เคาะข่าวริมโขง : แกะรอยสองแม่ลูกแสดงนำละครปาหี่ หลัง “ศิวรักษ์” ลืมเตี๊ยมแม่ โบ้ยไม่เคยรู้จัก “นช.แม้ว” ด้าน “สม รังสี” จวก “ฮุนเซน” ก้มหัวรับใช้เวียดนาม ปล่อยตีกินที่ดินเขมร แฉหาเหตุตีรวนไทย เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นกลัวคนรู้ขายชาติ เชื่อ “ศิวรักษ์” เป็นเรื่อง “ฮุนเซน” จับมือ “นช.แม้ว” แต่งขึ้น
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม มี น.ส.กมลพร วรกุล นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ นางอัมพา สันติเมทนีดล สื่อมวลชนอาวุโส และนายประเสริฐ เลิศยะโส อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเกาะติดเรื่องราวละครไทย-กัมพูชา หลังจากที่วันนี้ได้เห็นฉากสำคัญ คือ พิธีปล่อยตัว นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย ที่เคยถูกศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก 7 ปี ในข้อหาจารกรรมข้อมูลอันเป็นภัยต่อความมั่นคง
น.ส.กมลพร กล่าวเปิดรายการว่า สื่อหลายฉบับลงเนื้อหาทันทีที่นายศิวรักษ์เดินทางมาถึงประเทศไทย โดยวิศวกรหนุ่มให้สัมภาษณ์ว่า ตอนอยู่ที่กัมพูชาและได้พบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งแรก ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้ามาสอบถามว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร ซึ่งเวลานี้ สิ่งที่ต้องการมากที่สุด คือ อยากให้ นายคํารบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขาฯสถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ออกมาชี้แจงความจริงว่า เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร นอกจากนี้ นายศิวรักษ์ยืนยันว่าครอบครัวไม่เคยรู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ มาก่อน ดังนั้น คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
นายโสภณกล่าวว่า หากนายศิวรักษ์พูดเช่นนี้ แสดงว่าไม่เคยพูดคุยกับแม่ของตัวเอง คือ นางสิมารักษ์ ณ นครพนม เลยว่าก่อนหน้านี้ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างไร เพราะนางสิมารักษ์เคยยอมรับว่า สมัยก่อนตอนที่สามีหรือพ่อนายศิวรักษ์ยังมีชีวิตอยู่ เคยทำธุรกิจภาพยนตร์ร่วมกันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งในเมื่อคำพูดนายศิวรักษ์กับนางสิมารักษ์ไม่ตรงกันก็นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่อาชญากรส่วนใหญ่มักทิ้งร่องรอยไว้ให้จับได้เสมอ ส่วนกรณีที่นายศิวรักษ์ต้องการให้นายคำรบออกมาพูดว่าได้สอบถามข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จริงหรือไม่ สำหรับตนคิดว่า ไม่ว่านายคำรบจะพูดอะไรกับนายศิวรักษ์ตอนนั้น ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นความผิดที่นายคำรบต้องรับผิดชอบ เพราะไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียหาย เนื่องจากแม้ว่านายคำรบ จะล่วงรู้ข้อมูลดังกล่าวจากนายศิวรักษ์จริง แต่นายคำรบไม่ได้นำข้อมูลไปวางแผน เพื่อมุ่งหมายเอาชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่นายศิวรักษ์ ไม่คิดถามแม่ตัวเองก่อน ว่าเรื่องราวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ช่วงต่อมารายการเคาะข่าวริมโขง ได้ตัดไปฟังคำให้สัมภาษณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม Thai-ASEAN News Network หรือ TAN Network โดยมี น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ทำหน้าที่เป็นพิธีกร ซึ่งมีการนัดสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ในฐานะคู่ปรับคนสำคัญของ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ชม สัมภาษณ์ นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา โดย สโรชา พรอุดมศักดิ์
หลังจากฟังสัมภาษณ์จบ นายโสภณกล่าวว่า คำสัมภาษณ์ดังกล่าว นายสม รังสี พุ่งเป้าไปที่ความเกื้อหนุนระหว่างเวียดนามกับสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ผู้นำกัมพูชา ปล่อยให้เวียดนามรุกล้ำพื้นที่มาโดยตลอด จึงทำให้สมเด็จฯ ฮุนเซน ต้องหาทางเบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้คนกัมพูชาสนใจเรื่องนี้ ด้วยการหาวิธีมีเรื่องกับไทย ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการทำร้ายประเทศไทยพอดี
นายโสภณกล่าวต่อว่า นายสม รังสี กล่าวอีกว่า ตอนนี้กำลังรวบรวมเพื่อนจากทั่วโลก ให้ช่วยกันเข้าไปกดดัน สมเด็จฯ ฮุนเซน เพราะตอนนี้เห็นแล้วว่ากัมพูชากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจภายใน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่มีปัญหาเนื่องจากนิสัย สมเด็จฯ ฮุนเซน ชอบกดขี่ข่มเหง ทำให้คนกัมพูชาจำนวนมากเริ่มทนไม่ไหวและไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าว
นายโสภณกล่าวอีกว่า นายสม รังสี ยังให้สัมภาษณ์ต่อไปว่า เรื่องนายศิวรักษ์ก็ต้องขอแสดงความยินดีที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ แต่เรื่องทั้งหมดนี้ถือเป็นการสมรู้ร่วมคิด ให้สมเด็จฯ ฮุนเซน มีโอกาสมาสร้างความยุ่งยากให้กับไทย โดยเฉพาะต้องการทำเพื่อเอาใจนักการเมืองไทยบางคน ซึ่งใครก็รู้ นั่นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ มันยิ่งสะท้อนกระบวนการยุติธรรมกัมพูชา ว่าตกอยู่ภายใต้อำนาจของอาชญากร ดังนั้น จึงทำให้กลุ่มมาเฟียทั้งหลายชอบมาหลบอยู่ในกัมพูชา เพราะเป็นประเทศที่ไม่เคารพกฏหมาย
นายโสภณกล่าวว่า นายสม รังสี เห็นว่าเรื่องนายศิวรักษ์ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ถือเป็นเรื่องที่มีการจัดฉากกันไว้ก่อน ซึ่งคนกัมพูชาก็รู้เรื่องนี้ดีว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง โดยเชื่อว่า แท้จริงแล้วคนกัมพูชาไม่ต้องการให้รัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซน ไปทำอะไรให้ประเทศไทยและคนไทยเดือดร้อน แต่เรื่องนี้ถือเป็นการเกมที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ยอมเล่นบทเสี่ยงอันตรายด้วยการไปเล่นกับไฟ ทั้งนี้ การที่สมเด็จฯ ฮุนเซน แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา ถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะก่อนหน้า ผู้นำกัมพูชา ไม่เคยฟังความคิดเห็นของใคร นอกจากตัวเอง ซึ่งสมเด็จฯ ฮุนเซน ชอบทำตัวต่ำ พยายามเข้าไปสร้างความยุ่งยากให้แก่ประเทศอื่น สำหรับเรื่องนายศิวรักษ์ถือเป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดกันระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับสมเด็จฯ ฮุนเซน โดยทางออกของปัญหานี้ อยากให้รัฐบาลไทยใจเย็นๆ และอดทนต่อแรงยั่วยุ สมเด็จฯ ฮุนเซน ฉะนั้น ต้องไม่ไปร่วมเล่นเกมต่ำ ขอให้ประเทศไทยจงอยู่อย่างมีเกียรติ เพราะเชื่อว่าอีกไม่นาน หลายฝ่ายจะรุมกดดันผู้นำกัมพูชา จนทำให้ทั้งสมเด็จฯ ฮุนเซน และพ.ต.ท.ทักษิณไม่ที่พึ่ง เนื่องจากก้าวร้าวกับผู้อื่นไปทั่ว
นายประเสริฐ กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า หากต่อไปสมเด็จฯ ฮุนเซน คิดจะเล่นเกมแรงกับไทย ฝ่ายที่จะเสียมากที่สุด คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย เพราะไปร่วมเล่นเกมและสมรู้ร่วมคิดกับประเทศอื่น เพื่อมาทำร้ายประเทศตัวเอง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม มี น.ส.กมลพร วรกุล นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ นางอัมพา สันติเมทนีดล สื่อมวลชนอาวุโส และนายประเสริฐ เลิศยะโส อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเกาะติดเรื่องราวละครไทย-กัมพูชา หลังจากที่วันนี้ได้เห็นฉากสำคัญ คือ พิธีปล่อยตัว นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย ที่เคยถูกศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก 7 ปี ในข้อหาจารกรรมข้อมูลอันเป็นภัยต่อความมั่นคง
น.ส.กมลพร กล่าวเปิดรายการว่า สื่อหลายฉบับลงเนื้อหาทันทีที่นายศิวรักษ์เดินทางมาถึงประเทศไทย โดยวิศวกรหนุ่มให้สัมภาษณ์ว่า ตอนอยู่ที่กัมพูชาและได้พบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งแรก ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้ามาสอบถามว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร ซึ่งเวลานี้ สิ่งที่ต้องการมากที่สุด คือ อยากให้ นายคํารบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขาฯสถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ออกมาชี้แจงความจริงว่า เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร นอกจากนี้ นายศิวรักษ์ยืนยันว่าครอบครัวไม่เคยรู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ มาก่อน ดังนั้น คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
นายโสภณกล่าวว่า หากนายศิวรักษ์พูดเช่นนี้ แสดงว่าไม่เคยพูดคุยกับแม่ของตัวเอง คือ นางสิมารักษ์ ณ นครพนม เลยว่าก่อนหน้านี้ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างไร เพราะนางสิมารักษ์เคยยอมรับว่า สมัยก่อนตอนที่สามีหรือพ่อนายศิวรักษ์ยังมีชีวิตอยู่ เคยทำธุรกิจภาพยนตร์ร่วมกันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งในเมื่อคำพูดนายศิวรักษ์กับนางสิมารักษ์ไม่ตรงกันก็นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่อาชญากรส่วนใหญ่มักทิ้งร่องรอยไว้ให้จับได้เสมอ ส่วนกรณีที่นายศิวรักษ์ต้องการให้นายคำรบออกมาพูดว่าได้สอบถามข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จริงหรือไม่ สำหรับตนคิดว่า ไม่ว่านายคำรบจะพูดอะไรกับนายศิวรักษ์ตอนนั้น ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นความผิดที่นายคำรบต้องรับผิดชอบ เพราะไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียหาย เนื่องจากแม้ว่านายคำรบ จะล่วงรู้ข้อมูลดังกล่าวจากนายศิวรักษ์จริง แต่นายคำรบไม่ได้นำข้อมูลไปวางแผน เพื่อมุ่งหมายเอาชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่นายศิวรักษ์ ไม่คิดถามแม่ตัวเองก่อน ว่าเรื่องราวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ช่วงต่อมารายการเคาะข่าวริมโขง ได้ตัดไปฟังคำให้สัมภาษณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม Thai-ASEAN News Network หรือ TAN Network โดยมี น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ทำหน้าที่เป็นพิธีกร ซึ่งมีการนัดสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ในฐานะคู่ปรับคนสำคัญของ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
หลังจากฟังสัมภาษณ์จบ นายโสภณกล่าวว่า คำสัมภาษณ์ดังกล่าว นายสม รังสี พุ่งเป้าไปที่ความเกื้อหนุนระหว่างเวียดนามกับสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ผู้นำกัมพูชา ปล่อยให้เวียดนามรุกล้ำพื้นที่มาโดยตลอด จึงทำให้สมเด็จฯ ฮุนเซน ต้องหาทางเบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้คนกัมพูชาสนใจเรื่องนี้ ด้วยการหาวิธีมีเรื่องกับไทย ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการทำร้ายประเทศไทยพอดี
นายโสภณกล่าวต่อว่า นายสม รังสี กล่าวอีกว่า ตอนนี้กำลังรวบรวมเพื่อนจากทั่วโลก ให้ช่วยกันเข้าไปกดดัน สมเด็จฯ ฮุนเซน เพราะตอนนี้เห็นแล้วว่ากัมพูชากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจภายใน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่มีปัญหาเนื่องจากนิสัย สมเด็จฯ ฮุนเซน ชอบกดขี่ข่มเหง ทำให้คนกัมพูชาจำนวนมากเริ่มทนไม่ไหวและไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าว
นายโสภณกล่าวอีกว่า นายสม รังสี ยังให้สัมภาษณ์ต่อไปว่า เรื่องนายศิวรักษ์ก็ต้องขอแสดงความยินดีที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ แต่เรื่องทั้งหมดนี้ถือเป็นการสมรู้ร่วมคิด ให้สมเด็จฯ ฮุนเซน มีโอกาสมาสร้างความยุ่งยากให้กับไทย โดยเฉพาะต้องการทำเพื่อเอาใจนักการเมืองไทยบางคน ซึ่งใครก็รู้ นั่นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ มันยิ่งสะท้อนกระบวนการยุติธรรมกัมพูชา ว่าตกอยู่ภายใต้อำนาจของอาชญากร ดังนั้น จึงทำให้กลุ่มมาเฟียทั้งหลายชอบมาหลบอยู่ในกัมพูชา เพราะเป็นประเทศที่ไม่เคารพกฏหมาย
นายโสภณกล่าวว่า นายสม รังสี เห็นว่าเรื่องนายศิวรักษ์ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ถือเป็นเรื่องที่มีการจัดฉากกันไว้ก่อน ซึ่งคนกัมพูชาก็รู้เรื่องนี้ดีว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง โดยเชื่อว่า แท้จริงแล้วคนกัมพูชาไม่ต้องการให้รัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซน ไปทำอะไรให้ประเทศไทยและคนไทยเดือดร้อน แต่เรื่องนี้ถือเป็นการเกมที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ยอมเล่นบทเสี่ยงอันตรายด้วยการไปเล่นกับไฟ ทั้งนี้ การที่สมเด็จฯ ฮุนเซน แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา ถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะก่อนหน้า ผู้นำกัมพูชา ไม่เคยฟังความคิดเห็นของใคร นอกจากตัวเอง ซึ่งสมเด็จฯ ฮุนเซน ชอบทำตัวต่ำ พยายามเข้าไปสร้างความยุ่งยากให้แก่ประเทศอื่น สำหรับเรื่องนายศิวรักษ์ถือเป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดกันระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับสมเด็จฯ ฮุนเซน โดยทางออกของปัญหานี้ อยากให้รัฐบาลไทยใจเย็นๆ และอดทนต่อแรงยั่วยุ สมเด็จฯ ฮุนเซน ฉะนั้น ต้องไม่ไปร่วมเล่นเกมต่ำ ขอให้ประเทศไทยจงอยู่อย่างมีเกียรติ เพราะเชื่อว่าอีกไม่นาน หลายฝ่ายจะรุมกดดันผู้นำกัมพูชา จนทำให้ทั้งสมเด็จฯ ฮุนเซน และพ.ต.ท.ทักษิณไม่ที่พึ่ง เนื่องจากก้าวร้าวกับผู้อื่นไปทั่ว
นายประเสริฐ กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า หากต่อไปสมเด็จฯ ฮุนเซน คิดจะเล่นเกมแรงกับไทย ฝ่ายที่จะเสียมากที่สุด คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย เพราะไปร่วมเล่นเกมและสมรู้ร่วมคิดกับประเทศอื่น เพื่อมาทำร้ายประเทศตัวเอง
