“พัลลภ-มณเฑียร” เมินเข้าชี้แจง กมธ.ยุติธรรม สภา ส่งซีดีบันทึกเสียงพยานกลับคำให้การถูก ปชป.จ้างวาน จน ทรท.ถูกยุบให้ดูต่างหน้า แต่จับพิรุธเทปเสียงมีแต่ถามชี้นำ โมเมเชื่อมี 4 แรงจูงใจให้ใส่ร้ายไทยรักไทย นัดชี้แจงอีกรอบ 9 ธ.ค.พร้อมเปิดให้สื่อมวลชนร่วมฟัง
วันนี้ (25 พ.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการ ได้เชิญ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.รมน.มาชี้แจงกรณีที่ พล.อ.พัลลภ และ พล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปะวณิช สมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 (ตท.10) นำ นายสุขสันต์ ชัยเทศ อดีต ผอ.พรรคพัฒนาชาติไทย และ นายชวการ โตสวัสดิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพัฒนาชาติไทย 2 พยานปากเอกในคดียุบพรรคไทยรักไทย ออกมาเปิดเผยว่า ถูกจ้างวานจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย โดยทั้ง 2 คน ได้มอบซีดีบันทึกเสียงการสนทนาการกลับคำของ 2 พยานให้กับคณะกรรมาธิการเพื่อเปิดฟังด้วย
นายโกวิทย์ ธารณา ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า กรณีนี้หากเป็นเรื่องจริง ถือว่าสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ของพรรคไทยรักไทย ถูกรังแก และตนยอมไม่ได้ที่เล่นการเมืองกันแบบเอาเป็นเอาตายแบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องจริงตนก็คงอยู่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ เพราะรับไม่ได้เช่นกัน แต่เท่าที่ฟังจากเสียงที่บันทึกแล้ว พบว่า เป็นการถามชี้นำของพล.ต.ต.มณเฑียร เสียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเป็นคนเอ่ยถามชี้นำถึงตัวเลข 7 หลักที่จะได้รับ
ด้าน นายประชา กล่าวว่า เมื่อฟังจากซีดีแล้ว สรุปใจความได้ว่า พยานทั้ง 2 คนมีเหตุจูงใจให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย คือ 1.มีการรับรองว่าจะให้ความช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัย 2.จะได้รับความช่วยเหลือด้านคดีความ 3.จะได้รับค่าตอบแทนจำนวน 15 ล้านบาท โดยทยอยจ่ายเป็นงวดและให้ก่อน 1 แสนบาท และ 4.สัญญาว่าหากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะให้ตำแหน่งอื่นๆ และให้ลงสมัคร ส.ส.ด้วย โดยส่วนตัวเชื่อว่า มีมูล และทางกรรมาธิการจะหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้กระจ่างเพราะกระทบต่อหลายฝ่าย แต่จะต้องรับฟังจากพยานทั้ง 2 คน โดยตรงก่อน
นายประชา กล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการครั้งหน้าในวันที่ 9 ธ.ค.ทางกรรมาธิการจะเชิญ พล.อ.พัลลภ พล.ต.ต.มณเฑียร และ 2 พยานปากเอก คือ นายชวการและ นายสุขสันต์ รวมทั้งตัวแทนศาลรัฐธรรมนูญ ตัวแทน กกต.ตัวแทนอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ตัวแทนกระทรวงยุติธรรม ผู้ตรวจการแผ่นดิน องค์กรพีเน็ต และที่สำคัญคือต้องเชิญ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกพาดพิงโดยตรงมาชี้แจงด้วย แต่หากนายสุเทพมาไม่ได้ก็ให้ชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของตัวท่านเองว่าจะรักษาสิทธิ์หรือไม่ และจะเปิดให้สื่อมวลชนรวมทั้งตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆเข้ารับฟังอีกด้วย