โฆษกรัฐฯ เชื่อ จนท.ไทยจะได้พบวิศวกรชาวไทยที่ถูกจับกุม สั่งฝ่าย กม.ดูข้อหาว่ารุนแรงเกินเหตุหรือไม่ ฝันลมๆ แล้งๆ เขมรจะไม่กลั่นแกล้งโดยยึดหลักสากล ให้ความเป็นธรรมในคดีนี้ เปิดใจกว้างพร้อมเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน จีบปากพูดความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศอยู่ในระดับต้องทบทวน ไม่ใช่กดดัน เตรียมหารือใน ครม.ปรับระดับความสัมพันธ์ให้เหมาะสม
วันนี้ (16 พ.ย.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลถึงกรณีการช่วยเหลือ นายศิวรักษ์ โชติพงษ์ เจ้าหน้าที่วิศวกรสัญชาติไทย ประจำหน่วยงานจราจรอากาศกัมพูชา หน่วยจราจรอากาศบริษัทคุมการบิน บริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด (CATS) บริษัทในเครือบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นผู้จารกรรมข้อมูลแผนการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปกัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่ได้รับเรื่องว่าประเทศไทยถูกกล่าวหาก็ได้ให้กระทรวงต่างประเทศดำเนินการมาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากติดวันหยุดราชการจึงทำให้การประสานงานในเรื่องของ เอกสารทำได้ไม่สะดวก แต่การประสานในแง่ของการส่งสิ่งของและเครื่องใช้ที่จำเป็นก็ได้กระทำอยู่
นายปณิธานกล่าวว่า การยืนยันเรื่องข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการนั้น เมื่อที่ทำการของกัมพูชาเปิด ก็จะเรียบร้อยขึ้น ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ดำเนินการตามขั้นตอนโดยเร่งด่วน ซึ่งไม่น่าเป็นกังวลใดๆ ทั้งนี้ ทางประเทศไทยได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่กัมพูชาอย่างต่อเนื่องถึง แม้ว่ายังไม่ได้เข้าพบนายศิวรักษ์ แต่คาดว่าภายในวันที่ 16 พ.ย.คงจะได้เข้าพบ เมื่อถามถึงกรณีการประท้วงข้อกล่าวหาของประเทศกัมพูชาอย่างรุนแรง นายปณิธานกล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายขอดูข้อกล่าวหาจากทางกัมพูชาก่อน ทั้งนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศกัมพูชา ซึ่งประเทศไทยเองก็เคารพ คิดว่าคงปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไป แต่ก็จะคอยอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่ามีความมั่นใจได้แค่ไหนว่าคนไทยจะไม่ถูกกลั่นแกล้งในประเทศกัมพูชา นายปณิธานตอบว่า เรื่องนี้เป็นหลักสากล เป็นเรื่องการปฏิบัติต่อประชาชนของกันและกันอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับหลักปฏิบัติที่เราให้กับชาวกัมพูชาในประเทศไทย ยืนยันว่าเรายังเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และจะปฏิบัติต่อกรณีนี้ด้วยความเป็นธรรม ด้วยหลักสากล ทั้งนี้ คิดว่าทางประเทศกัมพูชาเองก็พร้อมที่จะร่วมมือกับเรา
เมื่อถามว่าอะไรที่ทำให้คิดว่าประเทศกัมพูชาจะร่วมมือด้วย นายปณิธานกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่นานาชาติสนใจ นายกฯ ได้เดินทางไปร่วมประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 17 ที่ประเทศสิงคโปร์ และได้รับการสอบถามจากหลายประเทศ เพราะหลายประเทศต้องการเห็นการคลี่คลายสถานการณ์ เรื่องนี้จึงน่าเป็นเรื่องหนึ่งในการร่วมมือกันได้แม้ว่าจะยังไม่ได้รับทราบ ข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าจะต่อสู้ได้เพราะมีช่องทางทางกฎหมาย คิดว่าน่าจะร่วมมือกันได้
“ขณะนี้ยังมีการประสานงานกันอยู่ เพราะต้องยอมรับว่าทั้ง 2 ประเทศกำลังอยู่ในขั้นตอนของการทบทวนความสัมพันธ์ ซึ่งถึงจะเห็นต่างกันได้แต่ในภาพรวมแล้วก็คิดว่าเราน่าจะร่วมมือกันได้ จากการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐอเมริกากับอาเซียนที่ผ่านมาก็ชัดเจนว่าเรื่อง นี้จะไม่กระทบต่อความร่วมมือทางด่านอื่นๆ” นายปณิธานกล่าว
นายปณิธานกล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา นายกฯ ได้เชิญสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเข้าร่วมประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาวะโลกร้อนที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งเข้าใจว่ามีการประชุมเตรียมการก่อนหน้านั้นด้วย นั่นถือว่าการทำงานในด้านอื่นๆ ยังเดินหน้าอยู่ เมื่อถามว่าประเทศกัมพูชาตอบรับคำเชิญหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า เมื่อวานจดหมายเชิญออกไปแล้ว ในนานาชาติเองก็เรียกร้องให้อาเซียนส่งผู้นำร่วมประชุม เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการผลักดันการแก้ไขปัญหาโลกร้อนให้ชัดเจนขึ้น คิดว่ามีแนวโน้มที่ดี
“วันนี้ถือว่าสถานการณ์โดยรวมดีขึ้น แต่เราต้องระมัดระวังและต้องเฝ้าระวังในอีกหลายจุด เช่น การชุมนุมภายในประเทศ จะต้องระวังไม่ให้มีการพาดพิงหรือระวังไม่ให้มีการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงเพราะอาจทำให้กัมพูชารู้สึกไม่พอใจได้ ในขณะเดียวกันก็จะชี้แจงกับประเทศต่างๆ ว่าการชุมนุมเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งคงจะไปห้ามไม่ให้มีการชุมนุมไม่ได้ นี่คือกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยรั ฐบาลไม่ได้เชื่อมโยงกับกลุ่มคนเหล่านั้น แต่ต้องบริหารจัดการให้เกิดความเรียบร้อย เชื่อว่าอีกสักระยะหนึ่งข้อมูลต่างๆ คงจะชัดเจนขึ้น และการเจรจาจะต้องเป็นเรื่องของ 2 ประเทศเท่านั้น รัฐบาลไทยจะไม่นำปัญหานี้เข้าสู่ระบบสากลหรือยกระดับของปัญหา” นายปณิธานกล่าว
เมื่อถามว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 17 พ.ย.นี้จะมีการพิจารณาเพื่อเพิ่มมาตรการกดดันกัมพูชาหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ไม่ได้เรียกว่ากดดันแต่เป็นการปรับระดับความสัมพันธ์ให้เหมาะสม โดยวันที่ 17 พ.ย.จะดูรายละเอียดเพิ่มเติม อาทิ โครงการที่เกี่ยวข้องกับการทับซ้อนของผลประโยชน์ คาดว่าภายในวันที่ 16 พ.ย.กระทรวงการต่างประเทศน่าจะพิจารณารายละเอียดดังกล่าวให้แล้วเสร็จ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลายเรื่องก็ต้องผ่านสภา ซึ่งเราก็ไม่อยากส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าเพื่อชะลอหรือระงับโครงการเหล่านั้น เพราะสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย วันนี้สัญญาณที่ดีอาจจะมาจากกระทรวงการต่างประเทศ ถ้าเขาสรุปมาว่าสถานการณ์ดีขึ้น คดีต่างๆ คืบหน้าไปได้ การเสนอคณะรัฐมนตรีวันที่ 17 พ.ย.ก็คงไม่มีความน่ากังวล เมื่อถามว่าอะไรที่ทำให้เชื่อว่าบรรยากาศกำลังดีขึ้น นายปณิธานกล่าวว่า ดูจากสัญญาณบางอย่างในการปฏิบัติ และบรรยากาศโดยรวมทั่วภูมิภาค แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังไม่ได้ไว้วางใจต่อสถานการณ์