“นายกฯ” ยันรัฐบาลไม่ใช้กฏหมายทำลายล้างทางการเมือง เมินสหภาพไทรอัมพ์บุกประท้วง ชี้คนเห็นต่างกันเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ด้าน “สุเทพ” ขอบคุณคนไทยร่วมจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา หวังได้อยู่จัดอีกในปีหน้า แนะยึดเอาพระบารมีในหลวงเป็นที่ตั้ง ชาติสงบแน่ วอน “เสื้อแดง” ยึดกติกา ย้ำพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะทางอารมณ์ให้มากที่สุด
วันนี้ (14 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “รัฐบาลกับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน” ในงานมหกรรมสิทธิมนุษยชน เนื่องในโอกาสวันสิทธิมนุษยชนสากล โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการทำงาน 1 ปี ของรัฐบาลชุดนี้ว่า ตนได้ให้แนวทางอย่างชัดเจนว่าความแตกต่างทางความคิดทางการเมืองเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกได้ตามรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปละเมิดการแสดงออกและเคลื่อนไหว และจะไม่นำกฎหมายมาเป็นเครื่องมือเพื่อการทำลายล้างทางการเมือง ขณะที่ยอมรับว่าในอดีตยังมีปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิที่เป็นผลมาจากการใช้อำนาจและนโยบายที่ผิดพลาดในอดีต เช่น ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่นายกรัฐมนตรีกำลังปาฐกถาอยู่นั้น มีกลุ่มสหภาพแรงงานบริษัท ไทรอัมพ์ จำนวนประมาณ 20 คน ได้ลุกขึ้นยืนชูป้ายข้อความตำหนิรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้ความสนใจ และปาฐกถาต่อจนจบ ก่อนที่กลุ่มสหภาพฯ จะเข้าร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อลงจากเวที และสลายตัวไปอย่างสงบ
ขณะที่วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอำนวยการจัดการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวามหาราช ให้สัมภาษณ์แสดงความขอบคุณคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน กองทัพ มูลนิธิ 5 ธันวามหาราชและประชาชน ที่ร่วมกันจัดงานตั้งแต่วันที่ 3-13 ธ.ค.ได้ยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติยศอย่างยิ่งตั้งแต่ท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนิน มาจนถึงลานพระราชวังดุสิต รวมถึงที่เมืองทองธานี ที่มีการจัดงานประกวดพลุเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทยที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือสามัคคีกันอย่างนี้เราก็จะสามารถทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้น ทำให้ประเทศมีความมั่นคงแข็งแรงขึ้น มีเพียงเรื่องจราจรที่ติดบ้างซึ่งต้องขออภัยประชาชน ทั้งที่ได้วางแผนกันมาดีแล้ว แต่ประชาชนออกมาร่วมงานมากจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อคืนที่ผ่านมา (13 ธ.ค.) ก็ต้องขออภัยด้วย โดยในปีหน้า (พ.ศ.2553) จะจัดให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ และจะวางแผนให้รัดกุมและเรียบร้อยกว่านี้
ส่วนรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ถึงปีหน้าหรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า คนเราก็ต้องหวังไว้ก่อน คิดถึงปีหน้าไว้เพราะเราก็มีวาระการบริหารประเทศอยู่ ขณะที่การจัดงานนั้นเดิมทีตนอยากให้งานเฉลิมฉลองตั้งแต่ลานพระราชวังดุสิตเชื่อมต่อถึงสนามหลวง ซึ่งขาดช่วงลานพระราชวังดุสิตถึงป้อมมหากาฬ แต่ตนหาคนทำกิจกรรมได้ไม่ครบ จึงน่าเสียดาย ไม่เช่นนั้นงานคงจะสมบูรณ์มากกว่านี้
นายสุเทพยังกล่าวอีกว่า หากคนไทยยึดเอาพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่ตั้ง ก็คิดว่าบ้านเมืองเรามั่นคงแน่ ส่วนความเห็นที่ไม่ตรงกันนั้นมันมีวิธีการแก้ไข มีระบบ มีกฎเกณฑ์กติกาอยู่ ซึ่งตนคิดว่า คนไทยทุกคนจะช่วยนำประเทศได้ จะเห็นได้ว่าช่วงที่มีการจัดงาน ทางกลุ่มเสื้อแดงที่เดิมประกาศว่าจะชุมนุมตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. แต่พอเห็นว่าประชาชนอยู่ในอารมณ์ที่อยากจะจัดงานเฉลิมพระเกียรติ อยากจะจัดงานถวายความจงรักภักดี กลุ่มคนเสื้อแดงก็เปลี่ยนไม่มาชุมนุม ก็อยากให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้คิดอย่างนี้ต่อไปและมาสู้กันตามกติกา บ้านเมืองจะได้เรียบร้อย โดยทางรัฐบาลเองก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกันทางอารมณ์ ไม่จุดชนวนความรู้สึกโกรธแค้นโกรธเคืองกัน ขณะเดียวกันก็พยายามจัดกิจกรรมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่างเช่นการที่ให้ประชาชนมาร้องเพลงชาติ ซึ่งแรกๆ ก็ดูเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะ แต่ในที่สุดก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้คนไทยทั้งหลายมาหลวมรวมกันเพื่อบ้านเมือง
