วานนี้ (26 ต.ค.) นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เสนอให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ให้ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์เป็นการชั่วคราว ขณะที่พรรคเพื่อไทยประกาศว่า ถ้าเป็นรัฐบาลจะแก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์ นอกเหนือจากนำรัฐธรรมนุญปี 2540 กลับมาใช้ว่า คิดว่าเป็นวาระซ่อนเร้น พูดหวังเพียงพาดพิงถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งเป็นเป้าหมายของตัวบุคคล ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมืองเท่านั้น และเป็นกระบวนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการที่จะนำไปสู่เป้าหมายของตัวเอง คือ การกลับเข้าประเทศ โดยไม่ต้องติดคุก และได้เงินที่ถูกยึดทรัพย์คืน จึงต้องการทำทุกวิถีทาง โดยให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เคลื่อนไหวในต่างประเทศในช่วงที่มีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และยังให้ออกมาพูดเรื่องการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใน 6 ประเด็นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งให้กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวประท้วงยืดเยื้อในเดือนพ.ย. ทั้งหมดนำไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
นายชินวรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องไม่ประมาท และต้องยกระดับยุทธศาสตร์ความสามัคคีของคนในชาติให้มีความเชื่อมั่นในตัวของรัฐบาล และหันมาสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งผลงานที่รัฐบาลให้กับประชาชนก็จะช่วยอุ้มรัฐบาล
ส่วนกรณีที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อนายกรัฐมนตรี ลดลงนั้น เป็นช่วงเดือนต.ค.ถึงเดือนพ.ย. ซึ่งมีเรื่องต่างๆที่ทำให้รัฐบาลต้องมุ่งไปทุ่มเทแก้ไขตรงจุดนั้น เห็นได้ว่าต้องการทำให้รัฐบาลมีอุปสรรค และต้องการดิสเครดิต ดังนั้น การที่โพลออกมาอย่างที่เห็นรัฐบาลก็ต้องรับฟังและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ทำให้ผลลบก็จะกลับมาเป็นผลบวกได้
อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ น่าเป็นห่วงตรงที่ต้องการชักศึกเข้าบ้าน สร้างความแตกแยกในประเทศ ทำลายการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ กระบวนการเหล่านี้นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็มีบทเรียนในประวัติศาสตร์ที่ผู้นำบางคนยอมตายในต่างประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะไม่ยอมแพ้โดยเด็ดขาด
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลโพลที่ออกมาว่านายกรัฐมนตรี มีคะแนนน้อยกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ขึ้นอยู่ที่คำถามมากกว่าว่าจะมีคำถามอย่างไร แต่ในภาพรวมแล้ว รัฐบาลก็ยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย และนำความคิดเห็นเหล่านั้นกลับมาปรับปรุงแก้ไขการทำงานของรัฐบาลให้ที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าในบางพื้นที่ที่มีการเข้าถึงในเรื่องของการสื่อสาร นายอภิสิทธิ์ ก็มักจะได้คะแนนสูงกว่า พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลต้องให้ข้อมูลกับประชาชนในกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น
นายปณิธาน กล่าวด้วยว่าเชื่อว่าผลคะแนนที่ออกมาไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล เนื่องจากคะแนนทั้ง 2 คน มีความใกล้เคียง และขอให้ประชาชนให้ความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี เพราะรัฐบาลไม่ได้ละเลยการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน
นอกจากนี้หลังจากการประชุมสุดยอดอาเซียน นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ไปตามต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นโดยเริ่มจากภาคเหนือ จากนั้นจะไปภาคกลาง และภาคใต้
**พท.ยืนกรานเอารธน.40 คืนมา
เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกันนี้ (26 ต.ค.) พรรคเพื่อไทยจัดงาน "เสวนาประชาธิปไตย เอารัฐธรรมนูญปี 40 ฉบับประชาชนคืนมา" โดยเชิญนักวิชาการและนักการเมืองมาบรรยายให้สมาชิกพรรครับฟัง
ทั้งนี้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งเสียงข้างมากเกินครึ่งจะแก้รัฐธรรมนูญภายใน 1 เดือน โดยนำฉบับปี 40 กลับมาใช้
นายวรพล พรหมิกบุตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เกื้อหนุนอำมาตย์ ทำลายประชาธิปไตย เป็นเผด็จการใส่หน้ากากประชาธิปไตย ดังนั้นต้องพยายามไม่ให้มีผู้คั่นกลางระหว่างประชาชนกับพระมหากษัตริย์ ต้องทำให้ระบอบอำมาตย์ถอยร่นไป เพราะต่างประเทศและประชาคมโลก เขาไม่ต้องการระบบนี้
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านๆมา ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ เนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยไม่ได้ตกอยู่ในมือประชาชน เช่น รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลทั้งๆ ที่ไม่ได้รับเสียงข้างมาก ด้วยการเข้าไปทำลายอีกฝ่ายหนึ่งที่มีเสียงข้างมากเรื่อยมา ระบบยุติธรรม ตุลาการผิดเพี้ยน มีการใช้ 2 มาตรฐานเต็มไปหมด
สำหรับแนวทางที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น แล้วยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แล้วค่อยมาแก้ใหญ่อีกครั้งนั้น ถือว่าทำไว้ดีแล้ว ที่พรรคเพื่อไทยบอกไม่เอาด้วย จะเอารัฐธรรมนูญปี 40 บางคนก็รู้สึกเสียดาย แต่ความจริงแล้วพรรคประชาธิปัตย์เขาไม่อยากแก้มาตั้งแต่ต้น ที่อยากแก้มีเพียง 2 ประเด็น ดังนั้นที่เสนอให้มีการยกร่าง 6 ร่าง มีเจตนาจะเอาเพียง 2 ร่าง ที่เหลือจะตีตกหมด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้หรือเปล่า ส่วนตัวคิดว่าคงไม่น่าจะทำได้แล้ว
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าจะได้เสียงข้างมากลับมาเป็นรัฐบาลนั้น คิดว่าเป็นเรื่องยาก เพราะขนาดออกทีวีทุกวัน ผลโพลสำรวจออกมาคะแนนนิยมยังแพ้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และถ้าหากว่าพรรคเพื่อไทยชนะ ก็อาจจะมีการยุบพรรคเกิดขึ้นอีก กลับเข้าสู่วงจรเดิมๆ ความขัดแย้งจะมากขึ้น ประเทศตกต่ำ หายนะไปเรื่อยๆ วันนี้รถไฟยังเดินไม่ได้เพราะสหภาพฯอิงอยู่กับพันธมิตรฯ สุดท้ายถ้าแก้ไขไม่ได้ ทหารอาจจ้องออกมายึดอำนาจเหมือนแนวทางที่เคยทำ เหมือนกรรมตามสนอง ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านยับเยินไปแล้ว ทุจริต คอร์รัปชันเต็มบ้านเต็มเมือง ความขัดแย้งของคนในชาติไม่ดีขึ้น ดังนั้นเราต้องรณรงค์กันอย่างจริงจังให้มีการเปลี่ยนรัฐบาล เพราะอยู่ไปก็เสียเวลาเปล่า มีแต่ทำให้หายนะไปเรื่อยๆ รณรงค์เอารัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้ และเขียนจำกัดบทบาทอำมาตย์ ไม่เปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนปกครอง หรือฝักใฝ่พรรคการเมือง ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยได้เกินครึ่ง ก็ทำทันที ถ้าชนะไม่เกินครึ่ง ก็ใช้วิธีการทำประชามติ เชื่อว่าประชาชนจะสนับสนุนท่วมท้นให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แล้วนำฉบับปี 40 มาใช้
"วันนี้เรากำลังรอว่าเมื่อไรจะยุบสภา เมื่อไรจะแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อไรจะมีรัฐบาลใหม่ เพราะมันบริหารประเทศไม่ได้แล้ว ข้าราชการไม่ฟัง สั่งการไม่ได้ พรรคร่วมก็ขัดแย้งกันเอง ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วยความหายนะจากการยื้อเวลาของรัฐบาลไปเรื่อยๆ น่าเป็นห่วงว่ากว่าจะถึงวันนั้นความเสียหายจะสูงมาก จึงอยากบอกรัฐบาลว่าจะทำอะไรก็รีบทำเสีย จะเล่นละครบอกแก้รัฐธรรมนูญแล้วไม่แก้ ก็ทำเร็วๆ มันจะได้เดินไปสู่การพิสูจน์ว่า จะอยู่ต่อไปได้ไหม จะเป็นการตัดสินว่าเราจะอยู่กับระบบนี้หรือกลับมาเป็นประชาธิปไตยแบบเดิม" นายจาตุรนต์กล่าว
**ประกาศชัดทำเพื่อ"แม้ว"
นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 40 กล่าวว่ายุทธศาสตร์ในการนำเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 40 กลับคืนมา ไม่ใช่เพียงการนำเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับคืนมาเท่านั้น แต่ต้องเป็นการนำพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแบบไร้มลทิน ในฐานะรัฐบุรุษประชาธิปไตย เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นธงและสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จึงมีจำเป็นต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งเป็นมรดกบาปของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ไม่ใช่เพียงแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่กี่มาตรา โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องนำเนื้อหาในฉบับ 40 กลับมาใช้ใหม่ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน ที่สำคัญต้องสลัดเปลือกนอก และอำนาจนอกรัฐธรรมนูญออกไปให้หมด
นายชินวรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องไม่ประมาท และต้องยกระดับยุทธศาสตร์ความสามัคคีของคนในชาติให้มีความเชื่อมั่นในตัวของรัฐบาล และหันมาสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งผลงานที่รัฐบาลให้กับประชาชนก็จะช่วยอุ้มรัฐบาล
ส่วนกรณีที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อนายกรัฐมนตรี ลดลงนั้น เป็นช่วงเดือนต.ค.ถึงเดือนพ.ย. ซึ่งมีเรื่องต่างๆที่ทำให้รัฐบาลต้องมุ่งไปทุ่มเทแก้ไขตรงจุดนั้น เห็นได้ว่าต้องการทำให้รัฐบาลมีอุปสรรค และต้องการดิสเครดิต ดังนั้น การที่โพลออกมาอย่างที่เห็นรัฐบาลก็ต้องรับฟังและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ทำให้ผลลบก็จะกลับมาเป็นผลบวกได้
อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ น่าเป็นห่วงตรงที่ต้องการชักศึกเข้าบ้าน สร้างความแตกแยกในประเทศ ทำลายการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ กระบวนการเหล่านี้นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็มีบทเรียนในประวัติศาสตร์ที่ผู้นำบางคนยอมตายในต่างประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะไม่ยอมแพ้โดยเด็ดขาด
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลโพลที่ออกมาว่านายกรัฐมนตรี มีคะแนนน้อยกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ขึ้นอยู่ที่คำถามมากกว่าว่าจะมีคำถามอย่างไร แต่ในภาพรวมแล้ว รัฐบาลก็ยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย และนำความคิดเห็นเหล่านั้นกลับมาปรับปรุงแก้ไขการทำงานของรัฐบาลให้ที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าในบางพื้นที่ที่มีการเข้าถึงในเรื่องของการสื่อสาร นายอภิสิทธิ์ ก็มักจะได้คะแนนสูงกว่า พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลต้องให้ข้อมูลกับประชาชนในกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น
นายปณิธาน กล่าวด้วยว่าเชื่อว่าผลคะแนนที่ออกมาไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล เนื่องจากคะแนนทั้ง 2 คน มีความใกล้เคียง และขอให้ประชาชนให้ความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี เพราะรัฐบาลไม่ได้ละเลยการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน
นอกจากนี้หลังจากการประชุมสุดยอดอาเซียน นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ไปตามต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นโดยเริ่มจากภาคเหนือ จากนั้นจะไปภาคกลาง และภาคใต้
**พท.ยืนกรานเอารธน.40 คืนมา
เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกันนี้ (26 ต.ค.) พรรคเพื่อไทยจัดงาน "เสวนาประชาธิปไตย เอารัฐธรรมนูญปี 40 ฉบับประชาชนคืนมา" โดยเชิญนักวิชาการและนักการเมืองมาบรรยายให้สมาชิกพรรครับฟัง
ทั้งนี้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งเสียงข้างมากเกินครึ่งจะแก้รัฐธรรมนูญภายใน 1 เดือน โดยนำฉบับปี 40 กลับมาใช้
นายวรพล พรหมิกบุตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เกื้อหนุนอำมาตย์ ทำลายประชาธิปไตย เป็นเผด็จการใส่หน้ากากประชาธิปไตย ดังนั้นต้องพยายามไม่ให้มีผู้คั่นกลางระหว่างประชาชนกับพระมหากษัตริย์ ต้องทำให้ระบอบอำมาตย์ถอยร่นไป เพราะต่างประเทศและประชาคมโลก เขาไม่ต้องการระบบนี้
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านๆมา ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ เนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยไม่ได้ตกอยู่ในมือประชาชน เช่น รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลทั้งๆ ที่ไม่ได้รับเสียงข้างมาก ด้วยการเข้าไปทำลายอีกฝ่ายหนึ่งที่มีเสียงข้างมากเรื่อยมา ระบบยุติธรรม ตุลาการผิดเพี้ยน มีการใช้ 2 มาตรฐานเต็มไปหมด
สำหรับแนวทางที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น แล้วยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แล้วค่อยมาแก้ใหญ่อีกครั้งนั้น ถือว่าทำไว้ดีแล้ว ที่พรรคเพื่อไทยบอกไม่เอาด้วย จะเอารัฐธรรมนูญปี 40 บางคนก็รู้สึกเสียดาย แต่ความจริงแล้วพรรคประชาธิปัตย์เขาไม่อยากแก้มาตั้งแต่ต้น ที่อยากแก้มีเพียง 2 ประเด็น ดังนั้นที่เสนอให้มีการยกร่าง 6 ร่าง มีเจตนาจะเอาเพียง 2 ร่าง ที่เหลือจะตีตกหมด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้หรือเปล่า ส่วนตัวคิดว่าคงไม่น่าจะทำได้แล้ว
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าจะได้เสียงข้างมากลับมาเป็นรัฐบาลนั้น คิดว่าเป็นเรื่องยาก เพราะขนาดออกทีวีทุกวัน ผลโพลสำรวจออกมาคะแนนนิยมยังแพ้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และถ้าหากว่าพรรคเพื่อไทยชนะ ก็อาจจะมีการยุบพรรคเกิดขึ้นอีก กลับเข้าสู่วงจรเดิมๆ ความขัดแย้งจะมากขึ้น ประเทศตกต่ำ หายนะไปเรื่อยๆ วันนี้รถไฟยังเดินไม่ได้เพราะสหภาพฯอิงอยู่กับพันธมิตรฯ สุดท้ายถ้าแก้ไขไม่ได้ ทหารอาจจ้องออกมายึดอำนาจเหมือนแนวทางที่เคยทำ เหมือนกรรมตามสนอง ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านยับเยินไปแล้ว ทุจริต คอร์รัปชันเต็มบ้านเต็มเมือง ความขัดแย้งของคนในชาติไม่ดีขึ้น ดังนั้นเราต้องรณรงค์กันอย่างจริงจังให้มีการเปลี่ยนรัฐบาล เพราะอยู่ไปก็เสียเวลาเปล่า มีแต่ทำให้หายนะไปเรื่อยๆ รณรงค์เอารัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้ และเขียนจำกัดบทบาทอำมาตย์ ไม่เปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนปกครอง หรือฝักใฝ่พรรคการเมือง ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยได้เกินครึ่ง ก็ทำทันที ถ้าชนะไม่เกินครึ่ง ก็ใช้วิธีการทำประชามติ เชื่อว่าประชาชนจะสนับสนุนท่วมท้นให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แล้วนำฉบับปี 40 มาใช้
"วันนี้เรากำลังรอว่าเมื่อไรจะยุบสภา เมื่อไรจะแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อไรจะมีรัฐบาลใหม่ เพราะมันบริหารประเทศไม่ได้แล้ว ข้าราชการไม่ฟัง สั่งการไม่ได้ พรรคร่วมก็ขัดแย้งกันเอง ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วยความหายนะจากการยื้อเวลาของรัฐบาลไปเรื่อยๆ น่าเป็นห่วงว่ากว่าจะถึงวันนั้นความเสียหายจะสูงมาก จึงอยากบอกรัฐบาลว่าจะทำอะไรก็รีบทำเสีย จะเล่นละครบอกแก้รัฐธรรมนูญแล้วไม่แก้ ก็ทำเร็วๆ มันจะได้เดินไปสู่การพิสูจน์ว่า จะอยู่ต่อไปได้ไหม จะเป็นการตัดสินว่าเราจะอยู่กับระบบนี้หรือกลับมาเป็นประชาธิปไตยแบบเดิม" นายจาตุรนต์กล่าว
**ประกาศชัดทำเพื่อ"แม้ว"
นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 40 กล่าวว่ายุทธศาสตร์ในการนำเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 40 กลับคืนมา ไม่ใช่เพียงการนำเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับคืนมาเท่านั้น แต่ต้องเป็นการนำพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแบบไร้มลทิน ในฐานะรัฐบุรุษประชาธิปไตย เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นธงและสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จึงมีจำเป็นต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งเป็นมรดกบาปของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ไม่ใช่เพียงแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่กี่มาตรา โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องนำเนื้อหาในฉบับ 40 กลับมาใช้ใหม่ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน ที่สำคัญต้องสลัดเปลือกนอก และอำนาจนอกรัฐธรรมนูญออกไปให้หมด
