วานนี้ (14 ธ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวามหาราช กล่าวแสดงความขอบคุณคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน กองทัพ มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช และประชาชน ที่ร่วมกันจัดงานตั้งแต่วันที่ 3-13 ธ.ค.ได้ยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติยศอย่างยิ่ง ตั้งแต่ท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนิน มาจนถึงลานพระราชวังดุสิต รวมถึงที่เมืองทองธานี ที่มีการจัดงานประกวดพลุเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี ของพสกนิกรชาวไทยที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือ สามัคคีกันอย่างนี้ เราก็จะสามารถทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้น ทำให้ประเทศมีความมั่นคงแข็งแรงขึ้น มีเพียงเรื่องจราจรที่ติดบ้าง ซึ่งต้องขออภัยประชาชน ทั้งที่ได้วางแผนกันมาดีแล้ว แต่ประชาชนออกมาร่วมงานมากจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อคืนวันที่ 13 ธ.ค. ก็ต้องขออภัยด้วย และปีหน้าจะจัดให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ จะวางแผนให้รัดกุม และเรียบร้อยกว่านี้
อย่างไรก็ตามนายสุเทพ กล่าวถึงข้อบกพร่องของการจัดงานครั้งนี้ว่า เดิมอยากให้งานเฉลิมฉลอง มีตั้งแต่ลานพระราชวังดุสิต เชื่อมต่อถึงสนามหลวง แต่ในปีนี้ขาดช่วงลานพระราชวังดุสิต ถึงป้อมมหากาฬ ซึ่งหาคนมาทำกิจกรรมได้ไม่ครบ จึงน่าเสียดาย ไม่เช่นนั้นงานคงจะสมบูรณ์มากกว่านี้
ส่วนเรื่องความแตกแยกของประชาชนจะลดลงหรือไม่ เพราะความจงรักภักดีก็อยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคนอยู่แล้ว รองนายกฯ กล่าวว่า ถ้าคนไทยยึดเอาบารมีเป็นที่ตั้ง และถือว่าเราทุกคนมีพ่อพระองค์เดียวกัน และทำเหมือนกับวันที่ 3-13 ธ.ค. ก็คิดว่าบ้านเมืองเรามั่นคงแน่
ส่วนความเห็นที่ไม่ตรงกัน หรือข้อขัดแย้งกันนั้น มันมีวิธีการแก้ไข มีระบบ มีกฎเกณฑ์กติกาอยู่ ก็ว่าไปตามนั้น ซึ่งตนคิดว่าคนไทยทุกคนจะช่วยนำประเทศได้ จะเห็นได้ว่าช่วงที่มีการจัดงาน ทางกลุ่มเสื้อแดง ที่เดิมประกาศว่าจะชุมนุมตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. แต่พอเห็นว่าประชาชนอยู่ในอารมณ์ที่อยากจะจัดงานเฉลิมพระเกียรติ อยากจะจัดงานถวายความจงรักภักดี กลุ่มคนเสื้อแดงก็เปลี่ยนไม่มาชุมนุม ก็อยากให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้คิดอย่างนี้ต่อไป และมาสู้กันตามกติกา บ้านเมืองจะได้เรียบร้อย
"รัฐบาลก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกันทางอารมณ์ ไม่จุดชนวนความรู้สึกโกรธแค้น โกรธเคืองกัน ขณะเดียวกัน ก็พยายามจัดกิจกรรมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่างเช่น การที่ให้ประชาชนมาร้องเพลงชาติ ซึ่งแรกๆ ก็ดูเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะ แต่ในที่สุดก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้คนไทยทั้งหลายมาหลวมรวมกันเพื่อบ้านเมือง" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อม ในการดูแลความสงบเรียบร้อยช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด คิดว่าบรรยากาศ 10 กว่าวัน ที่เราจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลังประชาชนออกมาชัดเจน ตนเชื่อว่าคงไม่มีใครที่จะมาทำอะไร ให้เกิดความเสียหายกับประชาชนและบ้านเมือง และประชาชนจะช่วยเป็นหูเป็นตา ทั้งนี้ในส่วนเจ้าหน้าที่ ตนจะกำชับเป็นพิเศษ
ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการประเมินผลการจัดงานครั้งนี้ว่า ได้มองตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย โดยรวมแล้วถือว่าประสบความสำเร็จมาก ประชาชนก็ให้ความจงรักภักดีพระเจ้าอยู่หัว เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยในวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ถ้ารวมประชาชนที่ร่วมงานโดยไม่มีบัตรมาเข้าร่วม มีผู้มาร่วมถึงประมาณ 6 หมื่นคน ซึ่งงบประมาณที่ใช้ในการจัดงานทั้งหมด ตั้งไว้ทั้งหมดประมาณ 150 ล้านบาท และไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน
**เร่งเผยแพร่พระราชดำรัสในหลวง
ในวันเดียวกันนี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี(ส.ล.ค.) ได้ร่วมกันแถลงข่าว เกี่ยวกับการเผยแพร่พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พ.ศ. 2552 ว่า จากที่ครม.มีมติเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 52 ได้มอบหมายให้สำนักเลขาธิการ ครม.ประสานกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พระราชดำรัสให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นๆของรัฐ เผยแพร่พระราชดำรัสดังกล่าวให้แก่พนักงาน ลูกจ้าง ตลอดจนประชาชนทั่วไปนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้ ส.ล.ค.ทำหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เผยแพร่ผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆ
ทั้งนี้ ทางสำนักราชเลขาธิการได้มีหนังสือแจ้งส.ล.ค.ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รัฐบาลเผยแพร่พระราชดำรัส ตามที่เสนอขอไป ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์พระราชดำรัสคัดตัดตอน ประกอบด้วย พระราชดำรัสพร้อมพระบรมฉายาลักษณ์ เป็นเอกสารขนาด A4 ปฏิทินพกแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานของรัฐ และประชาชนทั่วไปผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เคาน์เตอร์บริการของธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และบริษัทไปรษณีย์ไทย สถานีบริการน้ำมันของ ปตท. ด่านเก็บค่าผ่านทางของการทางพิเศษ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีสติกเกอร์ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง แจกจ่ายที่สถานีบริการน้ำมันของปตท. และสติกเกอร์ขนาดเล็ก ที่จะแจกจ่ายแก่โรงเรียนต่างๆ รวมทั้งช่องทางที่จะเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และเคเบิ้ลทีวีด้วย
สำหรับวันที่ 15 ธ.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ครม.จะร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราช หลังการประชุม ครม. โดยนายอภิสิทธิ์ จะทูลเกล้าฯ ถวายเอกสารตีพิมพ์พระราชดำรัส พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อสำนักพระราชวังมอบให้แก่ประชาชนทั่วไป ที่ร่วมลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราชด้วย
อย่างไรก็ตามนายสุเทพ กล่าวถึงข้อบกพร่องของการจัดงานครั้งนี้ว่า เดิมอยากให้งานเฉลิมฉลอง มีตั้งแต่ลานพระราชวังดุสิต เชื่อมต่อถึงสนามหลวง แต่ในปีนี้ขาดช่วงลานพระราชวังดุสิต ถึงป้อมมหากาฬ ซึ่งหาคนมาทำกิจกรรมได้ไม่ครบ จึงน่าเสียดาย ไม่เช่นนั้นงานคงจะสมบูรณ์มากกว่านี้
ส่วนเรื่องความแตกแยกของประชาชนจะลดลงหรือไม่ เพราะความจงรักภักดีก็อยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคนอยู่แล้ว รองนายกฯ กล่าวว่า ถ้าคนไทยยึดเอาบารมีเป็นที่ตั้ง และถือว่าเราทุกคนมีพ่อพระองค์เดียวกัน และทำเหมือนกับวันที่ 3-13 ธ.ค. ก็คิดว่าบ้านเมืองเรามั่นคงแน่
ส่วนความเห็นที่ไม่ตรงกัน หรือข้อขัดแย้งกันนั้น มันมีวิธีการแก้ไข มีระบบ มีกฎเกณฑ์กติกาอยู่ ก็ว่าไปตามนั้น ซึ่งตนคิดว่าคนไทยทุกคนจะช่วยนำประเทศได้ จะเห็นได้ว่าช่วงที่มีการจัดงาน ทางกลุ่มเสื้อแดง ที่เดิมประกาศว่าจะชุมนุมตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. แต่พอเห็นว่าประชาชนอยู่ในอารมณ์ที่อยากจะจัดงานเฉลิมพระเกียรติ อยากจะจัดงานถวายความจงรักภักดี กลุ่มคนเสื้อแดงก็เปลี่ยนไม่มาชุมนุม ก็อยากให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้คิดอย่างนี้ต่อไป และมาสู้กันตามกติกา บ้านเมืองจะได้เรียบร้อย
"รัฐบาลก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกันทางอารมณ์ ไม่จุดชนวนความรู้สึกโกรธแค้น โกรธเคืองกัน ขณะเดียวกัน ก็พยายามจัดกิจกรรมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่างเช่น การที่ให้ประชาชนมาร้องเพลงชาติ ซึ่งแรกๆ ก็ดูเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะ แต่ในที่สุดก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้คนไทยทั้งหลายมาหลวมรวมกันเพื่อบ้านเมือง" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อม ในการดูแลความสงบเรียบร้อยช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด คิดว่าบรรยากาศ 10 กว่าวัน ที่เราจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลังประชาชนออกมาชัดเจน ตนเชื่อว่าคงไม่มีใครที่จะมาทำอะไร ให้เกิดความเสียหายกับประชาชนและบ้านเมือง และประชาชนจะช่วยเป็นหูเป็นตา ทั้งนี้ในส่วนเจ้าหน้าที่ ตนจะกำชับเป็นพิเศษ
ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการประเมินผลการจัดงานครั้งนี้ว่า ได้มองตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย โดยรวมแล้วถือว่าประสบความสำเร็จมาก ประชาชนก็ให้ความจงรักภักดีพระเจ้าอยู่หัว เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยในวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ถ้ารวมประชาชนที่ร่วมงานโดยไม่มีบัตรมาเข้าร่วม มีผู้มาร่วมถึงประมาณ 6 หมื่นคน ซึ่งงบประมาณที่ใช้ในการจัดงานทั้งหมด ตั้งไว้ทั้งหมดประมาณ 150 ล้านบาท และไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน
**เร่งเผยแพร่พระราชดำรัสในหลวง
ในวันเดียวกันนี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี(ส.ล.ค.) ได้ร่วมกันแถลงข่าว เกี่ยวกับการเผยแพร่พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พ.ศ. 2552 ว่า จากที่ครม.มีมติเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 52 ได้มอบหมายให้สำนักเลขาธิการ ครม.ประสานกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พระราชดำรัสให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นๆของรัฐ เผยแพร่พระราชดำรัสดังกล่าวให้แก่พนักงาน ลูกจ้าง ตลอดจนประชาชนทั่วไปนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้ ส.ล.ค.ทำหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เผยแพร่ผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆ
ทั้งนี้ ทางสำนักราชเลขาธิการได้มีหนังสือแจ้งส.ล.ค.ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รัฐบาลเผยแพร่พระราชดำรัส ตามที่เสนอขอไป ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์พระราชดำรัสคัดตัดตอน ประกอบด้วย พระราชดำรัสพร้อมพระบรมฉายาลักษณ์ เป็นเอกสารขนาด A4 ปฏิทินพกแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานของรัฐ และประชาชนทั่วไปผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เคาน์เตอร์บริการของธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และบริษัทไปรษณีย์ไทย สถานีบริการน้ำมันของ ปตท. ด่านเก็บค่าผ่านทางของการทางพิเศษ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีสติกเกอร์ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง แจกจ่ายที่สถานีบริการน้ำมันของปตท. และสติกเกอร์ขนาดเล็ก ที่จะแจกจ่ายแก่โรงเรียนต่างๆ รวมทั้งช่องทางที่จะเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และเคเบิ้ลทีวีด้วย
สำหรับวันที่ 15 ธ.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ครม.จะร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราช หลังการประชุม ครม. โดยนายอภิสิทธิ์ จะทูลเกล้าฯ ถวายเอกสารตีพิมพ์พระราชดำรัส พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อสำนักพระราชวังมอบให้แก่ประชาชนทั่วไป ที่ร่วมลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราชด้วย