xs
xsm
sm
md
lg

อดีตทูต เห็นใจ “มาร์ค” ถูกเบรกขึ้นเชียงใหม่ ย้ำหากเป็นตนไปแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อัษฎา” เห็นใจ “มาร์ค” ถูกเบรกขึ้นเชียงใหม่ ย้ำหากเป็นตนไปแน่ ชี้ผลประโยชน์บังตา ดูไบ เมินส่งตัว “นช.แม้ว” แนะใช้ประเทศเพื่อนบ้านกดดัน อัด “สุรเกียรติ์” อยากช่วย ปท.จริง ต้องแฉอะไรบ้างที่ไทยเสียเปรียบเขมร ด้าน “ยะใส” ซัด ความมั่นคง ไร้ประสิทธิภาพ เคลียร์ทางนายกฯไปเชียงใหม่ไม่ได้ บอก “นช.แม้ว” สายเกินกว่าจะเจรจา มั่นใจคนทำธุรกิจการเมืองอย่างแม้ว ไม่กล้าเสี่ยงแตกหัก ดังนั้น จะเห็นภาพ สู้ไปเจรจาไป อีกเรื่อยๆ



คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"

รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-22.00 น.วันที่ 27 พฤศจิกายน 2552 โดยมี นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ดำเนินรายการ ได้รับเกียรติจาก นายอัษฎา ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ ร่วมพูดคุยถึงสาเหตุที่ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงยุติการชุมนุม และวิเคราะห์การเคลื่อนไหวในต่างประเทศ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นายอัษฎา กล่าวถึงสาเหตุที่กลุ่มคนเสื้อแดง ต้องล้มเลิกการชุมนุมกลางคัน ว่า เป็นเพราะเขาประเมินสถานการณ์แล้ว ไปไม่รอด ได้ไม่คุ้มเสีย เนื่องจากคนส่วนใหญ่ออกมาประณาม ไม่เห็นด้วยที่จะเคลื่อนไหวใกล้กับวันพ่อแห่งชาติ จะว่าไปแล้วเดิมที พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการเจรจาให้ได้เงิน 7.6 หมื่นล้าน กลับคืน และไม่ต้องถูกดำเนินคดี แต่เนื่องจากรัฐบาลไม่เจรจาด้วย ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ฟิวส์ขาดสั่งเคลื่อนไหวแตกหักรัฐบาล ส่วนกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศว่า จะเดินสายไปประเทศมาเลเซีย แต่ยังไม่ไป ก็เป็นเพราะว่า ผู้นำมาเลเซีย เขารู้ทัน รอพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อน แล้วค่อยให้ พล.อ.ชวลิต เข้าพบ เรื่องเดียวกันนี้ หากย้อนกลับไปมอง สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะบอกว่าเป็นเรื่องแปลกได้หรือป่าว ยอมเล่นตามบทที่ พล.อ.ชวลิต ยื่นให้ทันทีโดยไม่ลังแล เอาล่ะจะอย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า ไม่ว่า พล.อ.ชวลิต จะเดินสายพบอีกกี่ผู้นำอาเซียน ผู้นำเหล่านั้นเขาให้พบแน่ แต่เขาจะไม่ทำอย่าง ฮุนเซน แน่นอน

ด้าน นายสุริยะใส กล่าวถึงคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกำหนดช่วงเวลาชุมนุม นั้น เชื่อถือไม่ได้ สาเหตุที่ต้องเลื่อนการชุมนุมออกไป เป็นเพราะว่า เขาประเมินผิดพลาด 1.ประเมินสถานการณ์ของ องค์พระมหากษัตริย์ ผิด ถ้าเป็นช่วงที่สถาบันระดับสูงสั่นคลอน อาจง่ายในการใช้มวลชนกดดัน อย่างประเทศเนปาล แต่สถานการณ์ของประเทศไทย ไม่ได้เป็นเช่นนั้น 2.เกิดแรงต้าน จากความผิดพลาด ของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังให้สัมภาษณ์ ไทมส์ออนไลน์ และที่ไปจับมือกับ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งผลให้พลังเงียบ แสดงบทบาทไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชัดขึ้น และ 3.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อาจคิดได้ว่า ตอนนี้คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ ดังนั้น แม้ พล.อ.ชวลิต จะหวังดีหรือตั้งใจจริง ในการแก้สถานการณ์ความแตกแยก คนก็ไม่เชื่อถือ เพราะถูกมองมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า มาเพื่อรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงทำให้เกิดระยะห่าง สุดท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ เล่นสองบทบาท ด้านหนึ่งยุให้แตกหัก อีกด้านหนึ่งบอก เจรจา สันติ จุดนี้เองทำให้แกนนำเสื้อแดงหลายคน รู้สึกว่าถูกหลอก ประกอบกับศึกครั้งนี้ ตนได้ยินข่าวมาว่า ฝ่ายอำมาตย์ เองก็เตรียมเล่นเกมแรงเหมือนกัน ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องปรับเกมใหม่

เมื่อถามว่า ทำไมท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเคยแข็งกร้าว ต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กลับมาพูดว่า จะมีผู้มีบารมี มาเจรจาให้ตกลงกันได้ ตนพร้อมหันหลังกลับ นายสุริยะใส กล่าวว่า โดยธรรมชาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นนักธุรกิจทางการเมือง ไม่ใช่นักสู้ จึงไม่กล้าที่จะเสียงแตกหัก ดังนั้น จะเห็นภาพการ สู้ไปเจรจาไป อย่างนี้เรื่อยๆ แต่อย่าฝันเลยว่าจะมีการเจรจา แค่คิดก็ยากแล้ว มันเลยขั้นการเจรจาไปแล้ว ที่ผ่านมา พล.อ.เปรม โดนเสื้อแดงโจมตี ป้ายสี อย่างหนัก ซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่างไม่น่าให้อภัย

นายอัษฎา กล่าวว่าที่ นายกฯ ตัดสินใจไม่ไปเชียงใหม่ ก็น่าเห็นใจท่านอยู่เหมือนกัน เป็นธรรมดาก่อนจะไป ก็ต้องมีคนที่รับรองความปลอดภัย การที่ ก.ความมั่นคง ก.กลาโหม ตำรวจ ออกมาพูดเหมือนกันว่าอย่าไป ดังนั้น เมื่อคนที่ต้องดูแลรักษาความปลอดภัยบอกไม่ให้ไป ในฐานะที่ท่านเป็นคนของประชาชน จำต้องฟังคนเหล่านี้ หากจะฝืนไปก็คงลำบากใจ หากเกิดอะไรขึ้น ก็จะเป็นข้ออ้างได้ว่า เห็นไหมบอกแล้วว่าอย่าไป อีกอย่างตัวท่านเอง ก็ไม่มีพลัง ไม่มีอำนาจเต็มที่ แม้กระทั่งในพรรค อย่างไรก็ตาม ถ้าหากตนเป็นนายกฯ ตนจะไป เพราะการไม่ไป จะทำให้ภาพลักษณ์ การเป็นผู้นำขาดความน่าเชื่อถือ

นายสุริยะใส กล่าวเสริมว่า นายกจะไปหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น ถึงแม้ในใจตนจะดันทุรังเชียร์ให้ท่านไป ขณะที่ความมั่นคง บอกว่าไม่ให้ไป ก็เป็นสิ่งที่ถูกแล้วที่ท่านจะไม่ไป ที่น่าคิดคือ โปรแกรมการเดินทางครั้งนี้ ถูกออกแบบไว้เป็นปีแล้ว ซึ่งไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นนายกก็ต้องไป เพราะเป็นธรรมเนียมที่หอการค้า ต้องจัดทุกปี และเป็นที่รู้ดีว่า เชียงใหม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง แล้วทำไม หน่วยความมั่นคง ไม่จัดการเคลียร์พื้นที่ ปล่อยให้มีการต่อต้านได้ ตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึง ความล้มเหลวของฝ่ายความมั่นคง ได้เป็นอย่างดี การไปครั้งนี้สำคัญมาก เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของประเทศ เป็นผลดีต่อประเทศ และชาวเชียงใหม่ ถ้าหากเป็นรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ไป เขาเคลียร์ความพร้อมแล้วไว้ ตั้งแต่สองวันก่อนที่จะไปแล้ว

ส่วนกรณีที่สื่อออกมาเสนอ ให้ทำประชาสัมพันธ์บอกคนเชียงใหม่ ว่า หากเกิดเหตุการณ์รุนแรง เศรษฐกิจเชียงใหม่ จะเสียหายอย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า เรื่องนี้ควรพูดกันมาก่อน ต้องเอาผู้ประกอบการ มาแถลงข่าว ชี้แจงให้เห็นว่า จำเป็นต้องใช้เวทีนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ด้านนายนายอัษฎา กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า เขาไม่กล้า คนส่วนใหญ่เขาต้องการที่จะอยู่เฉยๆ ไม่จำเป็นไม่อยากออกมา แม้กระทั่งนักธุรกิจก็กลัว ก็ถูกแล้วที่คนเขาพูดว่า เรื่องเชียงใหม่ คนเชียงใหม่ต้องแก้กันเอง

เมื่อถามว่า เราสามารถหรือมีวิธีไหน ที่จะไปกดดันประเทศดูไบ ให้ความร่วมมือ ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ นายอัษฎา กล่าวว่า โดยมารยาท ประเทศต่างๆ เขาจะไม่ยอมให้ คนที่ลี้ภัยทางการเมืองใช้เป็นที่มั่นต่อต้านอีกประเทศหนึ่ง ยกเว้นประเทศนั้นเป็นสัตรูกับไทย แต่ดูไปไม่ใช่ อย่างไรก็ตาม อำนาจเงินซื้อมนุษย์ได้ ถ้าเราส่งคนไปแล้ว อธิบายแล้ว แต่เขายังไม่เข้าใจ เราน่าจะพูดกับหลายๆ ประเทศในแถบนั้นได้ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา หรือไม่ก็ต่อต้านไม่ให้คนเขามาเที่ยว เพราะคนไทยก็ไม่ค่อยไปเท่าไร หรือไม่ก็หาคนที่สนิทกับผู้นำหรือเจ้า ของดูไบ แล้วพูดให้ฟัง ที่จริงจะว่าไป ประเทศดูไบ เขาก็ไม่ได้เกลียดชังประเทศไทย แต่ความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลไทย จึงเป็นจุดอ่อนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใส่ไฟให้ร้ายประเทศไทย ได้โดยง่าย ดังนั้น รัฐบาลไทยจะต้องส่ง คนที่ชี้แจงได้ ไปให้ข้อเท็จจริง

นายสุริยะใส กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของรัฐบาล ต่อการจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ตนรู้สึกว่า รัฐบาลดูเหมือนพอใจให้พ.ต.ท.ทักษิณ ไปๆมาๆ อย่างนี้ แล้วรับมือแก้หน้ากันไปในแต่ละครั้ง หากรัฐบาลต้องการจับตัวจริง จะต้องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนกว่านี้ เช่น เล่นเกมระดับสากล ใช้ประเทศเพื่อนบ้านร่วมกดดัน วันนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประเทศเพื่อนบ้านกดดันเรา แต่เราไม่ใช้ประเทศเพื่อนบ้านกดดันเขา ด้านนายอัษฎา กล่าวเสริมว่าประเทศเล็กๆ 2-3 ประเทศ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เป็นเครื่องมือกดดันเรา ไม่ได้ผล อย่างดีก็แค่พยายามพูดให้คนที่ไม่รู้ข้อมูลคล้อยตาม ว่า โลกล้อมไทย

นายอัษฎา กล่าวถึงกรณีที่ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แนะรัฐบาลว่า น่าจะเป็นฝ่ายริเริ่มเจรจากับเขมร เพื่อให้ความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศดีขึ้น นั้น สำหรับตนคิดว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะเราไม่ได้เดือดร้อนขนาดนั้นที่จะต้องไปร้องขอเขมร โดยภาพรวม เขมรน่าจะเดือดร้อนมากกว่าเรา และเราน่าจะมีเรื่องต่อรองมากกว่า ภาพรวมของประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เรื่องนี้จู่ๆ จะไปเจรจาไม่ได้ ต้องให้เขมรเดือดร้อนกว่านี้ก่อนค่อยเจรจา ทั้งนี้ สิ่งที่ นายสุรเกียรติ์ จะช่วยชาติได้ น่าไปจะอธิบายสมัยที่คุณ เป็น รมว.ต่างประเทศ 4 ปี อันไหนเป็นเรื่องไทยเสียประโยชน์ เสียเปรียบกัมพูชา นายสุริยะใส กล่าวเสริมว่า นอกจากจะไม่เจรจาแล้ว ไทยควรเพิ่มระดับความกดดันด้วย และเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการทบทวนความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
นายอัษฎา ชัยนาม
นายสุริยะใส กตะศิลา
นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์
กำลังโหลดความคิดเห็น