xs
xsm
sm
md
lg

คนไทยก็ไม่มีความสุข ถ้ากุ๊ย “ฮุนเซน” ยังไม่ตกเก้าอี้!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฮุนเซน
“ผ่าประเด็นร้อน”

คำพูดของ “ฮุนเซน” เมื่อสองสามวันก่อน ที่บอกว่า “กัมพูชาไม่มีความสุข หาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกษิต ภิรมย์ ยังอยู่ในอำนาจ” หรือ บอกว่าทั้งสองคน (อภิสิทธิ์ กับกษิต) ทำงานด้วยยากที่สุด เป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นแล้วสื่อต่างประเทศนำมาขยายความต่อทำให้เข้าหูคนไทย และแม้ว่าไม่ใช่เป็นคำพูดแบบคำต่อคำ แต่ความหมายก็ออกมาในทำนองนั้นแหละ

ในฐานะคนไทยคนหนึ่งไม่ว่าจะเกลียดหรือรัก อภิสิทธิ์ และรัฐบาลชุดนี้นาทีนี้ก็อยากจะบอกไปถึงเขมรเช่นเดียวกันว่า พวกเราก็ไม่มีความสุขเช่นเดียวกันที่ยังมีผู้นำกุ๊ยแบบ ฮุนเซน อยู่ในอำนาจ

ถือว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผู้นำกัมพูชาแสดงความไร้มารยาทครั้งใหญ่สำหรับการเมืองระหว่างประเทศ ออกมาให้เห็นอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ออกมาวิจารณ์กระบวนการยุติธรรมไทย โดยเฉพาะศาลไทยในทำนองว่าไม่ยุติธรรม และยังแทรกแซงก้าวก่ายกิจการภายในของไทยด้วยการเรียกร้องให้มีการยุบสภา

นี่ยังไม่นับเรื่องที่บอกว่าจะไม่ยอมส่งตัว ทักษิณ ชินวัตร หรือ “ตักขี้” มาดำเนินคดีในประเทศไทยตามความผิด โดยอ้างว่าเป็นคดีทางการเมือง และจากนั้นก็ได้แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทั้งในด้านส่วนตัวหรือที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาล เสมือนเป็นการตบหน้ารัฐบาลไทยและศาลไทยที่กระทำภายใต้พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

จากคำพูดและท่าทีดังกล่าวของผู้นำกัมพูชาถือว่า “ไร้มารยาท” อย่างรุนแรงและไม่มีผู้นำคนใดในโลกนี้ทำกัน ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่ามาตรฐานะของผู้นำกัมพูชาอยู่ในระดับใด

เพราะแม้ว่านาทีนี้หลายคนอาจจะไม่ชอบขี้หน้า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ กษิต ภิรมย์ จะด้วยสาเหตุใดหรือไม่ก็ตาม แต่ในฐานะที่คนหนึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลไทย ส่วนอีกคนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถือว่าเป็นศักดิ์ศรีของประเทศ การที่มีผู้นำของอีกประเทศหนึ่งมาแสดงท่าทีดูหมิ่นแบบนี้ก็ไม่น่าจะมีคนไทยที่รักชาติจะยอมรับกันได้

ที่ผ่านมาแม้ว่า ฮุนเซน จะมีท่าทีก้าวร้าวกับไทยหลังจากที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยเดินทางไปหารือกันที่กรุงพนมเปญ พร้อมกับบอกว่า ผู้นำกัมพูชามีความเห็นอกเห็นใจ ทักษิณ อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและได้สร้างบ้านพักไว้เตรียมรองรับเอาไว้แล้ว

หลังจากนั้นก็มีปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่า ทั้ง อภิสิทธิ์ และ กษิต ทางกัมพูชาทำงานด้วยกันยาก หากจะนำไปเปรียบเทียบกับ ทักษิณ และรวมไปถึง นพดล ปัทนะ ก็น่าจะใช่ เพราะทั้งสองคนแรก พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่มีอยู่ก็ไม่ได้ทำธุรกิจทั้งส่วนตัวและครอบครัว ขณะที่สองคนหลัง โดยเฉพาะ ทักษิณ มีแต่เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน จนสับสนไม่รู้ว่าอย่างไหนเป็นผลประโยชน์ของชาติ อย่างไหนเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจส่วนตัว

กรณีการลงนามในบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยูในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอ่าวไทยที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ในพื้นที่และทรัพยากรธรรมชาติ ก็มีการลงนามร่วมกันในรัฐบาลทักษิณ และไม่มีการนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาให้ประชาชนได้รับรู้

หรือการลงนามรับรองโดยออกเป็นมติคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล “นอมินี” สมัคร สุนทรเวช สนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งต่อมาทั้งศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้ออกมาตรงกันว่าเป็นการกระทำที่มิชอบ หมิ่นเหม่ต่อการสูญเสียอธิปไตยของชาติ

หลายฝ่ายยังมีการระบุเพิ่มเติมอีกว่าเป็นการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในการเข้าไปทำประโยชน์ทางธุรกิจของ ทักษิณ และเครือข่าย

หากจะบอกว่า ถ้า อภิสิทธ์-กษิต อยู่ในตำแหน่งทำให้กัมพูชาไม่มีความสุขหรือทำงานด้วยกันยากด้วยสาเหตุดังกล่าวเมื่อเปรียบเทียบกับในยุคที่ ทักษิณ เป็นผู้นำก็ต้องถือว่าช่วยไม่ได้ เพราะแม้ว่าในยุครัฐบาลของ อภิสิทธิ์ ดีๆชั่วๆอย่างไรก็ตามทุกโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาระหว่างประเทศจะต้องนำเข้าหารือในที่ประชุมรัฐสภาเพื่อให้สาธารณะได้รับรู้ ส่วนไทยจะได้ประโยชน์เสียประโยชน์ก็ต้องมีการถกเถียงกันต่อไป นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ดังนั้นการที่ ฮุนเซน แสดงท่าทีดังกล่าวข้างต้นออกมา ในฐานะคนไทยก็ต้องตอบกลับไปว่า ถ้ากัมพูชายังมีผู้นำที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ไร้มารยาทไม่ต่างจากกุ๊ยคนหนึ่งเรา คนไทยก็ไม่มีความสุขเช่นเดียวกัน

และในกรณีนี้ขอสนับสนุนท่าทีของรัฐบาลไทยที่ตอบโต้รัฐบาลกัมพูชาในวงจำกัด ไม่ให้ประชาชนตาดำๆ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องเดือดร้อน ปล่อยให้ ฮุนเซน-ตักขี้ มันคลั่งไปฝ่ายเดียวก็แล้วกัน!!
กำลังโหลดความคิดเห็น