xs
xsm
sm
md
lg

จับตา“จิ๋ว”พบ“ฮุนเซน”ปูดความลับให้เขมร !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ผ่าประเด็นร้อน"

หลายคนคงงงไม่หายว่า“จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เพิ่งเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของ“ทักษิณ ชินวัตร” มาหมาดๆ มีความจำเป็นอะไรต้องเดินทางไปพบปะกับ ฮุนเซน ถึงกรุงพนมเปญ

พล.อ.ชวลิต มีอำนาจหน้าที่อะไรในตอนนี้ จะอ้างว่าไปพบในฐานะเพื่อน ก็ไม่น่าสมเหตุสมผลที่จะต้องบากหน้าเดินทางไป

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาอีกมุมหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน มีข่าวว่าฝ่ายกัมพูชาอาจเตรียมหยิบยกปัญหาเรื่องปราสาทพระวิหาร และปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา มาหารือในที่ประชุมดังกล่าว ทั้งในรูปแบบทวิภาคี หรือในแบบอาเซียนวงใหญ่ บรรยากาศก็เริ่มเข้าเค้า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณาจากแบ็กกราวด์ไล่เรียงลงไปทั้งจากตัว พล.อ.ชวลิต เอง และย้อนลึกลงไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น“เจ้านาย” ล้วนแต่มีข่าวคราวผลประโยชน์เชื่อมโยงกับผู้นำกัมพูชามาตลอด

ที่ผ่านมาพล.อ.ชวลิต ได้ชื่อว่ามีความใกล้ชิดสนิสนมกับผู้นำกัมพูชาทั้งในด้านส่วนตัว หรือผ่านคนใกล้ชิดมานาน ขณะที่ ทักษิณ ก็ทำนองเดียวกัน ถูกกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งในด้านธุรกิจพลังงานในอ่าวไทย การเช่าเกาะกงนาน 99 ปี โดยแลกกับการสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว

มีแต่เรื่องอื้อฉาวทางลบเต็มไปหมด

เมื่อพิจารณาแบบทฤษฎีเชื่อมโยงทำให้มองได้ว่า การเดินทางไปพบกับฮุนเซน ผู้นำกัมพูชาของพล.อ.ชวลิต เที่ยวนี้ ก็ย่อมสงสัยได้ว่าเป็นการ“รับงาน” เพื่อเคลียร์ผลประโยชน์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ เพราะไม่ว่ามองในมุมไหนในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่มีความจำเป็น เพราะจะยิ่งสร้างความสับสนมากขึ้นเท่านั้น

ที่ผ่านมาปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มมีความซับซ้อนและนำไปผูกติดกับผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจในทางการเมือง และทางทหารบางกลุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้การแก้ปัญหามีความยุ่งยากตามไปด้วย และที่สำคัญฝ่ายไทยมักจะมีความเสียเปรียบอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เป็นประเทศที่เหนือกว่าในทุกด้าน แต่กลับกลายเป็นว่าไทยถูก“ขี่คอ” มาตลอด

โดยเฉพาะการเจรจาปัญหาชายแดนที่ไทยเริ่มเสียเปรียบมาตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ที่ไทยมีท่าทียอมรับแผนที่ฝ่ายกัมพูชาทำขึ้นแต่เพียงฝ่ายเดียว

สำหรับปัญหาประสาทพระวิหารที่ก่อนหน้านี้ไทยได้สูญเสียให้กับกัมพูชาหลังจากพ่ายแพ้คดีในศาลโลก แต่ก็เป็นเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่ารวมพื้นที่รอบปราสาท หรือพื้นที่อื่นๆในบริเวณนั้นอีกประมาณ 3 พันไร่

แต่ในยุคของรัฐบาลนอมินีตั้งแต่ยุค สมัคร สุนทรเวช ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กลับมาสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไทยไม่เคยยอมรับ และสงวนสิทธิ์ตัวปราสาทพระวิหารมาตลอด

การที่ไปยอมรับให้ฝ่ายกัมพูชากระทำการดังกล่าวย่อมต้องเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ทับซ้อนดังกล่าวข้างต้น

อีกทั้งการที่รัฐบาลไทยในยุคนั้นสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเพียงฝ่ายเดียวเป็นการขายอธิปไตยให้กับต่างชาติ ซึ่งต่อมาทั้งศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ตัดสินความผิดออกมาแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมพิสูจน์ถึงความไม่ชอบมาพากลได้ดี

นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาโดย ฮุนเซน ที่มักมีท่าทีสอดรับกับความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ มาตลอด หลังจากที่ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ และมีหลายครั้งที่ผู้นำกัมพูชาให้การต้อนรับ รวมทั้งยังเคยเปิดเผยยอมรับว่ามีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนเกิดเหตุจลาจลในเดือนเมษายนไม่กี่วัน ก็ยังมีข่าวว่า ทักษิณ หลบมากบดานในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ปลุกระดมคนเสื้อแดงอีกด้วย

ล่าสุดการที่จู่ๆ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบกับ “ฮุนเซน” แบบผิดปกติแบบนี้ก็ยอมไม่ธรรมดาแน่ เพราะมองไม่เห็นความจำเป็นเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญเดินทางไปในฐานะอะไร ในฐานะเพื่อนก็ไม่น่าจงใจให้เป็นข่าวเอิกเกริกแบบนี้

นอกจากนี้การเดินทางไปพบในช่วงที่ฝ่ายกัมพูชา อาจหยิบยกเอาปัญหาปราสาทพระวิหารรวมไปถึงความขัดแย้งอื่นมาหารือในวงอาเซียน ทำให้น่าสงสัยว่า “รับงาน” ไปขายความลับให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับรู้ก่อน หรือเป็นการยืนยันข้อตกลงเรื่องผลประโยชน์ให้กับ“บางคน” หรือไม่

ต้องระวังพฤติกรรมคนทรยศ ทำตัวเป็นพระยาจักรีกลับชาติมาเกิดหรือไม่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น