“ผ่าประเด็นร้อน”
นาทีนี้แม้ว่าใครก็ตามที่ไม่ชอบขี้หน้านายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ แต่สมควรต้องแยกออกมาก่อน เพราะถือว่าศักดิ์ศรีของชาติสำคัญกว่า
เชื่อว่าหลายคนคงทนไม่ไหวกับพฤติกรรมก้าวร้าว ไร้มารยาท ไม่คำนึงกฎหมายระหว่างประเทศ ของผู้นำกัมพูชาอย่าง ฮุนเซน แน่นอน เพราะนับวันยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
ที่ผ่านมานอกจากละเมิดกระบวนการยุติธรรมไทยและศาลไทยด้วยการออกมาวิจารณ์คำพิพากษาอย่างรุนแรง กรณี ทักษิณ ชินวัตร และจากนั้นก็ได้แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวและเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลพร้อมทั้งปฏิเสธการส่งตัวมาดำเนินคดีในไทยทั้งที่ทั้งสองประเทศมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ถัดมาก็เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุบสภาและยังวิจารณ์ว่า อภิสิทธิ์ ได้อำนาจมาอย่างไม่ชอบธรรม พร้อมเรียกร้องให้ยุบสภาเสียอีก หรือยังบอกว่าตัวเองไม่มีความสุขหาก อภิสิทธิ์ และ กษิต ยังอยู่ตำแหน่ง
และที่เป็นข่าวเรียกเสียงฮาครืนใหญ่อยู่ในตอนนี้ก็คือการร่วมมือกับทักษิณสร้างละครกรณีจับ “ศิวรักษ์ ชุติพงษ์” วิศวกรไทยในข้อหาจารกรรมข้อมูล เพื่อหวังดิสเครดิตรัฐบาลไทยและกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งในกรณีดังกล่าวยังมีการใช้วิธี “ดักฟัง” ถือว่านี่คือการ “จารกรรม” ข้อมูลอย่างแท้จริง เป็นการทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ และละเมิดเอกสิทธิ์ทางการทูตอย่างรุนแรง ในทางสากลถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
ล่าสุดยังไม่หุบปากให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศวิจารณ์รัฐบาลไทย พร้อมจี้ให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกลับมาเหมือนเดิม
นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้อาชญากรและผู้หลบหนีคดีอาญาคนสำคัญจากประเทศไทยไปกบดานอยู่ที่นั่น เพราะล่าสุดเพิ่งเห็นภาพของ จักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและคดีก่อจลาจลเมื่อเดือนเมษายนไปหลบอยู่มากมาย และยังไม่นับกรณีที่มีการเปิดทางให้ใช้กัมพูชาเป็นแหล่งมั่วสุมโค่นล้มรัฐบาลไทย เพราะยังมี ส.ส.บุคคลอื่นๆที่เป็นภัยต่อความมั่นคงเดินทางเข้าออกเป็นว่าเล่น
พฤติกรรมและคำพูดดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ถือว่าย่ำยีและทำลายศักดิ์ศรีของไทยอย่างที่ไม่อาจยอมรับกันได้ เพราะนี่คือการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้านอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ขณะเดียวกันกรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการไร้มารยาท แสดงสันดานดิบเถื่อนถ่อยออกมาอย่างชัดเจนที่สุด
อย่างไรก็ตามมีการตั้งคำถามถึงสาเหตุที่ผู้นำกัมพูชาถึงต้องถลำลึกลงมาเล่นเกมเสี่ยงแบบนี้กับ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งในที่อดีตเขาเคยถูกฝ่ายหลังว่าจ้างให้กองกำลังของ “นายพลสินสอง” ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน สมัยที่เข้าไปทำธุรกิจโทรคมนาคมผูกขาดที่นั่น จากศัตรูคู่อาฆาตทำไมถึงกลายมาเป็นเพื่อนซี้ร่วมกันเล่นเกมเสี่ยงกันแบบทุ่มสุดตัว
ทำไม ฮุนเซน ซึ่งครองอำนาจแบบเผด็จการมายาวนานเกือบสามสิบปี มีเล่ห์เหลี่ยมในการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองให้พ้นทางมาตลอด แต่ทำไมถึงกล้ามาแทงหวยทักษิณแบบหมดหน้าตัก โดยเลือกเป็นศัตรูกับรัฐบาลไทยในยุคปัจจุบันได้ขนาดนี้ เชื่อว่าหลายคนก็ย่อมเข้าใจตรงกันว่างานนี้ย่อมต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องของ “ผลประโยชน์ตอบแทน” ซึ่งก็ต้องเป็นผลประโยชน์ก้อนโตที่คุ้มค่า
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากสถานภาพของ ทักษิณ ชินวัตร หลังจากเกิดวิกฤตดูไบเวิลด์ ทำให้แหล่งกบดานในดูไบมีปัญหาจนต้องหาที่อยู่ใหม่ และหากสังเกตจะเห็นว่าในช่วงประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาต้องเดินทางไปหลายประเทศแม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผย แต่เชื่อว่าต้องมีเรื่องการหาทำเลที่ลี้ภัยแห่งใหม่แน่นอน
อย่างไรก็ดี ในที่สุดก็พบว่าไม่มีที่ใหนเหมาะสมเท่ากับกัมพูชา หากเทียบมูลค่าการลงทุนในดูไบที่ใกล้เคียงกันหากนำเงินก้อนนั้นมาล่อใจก็ถือว่ามีจำนวนมหาศาลสำหรับประเทศยากจนที่งบประมาณเกือบทั้งหมดมาจากเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
ที่สำคัญสถานะทางเศรษฐกิจของกัมพูชาเริ่มอยู่ในสภาวะลำบาก มีคนตกงานเพิ่มมากขึ้นหลังจากอุตสาหกรรมสิ่งทอซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศเริ่มทยอยกันปิดตัว นอกเหนือจากนี้ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจตามแนวชายแดนหลังจากมีปัญหาพิพาทกับไทยก็มีปัญหา โดยเฉพาะบ่อนการพนันซึ่งเป็นรายได้หลักของผู้มีอำนาจในกรุงพนมเปญก็มีรายได้น้อยลง
แต่สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เป็นอันขาดก็คือปัญหาพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารเนื้อที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรซึ่งตามสัญญากับยูเนสโก กัมพูชาจะต้องจัดการบริหารให้เรียบร้อยภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า หากทำไม่ได้ก็มีแนวโน้มสูงที่จะทำให้การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยความยินยอมของรัฐบาล “นอมินี” ของทักษิณจะต้องล้มครืนลง หากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับฮุนเซน อย่างแน่นอน เพราะย่อมมีผลทางการเมืองตามมาหลังจากที่หยิบยกเอาเรื่องการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมาจุดกระแสชาตินิยมทำให้ชนะการเลือกตั้งจนถล่มทลายมาแล้ว แต่เมื่อทุกอย่างกลับตาลปัตร ประกอบกับปัญหาเศรษฐกิจภายใน รวมไปถึงปัญหาชายแดนด้านเวียดนามที่พยายามปิดบังมาตลอดจะกลับมาปะทุย้อนกลับมารัดคออีกครั้ง
ทุกกรณีที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นอันตรายสำหรับผู้นำทรราชเขมรทั้งสิ้น
ดังนั้นนาทีนี้จึงต้องเสี่ยงลุยถั่วหันมาจับมือกับ นักโทษหนีคดีทุจริตอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ทุ่มเทกันหมดหน้าตัก ต้องทุ่มเทช่วยเหลือเต็มที่ เพื่อให้ทักษิณ ก่อการจลาจลเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วกลับคืนสู่อำนาจให้ได้โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ดีนั่นเป็นความเชื่อและการประเมินสถานการณ์ของพวกเขา แต่นาทีนี้สังคมไทยไม่น่าจะรับได้กับพฤติกรรมของคนทั้งสองที่มีลักษณะไม่ต่างจาก สองทรราชจับมือกัน และหากฮุนเซนใช้ความถ่อยเถื่อนมาขับไล่รัฐบาลไทย ในแง่ศักดิ์ศรีของชาติก็สมควรที่คนไทยจะช่วยกันหาทางขับไล่เขาให้พ้นจากอำนาจได้เช่นเดียวกัน!!