xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.สุวิชา” อึ้ง!! แกนนำ “เสื้อแดง” บอกเป็นอาชีพ ป่วนทั้งที่รู้สู้ไปก็แพ้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ดร.สุวิชา” สมเพชแกนนำ “เสื้อแดง” คิดได้แค่การเมืองเป็นอาชีพ หลับตาสู้ทั้งที่รู้เต็มอกไม่มีทางชนะ ชี้เป้าหมาย “นช.แม้ว” หวังรีเทิร์นเก้าอี้นายกฯ แม้ไม่ถูกยึดทรัพย์ก็ยังป่วน เหน็บอยู่ที่ไหนที่นั้นพินาศ ด้าน “อดีต คตส.” เมินคนร้ายข่มขู่ ยันเดินหน้าพลเมืองดี เข้าให้การคดียึดทรัพย์ 7.6 หมี่นล้าน แน่นอน ขณะที่ “พล.ต.อ.วสิษฐ” มั่นใจ “นช.แม้ว” ไม่หยุดป่วน เชื่อพักยกเพราะทนแรงประณามไม่ไหว ชี้สันดานมักพูดอย่างทำอย่าง เป็นไปได้อาจเลียนแบบ “ฮุนเซน”


คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “รู้ทันประเทศไทย”

รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ออกอากาศทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. สำหรับวันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2552 โดยมี นายสันติสุข มะโรงศรี ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม จากนิด้า รวมถึง นายสัก กอแสงเรือง อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ และพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ร่วมเพิ่มสีสันในรายการ ด้วยการให้นายสันติสุข สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ พูดคุยถึง การเคลื่อนไหวและเป้าหมายที่แท้จริง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นายสันติสุขถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ที่ดูเหมือนเป็นการพักยก แต่ยังมีแกนนำเสื้อแดงทางเหนือขู่ฆ่านายกฯ และในกรุงเทพฯ ก็มีการข่มขู่พยานคนสำคัญ ที่จะต้องขึ้นให้การในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท อย่าง นายสัก กอแสงเรือง อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องบังเอิญหรือจงใจทำ ดร.สุวิชา กล่าวว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ตอนนี้คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ใกล้มีคำพิพากษาแล้ว ดังนั้น ฝ่ายที่เสียผลประโยชน์ จึงต้องเร่งเกมให้เร็วที่สุด กรณีข่มขู่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หรือนายสัก กอแสงเรือง เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ เกือบจะจนตรอกแล้ว หลังจากถูกบีบลงเรื่อยๆ จนหลังพิงฝา ดังนั้น ช่วงสุดท้ายเขาต้องหาทางแก้เกม ซึ่งวิธีที่ใช้ได้ดีที่สุดช่วงนี้ คือ การข่มขู่คนที่ต่อต้าน ทั้งนี้หากมองต่อไปอีก ในเมื่อเล่นเกมข่มขู่ เพื่อให้ประสบความสำเร็จ มักเป็นที่รู้กันดีว่า ต้องเลือกเป้าใหญ่ๆ เหตุผลก็ด้วยตรรกะง่ายๆ สมมุติว่า มีคนคิดต่อต้าน 4 คน ต่อมามีคนหนึ่งที่ต่อต้าน ถูกฆ่า ยิ่งหากคนที่ถูกฆ่า เป็นคนที่มีตำแหน่งใหญ่กว่าคนที่เหลือด้วยแล้ว เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า ขนาดคนที่มีตำแหน่งใหญ่ยังกล้ายิงเลย แล้วนับประสาอะไรกับคนที่เหลือ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้จะใช้ได้ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าคนที่ต่อต้าน จะยอมให้ข่มขู่ได้หรือไม่ อย่าง นายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือพี่น้องพันธมิตรฯ ไม่มีทางข่มขู่ได้

“ได้มีโอกาสคุยกับนักการเมืองเสื้อแดงคนหนึ่ง โดยบอกเขาตรงๆ ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็ไม่มีโอกาสชนะ ซึ่งเขาก็ตอบว่ารู้แล้วว่าไม่ชนะ แต่เมื่อเป็นนักการเมืองแล้วมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถือเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง กดปุ่มแล้วจำเป็นต้องเดินหน้า สะท้อนให้เห็นว่าแนวร่วมเหล่านี้ ไม่ได้จริงใจร่วมหัวชนท้ายกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น ถ้าสถานการณ์เปลี่ยน มีการยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน อาจมีผลต่อการตัดสินใจของเขา ทำให้คนเหล่านี้เปลี่ยนแนวคิดก็เป็นได้” ดร.สุวิชา กล่าว

ดร.สุวิชา กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เครียดกับเงิน 7.6 หมื่นล้านที่จะถูกพิจารณาในต้นปีหน้าเป็นอย่างมาก เนื่องจากเงินก้อนนี้เป็นเครื่องมือจูงใจ ทำให้คนเข้ารวมขบวนการ ฉะนั้น ช่วงนี้ก่อนที่จะมีคำตัดสิน เขาจึงต้องทำทุกวิถีทาง ที่จะเป็นเหตุนำไปสู่การล้มคำตัดสิน ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าหากเงิน 7.6 หมื่นล้านไม่ถูกอายัด พ.ต.ท.ทักษิณ จะคงดำเนินกิจการทางการเมืองอยู่ เนื่องจากเป้าหมายสุดท้ายของเขา อยู่ที่การกลับมาเป็นใหญ่ทางการเมืองอีกครั้ง ขณะเดียวกันนั้น ดร.สุวิชา ได้พูดให้แง่คิดว่า หลายคนพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหนที่นั้นพินาศ ล่าสุดประเทศดูไบ เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ จนต้องขอพักชำระหนี้จากต่างประเทศ อย่าลืมว่าคนเอเชียเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าฮุนเซนกำลังนอนก่ายหน้าผากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศกัมพูชาหรือไม่ หากย้อนมองที่ผ่านมาแล้ว ตนขอถามว่า คนรอบข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ มีใครได้ดีบ้าง

ดร.สุวิชา กล่าวว่าการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ไป จ.เชียงใหม่ ท่านคงคิดดีแล้วว่าเป็นผลดีมากกว่าเสีย คนที่เชียร์ให้นายกฯ ไปต้องมองว่า นายกฯ ไปแล้วได้อะไร จริงอยู่อาจมองว่าเป็นคนกล้า แต่ถ้าหากไปแล้วมีการปะทะกัน สถานการณ์เช่นนั้นจะมั่นใจได้อย่างไร ว่า ทหาร ตำรวจ จะคุมอยู่ แล้วจะได้รับผลกระทบอะไรตามมาบ้าง อีกประการ นายกฯ คงคิดถึง คนเชียงใหม่ที่เป็นพลังเงียบ หากไม่พอใจอะไรคนเหล่านี้จะออกมาเคลื่อนไหว ปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน ของตัวเอง เพราะมีตัวอย่างให้เห็น ที่ผ่านมาเกิดความรุนแรง ขึ้นในกรุงเทพฯ ได้มีมวลชนพลังเงียบ หลายฝ่ายหลายหน่วยงาน ออกมาประณาม

นายสักกล่าวถึงแรงกดดันก่อนเข้าคำให้การว่า วันพฤหัสบดีที่ผ่านมามีการไต่สวนคดี 7.6 หมื่นล้าน โดยในช่วงบ่าย อัยการแถลงว่า วันที่ 1 และ 3 จะไต่ส่วนอดีต คตส.4 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีตนด้วย ต่อมาในคืนนั้น ได้มีคนร้ายยิง กระสุนปืน เข้ามาในสำนักงาน เหตุการณ์นี้ ตนเชื่อว่า เป็นการข่มขู่ เพราะไม่มีมูลเหตุอื่น เมื่อนำเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมาเชื่อมโยงกัน ก่อนหน้านี้ก็มีคนเอาสี มาพ่นหน้าสำนักงานว่าเป็นทาส คมช. และในช่วงปฎิบัติหน้าที่ ก็มีการข่มขู่ ว่า ให้ระวังตัว ขอให้หยุด อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลออกหมายเรียกให้ตนเข้าให้คำให้การแล้ว ตนก็ต้องไปทำหน้าที่ โดยจะพูดถึงเรื่อง การใช้นโยบายรัฐบาล ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์ให้บริษัทในเครือชินคอร์ป ส่วนจะให้คำให้การอย่างไรนั้น ข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ข้อมูลทุกอย่างอยู่ในสำนวนในชั้นศาลหมดแล้ว ไม่มีอะไรเพิ่มเติม

พล.ต.อ.วสิษฐ ประเมินสถานการณ์ท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูเหมือนเป็นการสั่งพักยก ว่า เป็นการปรับกลยุทธ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ หากไม่พักยกตอนนี้ เป็นไปได้ว่า คนไทยต้องออกมาประณาม ว่าเป็นพวกขาดความจงรักภักดิ์ดี เนื่องจากใกล้งานเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช อย่างไรก็ตาม หากจะประเมิน พ.ต.ท.ทักษิณ เราจะต้องมองให้ละเอียด มองในหลายๆ แง่ ที่ผ่านมาพยายามสร้างภาพแสดงความจงรักภักดิ์ดี ด้วยการเชิญชวนให้คนไปนั่งสมาธิ ถวายเป็นพระราชกุศล ที่วัดสามพระยา และดูการให้สัมภาษณ์ทางทวิสเตอร์ ส่อให้เห็นว่าไม่ได้มีท่าที ลดหย่อนการเคลื่อนไหวกดดันสถาบัน รัฐบาล สถาบัน เพราะหากต้องการเปลี่ยนทัศนคติจริง เขาต้องย้อนกลับไปมองพฤติกรรม ที่ผ่านมา เช่นการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา ใส่ร้ายเบื้องสูง ว่า ทรงทราบเรื่องก่อนที่จะมีการรัฐประหาร ล่าสุดก็ให้สัมภาษณ์ มีลักษณะเป็นการจาบจ้วงล่วงเกิน ที่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหากเปลี่ยนราชการ สะท้อนถึงความไม่จงรักภักดิ์ดี คำพูดอย่างนี้หากเป็นคนไทย พอมีสติหน่อย เขาจะไม่พูดอย่างนั้นแน่

พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวถึงคำพูดของนายคำนูณ สิทธิสมาน สว.สรรหา ที่กล่าวถึงการเข้ามามีอำนาจของสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าเข้ามาโดยการใช้กองกำลังจากต่างประเทศ แล้วแทรกแซงสถาบันด้วยการเอา พยายามเปลี่ยนแปลงพระมหากษัตริย์ ที่ครอบงำไม่ได้ออก แล้วเอาพระมหากษัตริย์ที่ตัวเองครอบงำได้ขึ้นครองราชแทน ทำให้อดนึกถึงประเทศไทยไม่ได้ว่านายคำนูณพูดน่าคิด เพราะความสัมพันธ์ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับฮุนเซน ใกล้ชิดและลึกซึ้งกว่าที่คิด มีผลประโยชน์ร่วมกับ ประกอบกับความทะเยอทะยาน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ความไม่นับถือสถาบันและศาลไทย แต่อาจเร็วไป ฉะนั้น ต้องดูต่อไป ว่า การเข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้ประเทศกัมพูชา สุดท้ายจะออกไปรูปไหน ซึ่งตนเชื่อว่า หากเขาต้องการเรียนแบบ ฮุนเซน เร็วๆนี้ ท่าทีการเคลื่อนไหวจะแสดงออกให้เห็นชัดขึ้น

“ไม่เชื่อว่าการหยุดการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงจะเป็นการพักยก ซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่ผู้ร้ายอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ จะประกาศอย่าง แต่ทำอีกอย่าง เนื่องจากเป็นคนที่มีการศึกษา อาจใช้แผนลวงเราได้ ดังนั้น ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ในการสืบสวน ปราบปราม ควรจับตาดูให้ดีว่าที่เขาพูดอย่างนี้ แต่กระทำในทางตรงกันข้ามหรือไม่”

พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวว่า นายกฯ ตัดสินใจ ไม่ไปเชียงใหม่ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกัน จริงอยู่ที่หอาจทำให้หลายคน มองว่านายกฯ ไม่กล้า ทำกลไกการใช้อำนาจของรัฐเสื่อม แต่ต้องดูภาพรวม ของประเทศที่ผ่านมา รัฐบาลดำเนินนโยบาย เน้น อะลุ่มอล่วย ไม่แข็งกร้าว ก็ประสบความสำเร็จ ทำให้ไม่มีการปะทะกัน นอกจากโต้แย้งกันเล็กๆน้อยๆ ความจริงความประวัติเป็นมาของ จ.เชียงใหม่ มีความสำคัญไม่น้อย ชาวเชียงใหม่เอง ก็น่าจะภาคภูมิใจ ไม่ควรให้คนส่วนน้อย มาทำลายให้เสียชื่อเสียง ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาที่จำเป็น ตนเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องไม่ยอมให้เรื่องบานปลาย จนกลายเป็นสงคราม แน่ อย่างไรก็ตาม หากกลายเป็นสงครามจริงๆ ก็นับว่าเป็นผลดี จะได้เห็นความพ่ายแพ้ของ พ.ต.ท.ทักษิณกับพรรคพวกเร็วขึ้น
 ดร.สุวิชา เป้าอารีย์
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
นายสัก กอแสงเรือง
นายสันติสุข มะโรงศรี
กำลังโหลดความคิดเห็น