xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.ยุติธรรมหน้าแหก! กกต.ตวาดอย่าตั้งคำถามชี้นำคดียุบ ทรท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุทธิพล ทวีชัยการ
เลขาธิการ กกต.ตบหน้า ปธ.กมธ.ยุติธรรม ระบุให้เกียรติมาชี้แจงกรณีวินิจฉัยยุบพรรค ทรท. แต่อย่ามาตีกรอบให้พูดตามคำถามชี้นำ ด้าน “จาตุรนต์” อ้างซ้ำซากตุลาการรัฐธรรมนูญชุดนี้ไม่ใช่ศาลเพราะมาจากรัฐประหาร คำสั่งตัดสิทธิ 111 กก.บห.ถือเป็นการประจานกระบวนการยุติธรรมที่ไร้มาตรฐาน

วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่ห้อง 220 อาคารรัฐสภา 2 มีการประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ที่มีนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน เพื่อพิจารณาประเด็นการยุบพรรคไทยรักไทยที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทยนำพยานปากสำคัญในคดียุบพรรคไทยรักไทยออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์จ้างวานให้การเท็จเพื่อยุบพรรคไทยรักไทย โดยมีบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วม ประกอบด้วย นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขานุการมูลินิธิพรรคไทยรักไทย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ตัวแทนจากกระทรวงยุติธรรม รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา รวมไปถึงนายสุขสันต์ ชัยเทศ ผู้อำนวยการเลือกตั้ง และรองหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย และนายชวการ โตสวัสดิ์ พยานปากเอกในคดียุบพรรคไทยรักไทย

ทั้งนี้ นายสุขสันต์กล่าวต่อที่ประชุม กมธ. โดยกล่าวว่าเมื่อเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์บอยคอตการเลือกตั้งในเดือนเมษายนปี 2549 นั้น เห็นว่าในพื้นที่ภาคใต้ประชาชนจะไม่เลือกพรรคไทยรักไทยอย่างแน่นอน จึงถือเป็นโอกาสของพรรคพัฒนาชาติไทย ในการส่งตัวผู้สมัคร ส.ส. เพราะแนวโน้มการได้รับเลือกมีสูง แต่พรรคของตนติดปัญหาที่ไม่มีสมาชิกพรรค จึงดำเนินประสานกับเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อปรับเปลี่ยนฐานข้อมูลสมาชิก เหมือนที่เคยดำเนินการมาในปี 2548 ทั้งนี้ ระหว่างการดำเนินการทางเอกสาร นายไทกร พลสุวรรณ ได้มาหาตนโดยแนะนำว่าถ้าอยากได้เงินสนับสนุนให้ไปพบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์

นายสุขสันต์กล่าวว่า จากนั้นวันที่ 15 มีนาคม ได้ไปพบนายสุเทพที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพบว่านายสุเทพนั่งอยู่กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายถาวร เสนเนียม นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายเจือ ราชสีห์ ซึ่งตนได้เดินผ่านหน้าห้องไปยังชั้น 2 สักครู่นายสุเทพกับนายถาวรเดินมาถามรายละเอียดตนว่าจะส่งผู้สมัครอย่างไร ซึ่งตนได้บอกไปว่าเตรียมที่จะส่ง 30 กว่าคนในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด พร้อมกับเล่าตามความเป็นจริงว่า มีการแก้ไขฐานข้อมูลผู้สมัคร ซึ่งนายสุเทพถามตนว่าได้รับทราบข่าวหรือไม่ว่ามีการจ้างผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้งในจ.ตรัง ซึ่งนายสุเทพได้ชักชวนให้ตนมาร่วมกันทำงาน โดยมีเงื่อนไขที่ตกลงกันวันนั้นคือ ถ้าไม่ร่วมมือจะแจ้งความจับนายชวการ ในเรื่องการปลอมทะเบียนสมาชิก แต่ถ้าร่วมมือจะช่วยดูแลคดีและมีค่าใช้จ่ายสนับสนุนให้ 15 ล้านบาท รวมทั้งการส่งลง ส.ส.ที่ จ.นครพนม นอกจากนี้หากพรรคประชาธิปัตย์ ชนะการเลือกตั้งก็จะให้ตำแหน่งทางการเมือง ทำให้ตนต้องตัดสินใจร่วมมือในครั้งนี้เพราะความปลอดภัยของชีวิต

นายสุขสันต์กล่าวว่า นอกจากนี้นายถาวรยังกล่าวเพิ่มเติมว่าหากสามารถทำให้เรื่องดังกล่าวให้เชื่อมโยงกับกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยได้จะนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทยในที่สุด จนนำไปสู่ภาพเหตุการณ์ที่มีการพบกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่กระทรวงกลาโหม

นายสุขสันต์กล่าวว่า ทั้งนี้หลังจากที่พบกันในวันดังกล่าวแล้ว นายสุเทพได้นัดให้ตน นายไทกร และนายชวการไปพบที่บ้านของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เพื่อเตรียมตัวก่อนแถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย เป็นผู้จ้างวานให้ตนลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อหนีเกณฑ์ 20 เปอร์เซ็นต์ โดยก่อนการแถลงข่าวนายสุเทพบอกให้ไปรับเงินที่คอนโดมิเนียมของนายสุเทพ บริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ โดยมีผู้นำมามอบให้ตนคนละ 1 ล้านบาท จากนั้นตนก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจพาไปอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี สำหรับการให้การต่อ กกต.นั้น พวกตนให้การเพิ่มเติมเพียง 1 ครั้ง หลังจากแถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 เท่านั้น ไม่มีการให้การต่อ กกต.ส่วนกลางแต่อย่างใด โดยการให้การนั้นได้ยึดตามคำให้การเดิมตามที่ให้การไว้กับพรรคประชาธิปัตย์

นายสุขสันต์กล่าวว่า ตนมีหลักฐานทางบัญชีธนาคารที่แสดงจำนวนเงินไหลเวียนบัญชีจำนวน 5.8 ล้านบาท แต่ขณะนี้เงินในส่วนนี้นำไปใช้ในการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 หมดแล้ว และยังมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตนจะแพ้การเลือกตั้ง แต่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายวิรัช ร่มเย็น ประธาน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครองท้องถิ่น สภาผู้แทนราษฎร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประชาได้สอบถามนายสุทธิพล ในฐานะเลขาธิการ กกต.ถึงกระบวนการไต่สวนของ กกต.ต่อคดีดังกล่าว โดยนายสุทธิพลชี้แจงว่า การตัดสินในคดียุบพรรคไทยรักไทยเป็นการตัดสินของ กกต. อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหลักการทั่วไปในเรื่องการสืบสวนสอบสวน ไม่จำเป็นว่าต้องมาสืบสวนที่ กกต.กลางแต่เพียงอย่างเดียว โดย กกต.จะทำหน้าที่ตามกฎหมายและระเบียบที่วางไว้ไม่ทำอะไรชุ่ยๆ ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวมีการดำเนินการร่างกฎหมาย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานของ กกต.ที่เป็นเจ้าหน้าที่ในกลุ่มปฏิบัติงานคอมพิวเตอร์ที่รับสารภาพว่ามีการข้อมูลให้กับพรรคพัฒนาชาติไทย

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่นายสุทธิพลชี้แจงในส่วนนี้อยู่นั้น นายประชาได้แย้งนายสุทธิพลอยู่หลายครั้งว่าให้ตอบคำถามในส่วนที่ตัวเองได้ถามเท่านั้น โดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมถึงประเด็นอื่นๆ จนทำให้นายสุทธิพลชี้แจงต่อนายประชาว่า การที่ตนมาร่วมประชุมกับ กมธ.ครั้งนี้ เป็นเพราะให้เกียรติ กมธ. ซึ่งหากประธาน กมธ.สอบถามอะไรตนก็ชี้แจงตามหลักการยึดหลักตามความเป็นจริง ซึ่งจะต้องอธิบายเชื่อมโยงกับประเด็นอื่นที่มีการเกี่ยวข้องกันด้วย นอกจากนี้ นายวิรัช กัลยาศิริ กมธ.ซีกประชาธิปัตย์ ได้กล่าวสนับสนุนนายสุทธิพลว่าประธาน กมธ.ไม่ควรที่จะเบรกคำชี้แจงของผู้มาชี้แจง

จากนั้น นายวิรัชได้ถามจี้ถึงรายละเอียดการให้การของนายสุขสันต์ก่อนหน้านี้ในหลายประเด็น โดยส่วนใหญ่แล้วนายสุขสันต์ยังยืนยันว่า การให้การของตนเป็นไปตามคำให้การที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ร่างให้อ่าน โดยเอกสารที่ตนลงนามหลายส่วนไม่ได้อ่านทวนแต่อย่างใด

ด้าน นายจาตุรนต์กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นอดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยนั้น เท่าที่มีการประสานกับอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยคนอื่นได้มีการพิจารณาใน 3 ส่วน คือ 1.ในส่วนที่เกี่ยวกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ 2.เรื่องเกี่ยวกับพรรคไทยรักไทย ผ่านทางองค์กรอิสระในการพิจารณาตรวจสอบข้อมูลหลักฐานข้อเท็จจริงที่เพิ่มเติมขึ้นมา เพราะลำพังพวกตนไม่สามารถทำให้หลักฐานนี้มีความน่าเชื่อถือได้และ 3.ถ้า พล.อ.ธรรมรักษ์ พบว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์มีการจ้างวาน ข่มขู่ บังคับให้มีการให้การเท็จ เพื่อปรักปรำให้ร้ายต่อพรรคไทยรักไทย น่าจะมีการดำเนินคดีหรือดำเนินการทางกฎหมาย ต่อกรรมการบริหารของพรรคประชาธิปัตย์ หรือบุคคลสำคัญของพรรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อให้มีการลงโทษพรรคประชาธิปัตย์

“หลังจากการรัฐประหาร ตุลาการรัฐธรรมนูญที่ได้รับแต่งตั้งขึ้น ไม่ใช่ศาล จึงไม่ควรมีอำนาจในการพิจารณา แต่เรื่องนี้ระบบกฎหมายประเทศไทยให้อำนาจไว้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักนิติธรรม เรื่องนี้มีผลต่อคดีหรือไม่ ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมต่อพรรคไทยรักไทยหรือไม่ ที่จริงเราไม่ควรถูกตัดสิทธิตั้งแต่ต้น ถามว่าควรจะได้รับสิทธิคืนหรือไม่ และจะทำได้อย่างไร การที่พวกผมถูกเพิกถอนสิทธิเท่ากับเป็นเรื่องประจานว่าประเทศนี้ไร้ความยุติธรรม” นายจตุรนต์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น