"คำนูณ" แฉ "นช.แม้ว" รู้รบอย่างเดียวแพ้ คิดสลับฉากเล่นบทเจรจา ยืมปาก "สุรยุทธ์" สร้างความน่าเชื่อถือ ติงรัฐ ขาดจินตนาการบริหารประเทศ ทำให้คนเชียร์อึดอัด แนะ ทำเหมือน "รัฐบาลพันธกิจ" ก้าวสู่เป้าหมาย ด้าน "ผศ.ดร.พิชาย" ย้ำ คนไทยไม่ประทับใจ "ประชานิยม" ของ "ปชป." เพราะนำนโยบายเก่าพรรคอื่นมาปัดฝุ่นทำใหม่ เผยรัศมีรัฐโดนกลบ เพราะหลายขั้วอำนาจรวมตัว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว"
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. ในวันอังคารที่ 22 ธ.ค. มี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ วันนี้ได้เชิญ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมฯ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) มาร่วมพูดคุยในรายการถึงประเด็นข่าวร้อนแรงอย่างกรณี คำให้สัมภาษณ์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มีผู้สื่อข่าวสายทหาร นำไปตีความว่าเปิดทางเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนนำมาซึ่งกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย นอกจากนี้ ยังได้มีการหยิบยกประเด็น ผลงานครบรอบ 1 ปีของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นมาวิเคราะห์ด้วย
นายเติมศักดิ์ กล่าวเปิดรายการถึงประเด็น สื่อมวลชนตีความ พล.อ.สุรยุทธ์ เปิดทางเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดย นายคำนูณ กล่าวประเด็นนี้ว่า วันนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นความเข้าใจผิดของสื่อ ที่เสนอข่าวคลาดเคลื่อน โดยนำประเด็นต่างๆ ไปคิดเอาเอง จึงเกิดความเข้าใจ ซึ่งจริงๆแล้วด้วยนิสัย พล.อ.สุรยุทธ์ ตนก็ทราบดีว่า เป็นผู้ใหญ่ที่พูดจานิ่งเฉย ไม่ก้าวร้าวหรือใช้คำพูดรุนแรง แต่ครั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่พูดถึงประเด็นที่ควรพูด ดังนั้น สื่อมวลชนจึงนำไปเสนอข่าวอีกด้าน ซึ่งสอดคล้องกับคนในพรรคเพื่อไทย
ผศ.ดร.พิชาย กล่าวประเด็นเดียวกันว่า เรื่องนี้เป็นกระบวนการจัดฉากที่เป็นขั้นเป็นตอน โดยมีการวางแผนอาศัยชื่อเสียง พล.อ.สุรยุทธ์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จึงได้ให้ผู้สื่อข่าวชงคำถามนำ แล้วให้ พล.อ.สุรยุทธ์ คล้อยตาม เพื่อให้ไปสอดคล้องกับคำพูดของคนในพรรคเพื่อไทย ที่ดาหน้าออกมาระบุว่า เห็นด้วยกับแนวคิดการเจรจา พ.ต.ท.ทักษิณ
นายคำนูณ กล่าวว่า หลังจากที่พรรคเพื่อไทยออกมายื่นข้อเสนอ 3 ข้อ ตนคิดว่าคงไม่มีใครทำตามข้อเสนอดังกล่าว เพราะในโลกนี้ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ได้ แต่เรื่องนี้ มีการนำคำพูดของ พล.อ.สุรยุทธ์ มาเกี่ยวพัน เพื่อต้องการเดินเกม 2 ทางควบคู่กันไป คือ การเล่นเกมทั้งในและนอกสภา รวมทั้งเปิดทางให้มีการเจรจาด้วย เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เห็นว่า ในเมื่อฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นข้อเสนอไปแล้ว แต่รัฐบาลไม่ได้สนใจและไม่ได้ออกมาทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าว ทั้งนี้ ตนคิดว่าเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ คงรู้ดีแล้วว่า หากจะรบอย่างเดียวก็คงแพ้ จึงต้องสลับฉากเล่นบทรักสันติ เปิดทางพร้อมเจรจาด้วย
นายเติมศักดิ์ กล่าวว่า เงื่อนไขดังกล่าว พรรคเพื่อไทย รู้อยู่แล้วไม่มีคนเอาด้วย แต่ทำไมยังกล้าเสนออยู่ นายคำนูณ กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนคิดว่าฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ วิเคราะห์แล้วว่าสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเช่นไร ดังนั้น สิ่งเดียวที่จะสู้ได้ คือ การต้องปลุกเร้าอารมณ์คนเสื้อแดงให้โกรธและเกลียดชังรัฐบาล แต่ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้คำนึงถึงความจริงและความเป็นไปได้ว่า ข้อเสนอดังกล่าวที่เรียกร้องมานั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องหรือไม่ ทำให้ต้องเอาคำพูดของ พล.อ.สุรยุทธ์ มาตอกย้ำให้ดูน่าเชื่อถือ เพื่อนำไปสู่แนวทางบางอย่าง ซึ่งตนเชื่อว่า ต่อไปจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะประกาศสู้รบแบบแตกหักครั้งสุดท้าย
ผศ.ดร.พิชาย กล่าวประเด็นนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการทำให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้คุมสถานการณ์บ้านเมืองเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย เพื่อบีบให้รัฐบาลยอมลาออก และเข้าสู่การเลือกตั้งใหม่
นายเติมศักดิ์ กล่าวเปิดประเด็น ผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ทำอะไรให้แก่ประเทศไทย นายคำนูณ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ขาดจินตนาการในการบริหารบ้านเมือง ทำให้ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ คนที่เชียร์พรรคประชาธิปัตย์จึงรู้สึกอึดอัด ไม่อยากออกมาเชียร์ โดยตนอยากให้รัฐบาลสนใจในสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่ว่า กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ปกติ เพราะตราบใดที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ต่อให้ทำดีเอาไว้แค่ไหน ก็คงยากที่คนอื่นจะเห็น
"บริหารมา 1 ปี มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองปีหน้าได้ไหม ก็น่าจะตอบว่าไม่น่าจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ผมเชื่อว่าหากมีการเลือกตั้ง คะแนนเสียงพรรคประชาธิปัตย์อาจไม่ได้นำหน้า ซึ่งข้อนี้ คนประชาธิปัตย์ก็ทราบข้อมูลตรงนี้ดี โดยคะแนนเสียงอาจจะตกเป็นของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็พรรคภูมิใจไทยก็ได้" นายคำนูณ กล่าว
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า หากมีการเลือกตั้งใหม่ ตนยังมองเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ดีพอจะชนะพรรคเพื่อไทย เพราะโดยภาพรวม หากมองกันจริงนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์มีอะไรทำให้คนไทยจำได้บ้าง แม้ว่าจะเดินนโยบายประชานิยม แต่คนก็เลือกจดจำพรรคการเมืองแรกที่ทำมากกว่า ดังนั้น คนจึงมองว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังดำเนินนโยบายตามหลังพรรคอื่น
ผศ.ดร.พิชาย กล่าวประเด็นเดียวกันว่า เหตุที่รัศมีรัฐบาลไม่เปล่งประกาย เพราะทำอะไรไม่ถนัด เนื่องจากเป็นรัฐบาลที่เกิดจากหลายขั้วอำนาจผสมกัน ทำให้พลังอำนาจอื่นบดบัง เหมือนว่าตอนนี้มีหลายขั้วอำนาจพยายามแข่งรัศมีกัน จึงไม่อาจรวมเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ได้ โดยรัฐบาลชุดนี้ ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ จึงทำให้คนรู้สึกว่า ขาดความทุ่มเทเสียสละ และปราศจากความกล้าหาญในการตัดสินใจ
นายเติมศักดิ์ กล่าวว่า ในเมื่อประชาธิปัตย์ เดินหน้านโยบายประชานิยม แต่ทำไมคนไทยไม่จดจำในผลงาน ผศ.ดร.พิชาย กล่าวประเด็นนี้ว่า นโยบายที่รัฐบาลดำเนินการก็มีเด่นๆ ไม่กี่โครงการ โดยส่วนใหญ่เป็นนโยบายเดิม ที่ต่อยอดด้วยการเพิ่มเติมเงินเข้าไปใหม่ ทำให้คนไม่ค่อยจดจำมากนัก เพราะเหมือนเป็นข้อเก่าที่นำมาปัดฝุ่นทำใหม่
นายคำนูณ กล่าวปิดท้ายว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากสถานการณ์ปกติ เป็นรัฐบาลที่มุ่งหน้าเพื่อสร้างเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือที่เรียกว่า "รัฐบาลพันธกิจ" ไม่เช่นนั้น ก็จะเป็นอย่างนี้ และเลือกตั้งครั้งหน้า ก็อาจจะเกิดเกมที่พลิกผัน