กรรมการ พรรค ก.ม.ม.วอนคนไทยตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณ-ทดแทนคุณแผ่นดิน ด้วยการหูเป็นตา ต่อต้านคนจาบจ้วงสถาบัน ชี้ “ในหลวง” ทรงวางแผนแก้ไขปัญหาประเทศไว้แล้ว แนะรบ.น้อมนำไปปฏิบัติ ย้ำนโยบายพรรคไม่ทิ้งกรอบความคิดของพันธมิตรฯ ที่มีต่อสถาบัน
รายการ “ก้าวที่กล้า สู่การเมืองใหม่” ช่วงที่ 1
รายการ “ก้าวที่กล้า สู่การเมืองใหม่” ช่วงที่ 2
รายการ “ก้าวที่กล้า สู่การเมืองใหม่” ออกอากาศช่วงเวลา 20.30-21.30 น. ประจำวันเสาร์ ที่ 5 ธันวาคม ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งได้รับเกียรติจาก พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ พร้อมด้วย พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ และนายเทิดภูมิ ใจดี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึง เจตนารมณ์แนวพระราชดำรัส ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
นายสำราญกล่าวเริ่มรายการด้วยการอ่านพระราชดำรัสตอนหนึ่งความว่า ความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคงทั้งนั้นจะสำเร็จผลเป็นจริงไปได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติ มุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้ผิด และด้วยความสุจริต จริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น”
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า พระองค์ท่านเข้าใจต้นตอปัญหาในประเทศ เป็นอย่างดี แม้ประชาชน จะสรรเสริญพระบารมี ด้วยการเรียงร้อยถ้อยคำให้ไพเราะเพราะพริ้งขนาดไหนก็ไม่ได้ทำให้พระองค์ท่านมีความสุขมากไปกว่า การได้เห็นพสกนิกรของท่าน อยู่เย็นเป็นสุข โดยสิ่งที่จะนำไปสู่จุดมุ่งหมาย ดังที่พระองค์ตั้งใจไว้ สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ทำให้บ้านเมืองเป็นปกติ พระองค์ท่านก็ทรงแนะนำให้ ทุกคนต้องมีสติ ละอายต่อบาป และเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากว่าประโยชน์ส่วนตัว ดังนั้น สิ่งที่พระองค์ท่านรับสั่ง ประชาชนชาวไทย พึงระลึกถึงความปรารถนาดี ต้องสนองตอบน้อมนำไปปฎิบัติ ซึ่งวันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็รับจะนำไปปฎิบัติเป็นตัวอย่างแล้ว
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่าปลื้มใจที่รัฐบาลใส่ใจกับการจัดงานเฉลิมฉลองครั้งนี้ ถ่ายทอดให้ทุกคนในแผ่นดิน แม้กระทั่งชาวไทยในต่างประเทศ ได้เฉลิมฉลองพร้อมกัน ไม่ได้ปล่อยให้มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช เป็นพระเอกจัดงานแต่เพียงฝ่ายเดียวเหมือนที่ผ่านมา งานครั้งนี้นับเป็นประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่ง อยากให้ทุกประชาชนชาวไทยทุกคนได้สัมผัส สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าชมงานยังสามารถมารับชมความอลังการได้ไปจนถึงวันที่ 13 ธันวาคมนี้
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า ประทับใจกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่นำพระราชปรารภที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสไว้ ตั้งแต่ปี 49 แต่ยังไม่มีใครนำไปปฏิบัติ โดยขอให้ผู้มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญในสถาบันหลักของประเทศ และชาวไทยทุกคนให้ความสำคัญเรื่องคุณธรรม 4 ประการ มี เมตตาธรรม สามัคคีธรรม สุจริตธรรม และเที่ยงธรรม นำไปปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพื่อนำพาประเทศให้มั่นคงอย่างยั่งยืน
“คนไทยถือเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก ที่ได้เกิดมาภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตลอด 63 ปี พระองค์ท่านได้ทุ่มเทพระวรกาย ดูแลประชาชนในประเทศ หากเปรียบเที่ยบเป็นครอบครัว ในครอบครัวต้องมีพ่อ ถ้าไม่มีพ่อแล้วเราเกิดมาไม่ได้ ประเทศชาติก็เหมือนกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือพ่อของแผ่นดิน เมื่อเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ วันนี้เราต้องถามตัวเอง เกิดมาในแผ่นดินนี้ ได้ทดแทนคุณต่อแผ่นดินหรือยัง หากยัง ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา เมื่อพบคนจาบจ้วง ล่วงละเมิด เราต้องกล้าแสดงตัวด้วยการไปสะกิดเตือนคนเหล่านั้นทันที” พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากเอาเรื่องที่พระองค์ท่านทรงรับสั่งทุกวันที่ 4 ธันวาคมของทุกปีมาต่อเป็นจิ๊กซอว์เข้าด้วยกัน จะเป็นภาพพระองค์ คือผู้ศึกษาเบื้องลึกภูมิหลังของประเทศมาอย่างถ่องแท้ ทำเพื่อประชาชนทุกคนโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ดังนั้น สมแล้วที่คนไทยพร้อมใจกันออกมา เฉลิมฉลองเทิดพระเกียรติ พร้อมกันทั้งชาติ จนกึกก้องไปทั้งโลก ล่าสุดก็เกิดปรากฏการณ์ใหม่ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา มีสาส์นถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หนึ่งในนั้นมีความว่า ประเทศไทยต้องมีในหลวง ดังนั้น รัฐบาลไม่ต้องคิดอะไรมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางแผนแก้ไขปัญหาประเทศไว้ให้แล้ว เหลือเพียงแค่รัฐบาลนำไปปฏิบัติเท่านั้น
เมื่อถามถึงแนวทางของพรรคการเมืองใหม่ต่อการช่วยปกป้องสถาบัน พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า พรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ดังนั้น เป็นที่แน่นอนว่า กรอบความคิดของพันธมิตรฯ ที่มีต่อสถาบันเป็นอย่างไร พรรคการเมืองใหม่ต้องนำมาเป็นนโยบาย
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวว่า สิ่งที่ประทับใจมากที่สุด หลังได้ติดตาม กระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส เห็นได้ว่าพระองค์ท่านตรัสอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ดูได้จากเมื่อครั้งเสด็จฯ ขึ้นครองราชย์ ทรงตรัสว่า “เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม” และอีกพระราชดำรัสหนึ่งที่ประชาชนช่าวไทยควรจดจำในฐานะที่เป็นพสกนิกร ที่ว่า “ทุกข์ของประชาชน คือ ทุกข์ของแผ่นดิน ทุกข์ของแผ่นดิน คือ ทุกข์ของประองค์ท่าน” นอกจากนี้ยังทรงตรัส ว่า “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ใครทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดีให้ ได้ปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย” ดังนั้น เมื่อดูจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้ว จะเห็นได้ว่า พระองค์ท่าน วิเคราะห์สถานการณ์เข้าใจ เข้าถึงปัญหาของสังคมไทยเป็นอย่างดี จึงได้ส่งสัญญาณกำหนดเป้าหมาย ว่าจะต้องปกครองแผ่นดินโดยธรรม
ทั้งนี้ ถ้าจะปกครองแผนดินโดยธรรมได้ ต้องทำให้บ้านเมืองสงบสุขก่อน ซึ่งหนทางที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้ ก็ต้องส่งเสริมคนดีให้มาปกครองบ้านเมือง พระราชดำรัสเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคน ควรจดจำ ด้วยเหตุนี้ตนอยากขอวิงวอนให้ ประชาชนชาวไทย คิดตามพระองค์ท่านให้ทัน ดูแนวทางปฎิบัติของพระองค์ท่านเป็นแบบอย่าง
“จะปกป้องสถาบันได้ สิ่งแรกต้องรู้ก่อนว่าใครเป็นคนชั่วตัวทำลายสถาบัน ประเด็นนี้ก็นับเป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกัน ที่จะบอกว่าใครดี ใครชั่ว เพราะคนที่ทำชั่วมักไม่มีใครทิ้งหลักฐานไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ข้อสังเกต ช่วงที่ผ่านมามีบางกลุ่มนำเรื่องการล้มราชวงศ์ของแนปาล หรือโรมานอฟ ตรงนี้ต้องถามสังคมว่า คนที่นำเรื่องเหล่านี้มาพูดเป็นการเหมาะสมหรือไม่ มีนัยแฝงเร้นอะไร ดังนั้น พวกเราต้องช่วยกันกระจายข้อมูลที่ถูกต้อง ให้คนอื่นที่ยังไม่รู้ทราบด้วย” พล.ร.ท.ประทีป กล่าว
นายเทิดภูมิกล่าวว่า การจัดงานเทิดพระเกียรติครั้งนี้ นับเป็นการจัดงานเฉลิมพระเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มีประชาชนออกมาแสดงความจงรักภักดิ์ดี กตัญญูกตเวที อย่างเนืองแน่น หากศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ลึกซึ้ง จะเห็นว่า เรามีสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่ไม่เหมือนชาติอื่น พระองค์ท่านครองราชย์มาถึง 63 ปี บนผืนแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะเป็นที่หางไกล ชนบท ป่าเขา หรือจะทุรกันดาร แค่ไหน พระองค์ท่านเสด็จฯ ทั่วถึงทุกที่ นี่คือลักษณะพิเศษของประเทศไทย ที่ไม่เหมือนใครในโลก ขนาดผู้นำที่เป็นนักปฎิวัติ อย่าง รัสเซีย เวียดนาม ลาว เขาต่างชื่นชม สถาบันกษัตริย์ไทย
“ดีใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคยคุยว่าเมืองไทยเป็นเมืองน่าอยู่ติดอันดับของโลก อันเนื่องมาจาก สิ่งที่การันตีถึงแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองของเรา เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ตรัสจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เอาธรรมนำหน้าไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม สิ่งที่พระองค์ปฎิบัติล้วนเป็นแบบอย่างที่ดี แต่น่าเสียดายที่สังคมไทยยังมี บางคนยังชื่นชม นักการเมืองที่ไม่มีธรรมนำหน้า ไม่อยู่ในศีลธรรม เห็นผลประโยชน์ตัวเองเป็นใหญ่ พอมีเงินแล้วก็คิดการใหญ่” นายเทิดภูมิ กล่าว