“กอร์ปศักดิ์” เตรียมชงครมเดินหน้า 42 โครงการมาบตาพุด 22 ธ.ค.นี้ เล็งออกมาตรการหากเอกชนปกปิดความผิดต้องปิดกิจการทันที ด้านนักวิชาการแนะต้องปรับผังเมืองแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ขณะที่ ผู้ประสานงานเครือข่าย ปชช.ภาคตะวันออก ค้านรัฐร้องศาลปกครองขอเดินหน้า 42 โครงการฯ ลั่นเตรียมฟ้องร้องเอาผิด ทั้งทางอาญาและแพ่ง หน่วยงานรัฐทั้ง 8 แห่ง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดราชดำเนินเสวนา เรื่อง “มาบตาพุด วิกฤตหรือโอกาส” โดยมีผู้ร่วมเสวนา เช่น นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายเดชรัต สุขกำเนิด คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก และนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
โดย นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า สำหรับโครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ที่ถูกศาลปกครองกลางสั่งระงับการดำเนินกิจการชั่วคราวนั้นมีอยู่ 42 โครงการที่ยังอยู่ในกระบวนการก่อสร้าง ส่วนโครงการที่เหลือยังไม่ได้ดำเนินการ ดังนั้น ภาครัฐจะมีการหารือกัน ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับอัยการ เพื่อร้องศาลปกครองอนุญาตให้ 42 โครงการดังกล่าวดำเนินการก่อสร้างต่อไปได้ในช่วงระยะเวลา 6-8 เดือนที่จะต้องรอการจัดตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยตนจะนำเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคาร ที่ 22 ธ.ค.เพื่อให้พิจารณาอนุมัติ
นอกจากนี้ ตนจะเดินทางไปยังพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เดือนละ 2 วัน เพื่อติดตามงบประมาณจำนวน 847 ล้านบาทที่ใช้แก้ปัญหาในมาบตาพุด รวมทั้งจัดทำจุดเฝ้าระวังทั้ง 13 จุด ซึ่งขณะนี้ยังไม่อนุมัติ เพราะโครงการดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายสูงมากจึงต้องพิจารณาเพื่อให้ได้ประโยชน์มากสุด
นายกอร์ปศักดิ์กล่าวต่อว่า การเกิดอุบัติเหตุซ้ำซากในช่วงเดือนที่ผ่านมา เหมือนตอกย้ำกลไกของรัฐว่ายังไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงต้องมีการทบทวนมาตรการควบคุม ทั้งนี้ ตนอยากฝากไปยังนักธุรกิจว่าทางออกขณะนี้คือต้องหาทางอยู่ร่วมกันทุกฝ่าย ซึ่งถ้าฝ่ายธุรกิจมัวแต่ปิดบังการเกิดอุบัติเหตุคงยากที่จะเกิดการอยู่ร่วมกันระหว่างชาวบ้านและนักอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง ซึ่งเบื้องต้นตนจะเสนอให้ออกมาตรการ คือ หากโรงงานใดมีอุบัติเหตุแล้วไม่แจ้งจะต้องถูกปิดกิจการทันที
ด้าน นายพยุงศักดิ์ กล่าวถึงข้อกังวลว่าอุตสาหกรรมที่เสียหายจะฟ้องรัฐบาลหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าเอกชนส่วนใหญ่คงไม่อยากมีปัญหาฟ้องร้องกับทางภาครัฐ เพราะคงอยากให้เกิดผลประโยชน์ที่ดีแก่ทุกฝ่าย แต่ถ้าความเสียหายไม่ได้รับการเยียวยา หรือไม่สมควร ก็คงจะต้องมีการทบทวน อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าปัญหาของมาบตาพุดเกิดจากการวางแผงไม่ดีมาตั้งแต่ต้น คือไม่มีการวางผังเมืองหรือผังอุตสาหกรรม ซึ่งจากนี้ไปรัฐบาลควรให้ความสำคัญอย่างมาก
นายเดชรัตกล่าวว่า ที่ผ่านมาเราไม่เคยตระหนักในผลกระทบของการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างรอบด้านมาก่อน เรามองแค่ว่าปัญหาการสร้างอุตสาหกรรมเป็นแค่ปัญหามลพิษ แต่วันนี้ตนเห็นว่าคงต้องกลับมาทบทวนกันอีกครั้ง เพราะจากเหตุการณ์มาบตาพุดเห็นได้ชัดว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมส่งผลต่อทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม รวมถึงคุณภาพชีวิตด้วย ซึ่งตนเห็นว่าต่อไปคงต้องฝากความหวังไว้กับคณะกรรมการ 4 ฝ่ายว่าจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไรที่จะทำให้สังคมเกิดเปลี่ยนแปลง
ขณะที่ นายสุทธิกล่าวว่า การที่ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เตรียมที่จะร้องต่อศาลปกครองอนุญาตให้ 42 โครงการที่ถูกระงับก่อสร้างต่อไปได้ในช่วงรอองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพนั้น โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ศาลปกครองตัดสินแล้ว ซึ่งทางออกเดียวสำหรับเหตุการณ์นี้ คือ รัฐบาลควรเร่งเปิดเวที ช่วยการทำงานของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายแก้ปัญหามาบตาพุด เพื่อให้การดำเนินอุตสาหกรรมเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ซึ่งเรื่องนี้หากภาครัฐไม่ปฏิบัติตามข้อเสนอของประชาชนที่ให้แก้ไขปัญหาอุตสาหกรรม และปฏิรูปองค์กร ตนจะดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดทั้งทางอาญาและแพ่ง ต่อหน่วยงานรัฐทั้ง 8 แห่ง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่