึดคืน” นายอมรเทพ กล่าว
นายโสภณ กล่าวว่า สำหรับตนแล้วไม่เข้าใจว่า พวกลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ จะดาหน้าออกมาฟ้องร้องหนังสือ “ขบวนการล้มเจ้า” ของสำนักพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ เพราะอะไร หากไม่ได้ทำเช่นนั้นจริงๆ เนื่องจาก ไม่มีเหตุผล ถ้าไม่มีความคิดล้มเจ้า ล้มสถาบัน
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ส่วนตนคิดว่า เรื่องการฟ้องร้องเป็นเพียงแค่ข้ออ้างบังหน้า เพื่อเอาผลงานเล็กๆน้อยๆ ไปเบิกเงินจากนายใหญ่ แต่การกระทำที่สำคัญกว่านั้นของกลุ่มคนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าหากไม่คิดล้มเจ้าหรือสถาบัน ทำไมถึงมีการจาบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทั้งที่จริงแล้ว ความคิดในหัวคนพวกนี้ ต้องการไล่อำมาตย์ เพื่อกระทบชิ่งถึงสถาบันเบื้องสูง
น.ส.วรรษมน กล่าวว่า นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาส่วนตัวด้านกฏหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ขณะนี้ได้ตั้งทีมทนาย เพื่อดำเนินการฟ้องร้องหนังสือ “ขบวนการล้มเจ้า” พร้อมบอกให้เรียกเก็บหนังสือคืนทั้งหมด
นายโสภณกล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่า นายนพดล จบการศึกษาด้านกฎหมายจากประเทศอังกฤษมาได้อย่างไร เพราะแม้แต่เจอคนหนีคุกหรือหลบหนีคดีทุจริตอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ตัว นายนพดล ไม่เห็นกระตือรือร้นทำตัวเป็นพลเมืองที่ดีในการจับกุมคนร้ายส่งราชการ มิหนำซ้ำยังไปเป็นกระบอกเสียงให้กับนักโทษหนีคดีอีก
ช่วงต่อมาได้มีการต่อสายสัมภาษณ์สด นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายพันธมิตรฯ ว่า ขณะนี้มีหลายบริษัทร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ในการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายกับพันธมิตรฯ ในกรณี ชุมนุมปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2551 โดยล่าสุด บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ได้ร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีดังกล่าวด้วย ซึ่งเรื่องนี้ ตนขอยืนยันว่า พันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่แต่ด้านนอกอาคาร ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้โดยสารหรือเจ้าหน้าที่คนใด นอกจากนี้ ข้อเท็จจริง คือ คนที่สั่งปิดสนามบินตัวจริงเป็น นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผอ. ท่าอาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งที่ พันธมิตรฯ ยังเดินทางไปไม่ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ แต่กลับมีการสั่งปิดก่อน สิ่งเหล่านี้ แสดงเห็นถึงความไม่ชอบธรรม
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า ที่สำคัญกว่านั้น คือ บริษัทที่ร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้อย่าง บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด มีใครทราบบ้างหรือไม่ว่า กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทนี้ ดังนั้น ตนจึงไม่แปลกใจ ว่าทำไมบริษัทดังกล่าวถึงออกมาร่วมฟ้องร้องพันธมิตรฯ เนื่องจากไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากเรื่องนี้เป็นเกมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการกดหัว แกนนำพันธมิตรฯ ทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 ที่ถูกออกหมายจับคดีนี้ ทั้งที่ การออกไปเคลื่อนไหวชุมนุมครั้งนั้น เป็นการต่อต้านรัฐบาล นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ ที่เป็นนอมินีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่พรรคประชาธิปัตย์ กลับนำประเด็นนี้ มาตั้งแง่กับพันธมิตรฯ แม้ นายอภิสิทธิ์ จะเคยบอกว่า จะบริหารประเทศด้วยหลักนิติธรรม แต่เวลานี้ คำดังกล่าวยังคงหลงเหลือหรือไม่ ซึ่งคนที่จะต้องรับผิดชอบทั้งหมด คือ นายเสรีรัตน์ ไม่ใช่ฝ่ายพันธมิตรฯ เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินไหนหรือผู้โดยสารคนใด ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมดังกล่าว
นายสุวัตร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ มีกัปตันสายการบินหนึ่งพร้อมจะเดินทางมาเป็นพยานให้ว่า ในวันเกิดเหตุเครื่องบินไฟล์ที่จะเดินทางไปส่งผู้แสวงบุญที่จะร่วมพิธีฮัจญ์ได้ขึ้นเครื่องบินหมดทุกคนแล้ว และกัปตันก็กำลังจะนำเครื่องบินขึ้น เพราะได้รับคำสั่งจากผู้บริหาร ทอท.ว่าให้นำผู้โดยสารลงจากเครื่องบิน จากนั้น เมื่อขนถ่ายผู้โดยสารเสร็จ ก็ปล่อยลอยแพ ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งขาดอาหารและน้ำดื่ม โดยทางพันธมิตรฯ ก็ต้องเป็นฝ่ายหยิบยื่นและแบ่งปันให้
ช่วงต่อมา น.ส.วรรษมน กล่าวถึงเบาะแสมือยิงเอ็ม 79 ใส่เวทีพันธมิตรฯ เมื่อครั้งนัดรวมตัวกันเพื่อแสดงพลังปกป้องชาติ ศาสน์ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเหตุการณ์ลอบยิงระเบิดดังกล่าวได้ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี
นายสุวัตร กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนมั่นใจว่าระเบิดลูกดังกล่าวต้องยิงมาจากกระทรวงกลาโหมแน่นอน เพราะดูพิกัดการยิง นอกจากนี้ยังมีเบาะแสเพิ่มเติมว่า มีคนพบเห็นรถคนร้ายจอดอยู่ในบริเวณห้ามจอด คือ แถวกระทรวงกลาโหม และเห็นชาย 2 คน กำลังกะระยะและทิศทางการยิงให้พุ่งเป้ามาที่เวที เพื่อหมายสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งอย่าว่าแต่คดีล่าสุดอย่างเรื่องลอบยิงระเบิดเวทีเลย แม้แต่คดีลอบสังหาร นายสนธิ รอบแรกยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ เนื่องจากคนร้ายไปหลบซุกอยู่ในค่ายทหาร
นายสุวัตร กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าวันเกิดเหตุยิงระเบิดใส่เวทีพันธมิตรฯ ตนพอทราบเบาะแสมาบ้าง จึงโทร.ไปหา เสธ.แดง ว่าจะยิงผู้ชุมนุมจริงหรือ แล้วจะยิงพันธมิตรฯ ทำไม ซึ่ง เสธ.แดง ได้ปฏิเสธกับตน พร้อมบอกว่าเป็นฝีมือของทหารพรานปักธงชัยที่มีความขัดแย้งกับพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องการป่วนสร้างสถานการณ์ความรุนแรง
ช่วงสุดท้ายของรายการ น.ส.วรรษมน เปิดประเด็นถึงละครจับกุมตัววิศวกรไทย ซึ่งวันนี้ นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของวิศวกรคนดังกล่าวได้เดินทางไปที่พรรคเพื่อไทย เพื่อไปพบ นายนพดล ปัทมะ โดยระบุว่า หลังจากที่พบหน้าลูกชายที่กัมพูชา รู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจาก นายศิวรัตน์ พยายามกล่าวย้ำให้ช่วยเหลือหลายครั้ง จึงมีลางสังหรณ์กลัวว่าลูกชายจะไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ นอกจากนี้ยังเปิดเผยอีกว่า สาเหตุที่ไม่หันหน้าไปพึ่งกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพราะว่าระเบียบราชการมากเกินไป ทำให้อาจเป็นอุปสรรคช่วยเหลือ นายศิวรักษ์ อีกทั้ง นางสิมารักษ์ ยังระบุว่า ด้าน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้โทรติดต่อมา บอกว่า พร้อมให้การช่วยเหลือ แต่ขอกระทำแบบปิดทองหลังพระ
นายโสภณ กล่าวประเด็นนี้ว่า ละครเรื่องนี้ใกล้จะถึงตอนอวสาน โดยจากการยอมรับของ เสธ.แดง ทำให้ตนและใครต่อใครคาดเดาบทละครตอนจบได้ว่า ท้ายที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ และ พล.อ.ชวลิต ต้องแสดงบทพระเอก เล่นละครตบตาคนอื่น ทั้งที่ความจริงแล้ว บิดานายศิวรักษ์ ก็ถือว่ามีบุญคุณต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ มากในสมัยอดีต
น.ส.วรรษมน กล่าวปิดท้ายรายการว่า ทางฝ่ายความมั่นคงกัมพูชาออกมาระบุว่า จะเจรจาเรื่องนายศิวรักษ์ ก็ต่อเมื่อทางไทยได้เสนอเปิดการเจรจา