“อ๋อย” เคาะโลงเรียกผีบ้านเลขที่ 111 ทวงสิทธิ์คืนการเมือง จี้ กกต.ฟัน ปชป. คดียุบพรรค หากเห็นประโยชน์บ้านเมือง ควรรื้อคดีและหาหลักฐานเพิ่ม ด้าน “วิชิต” ชี้ ปชป. เข้าข่ายถูกยุบ หลังพยานปากเอกเปิดโปงใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ อ้าง ปชป.จงใจป้ายสี ผิดกฎหมายเลือกตั้งชัดเจน
วันนี้ (17 พ.ย.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยออกมาทวงสิทธิของตัวเอง หลังจากพยานในคดียุบพรรคออกมาเปิดโปงข้อเท็จจริงว่า เราทราบมาตั้งแต่การพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทยแล้วว่าพยานถูกบีบคั้น เกลี้ยกล่อม จนกล่าวให้โทษพรรคไทยรักไทย และขณะนั้นกระบวนการพิจารณาไม่ค่อยให้โอกาสฝ่ายที่ได้รับโทษ ตุลาการรัฐธรรมนูญก็มีธงชัดเจนจาก คมช. ฉะนั้น ผลที่ออกมาจึงมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคไทยรักไทย จากที่ได้รับฟังพยานทั้ง 2 คน ล่าสุด เห็นว่าน่าจะพูดความจริง ดังนั้น นอกจากพรรคไทยรักไทยจะไม่ผิดแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะต้องถูกยุบด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจว่ากระบวนการที่มีอยู่ในปัจจุบันจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ยอมรับว่าการกลับไปแก้ไขคำพิพากษาของพรรคไทยรักไทยค่อนข้างยาก แต่ถ้าพุ่งเป้าเอาผิดพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นไปได้มากกว่า เพราะพบความหลักฐานใหม่แม้จะเกิดขึ้นนานแล้ว ถ้าหากกกต.สนใจเอาเรื่องอย่างจริงจัง ก็จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกที่นั่งลำบาก แต่อย่างไรก็ตามจะหวังให้ กกต.มาเอาเรื่องก็ไม่ง่ายเหมือนกันเนื่องจากมีที่มาจาก คมช. ก็ได้แต่หวังว่า กกต.จะเห็นแก่บ้านเมืองควรที่จะรับข้อมูลไปสอบสวนเพิ่มเติม
นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนั้น สมาชิกบ้านเลขที่ 111 บางส่วนต้องมาคุยกันเพิ่มเติม ที่ผ่านเราไม่ได้เน้นเรื่องการเรียกร้องสิทธิกลับคืน แต่เมื่อมีข้อเท็จจริงแบบนี้เกิดขึ้น ก็น่าจะมาคุยกันว่าควรทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้ความยุติธรรมกลับคืนมา แต่อย่างไรก็ตามการกระทำใดๆ ก็ไม่อยากให้กระทบกระเทือนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการนำระบอบประชาธิปไตยกลับคืนมา โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นความไม่ยุติธรรม การใช้พยานเท็จตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค การใช้กฎหมายเผด็จการย้อนหลัง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ระบบยุติธรรมไทยไม่น่าเชื่อถือ และจะประจานความไม่ยุติธรรมเรื่อยไป ทางออกคือต้องมาสังคายนากันใหม่ แก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นำระบบที่ยุติธรรมกลับคืนมา
ด้าน นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า เรื่องที่พยาน 2 คน ออกมาแถลงข่าวนั้นมีอยู่ในสำนวนอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนั้นทั้ง 2 คนยังไม่เปิดเผยความจริง เมื่อวันนี้ออกมายอมรับก็สอดรับสนับสนุนกับพยานอีก 3 ปากในคดีดังกล่าว ที่เชื่อมโยงไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็สมควรถูกยุบพรรค เพราะพยานปากสำคัญที่ตุลาการรัฐธรรมนูญให้น้ำหนักในคดียุบพรรคไทยรักไทยทั้ง 2 คน วันนี้มาพูดชัดเจนว่าใครเป็นตัวการที่แท้จริง การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นการจงใจใส่ร้าย ป้ายสี ผิดกฎหมายเลือกตั้งส.ส. และ ส.ว.อย่างชัดแจ้ง เข้าข่ายถูกยุบพรรค ซึ่งกกต.สามารถดำเนินการได้เลยทันที ส่วนสมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะเรียกร้องอย่างไรต่อไปนั้น ถือเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ตนคงไม่ดำเนินการอื่นใด เพราะไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะใช้กฎหมายย้อนหลัง ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคโดยขัดหลักกฎหมายสากล เรื่องนี้ประชาชนตัดสินได้