โฆษก ปชป.กังขา “นช.แม้ว” ยึดวันเหตุการณ์ “คุกบาสตีย์” จดทะเบียนตั้ง ทรท. ชี้เครือข่ายเสื้อแดงใช้เหตุการณ์ประวัติศาสตร์เชิงสัญลักษณ์กระทบชิ่งสถาบันเบื้องสูงมาโดยตลอด แฉเสื้อแดงเตรียมใช้เขมรเป็นแหล่งซุกหัวหลังป่วนชาติ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (22 พ.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันคือ การปลุกระดมและพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยล่าสุดมีการพาดพิงสถาบันของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่าเหตุการณ์ในประเทศไทยอาจจะเหมือน “คุกบาสตีย์ 2” นอกจากนี้ ในเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย และกลุ่มเสื้อแดง ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยใช้ลักษณะการเปรียบเทียบเชิงประวัติศาสตร์และเหตุการเชิงสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในตัวสถาบันสูงสุดและสถาบันองคมนตรี
“ประเทศชาติที่เกิดความรุนแรงในอดีตถึงขั้นล้มล้างสถาบัน เปรียบเทียบไม่ได้เลยกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ที่ราชวงศ์ทุกพระองค์ทรงปกป้องรักษาช่วยเหลือคนไทยมาโดยตลอดจะเป็นภูมิคุ้มกันที่สำคัญที่สุด แต่ไม่มีคนไทยคนใดที่จะยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นประมุข ไม่ว่าจะมีรูปแบบรัฐไทยใหม่ สภาเปรสิเดียม หรือการสถาปนาระบอบประธานาธิบดี พรรคจึงอยากเรียกร้องให้หยุดการพาดพิงสถาบัน ในลักษณะดังกล่าวเพราะเป็นการกระทำไม่สำนึกของการเป็นคนไทย และไม่เหมาะสมที่จะเรียกว่าเป็นคนไทยที่มีความจงรักภักดี”
นพ.บุรณัชย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนยังอยากตั้งข้อสังเกตกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จดทะเบียนตั้งพรรคไทยรักไทยในวันที่เกิดเหตุการณ์เดียวกับคุกบาสตีย์ ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือ จงใจ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนกัมพูชา รายงานว่าทางรัฐบาลกัมพูชาจะให้ที่พักพิงกับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงว่า พรรคประชาธิปัตย์เคยรับรู้ข้อมูลตั้งแต่เดือนเมษายน แต่ไม่ต้องการให้กระทบต่อความสัมพันธ์ แต่เมื่อมีกระแสข่าวออกมาอีกครั้ง ก็อยากเรียนไปถึงกลุ่มเสื้อแดงว่าจะต้องไม่ดึงรัฐบาลประเทศอื่นให้การสนับสนุนไม่ว่าฝ่ายใด ต่อเหตุการณ์ความวุ่นวายในประเทศไทย เพราะการกระทำลักษณะดังกล่าวจะเพิ่มปมประเด็นความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นพฤติกรรมทำลายประเทศไทยอย่างไม่น่าให้อภัย จึงอยากให้ทุกฝ่ายเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากมีวัตถุประสงค์ให้เกิดความวุ่นวาย มุ่งปลุกดระดมให้เกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ 5 ด้าน คือ 1.กระทบความเชื่อมั่นจากต่างชาติ ทำให้การลงทุนลดลง 2.กระทบความเชื่อมั่นในประเทศจะทำให้คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง 3.หนี้สินไม่สามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะหนี้สินภาคเกษตรกร 4.การว่างงานของภาคอุตสาหกรรมจะมากขึ้นโดยต้นปีมีการคาดการณ์ว่าจะมีการว่างงาน 1 ล้านคน โดยคาดว่ารัฐบาลนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้ โดยมีการสร้างงานไปแล้ว 4 แสนตำแหน่ง และตั้งเป้าว่า 2 ปีจะสามารถสร้างงานได้อีก 1 ล้านตำแหน่ง รวมเป็น 1.4 ล้านตำแหน่ง แต่หากเกิดการชุมนุมก้จะทำให้การสร้างงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และ 5.กระทบต่อการท่องเที่ยว โดยเดือนเมษายนที่ผ่านมาทำให้ตัวเลขลดลงไปร้อยละ 20 แต่ภายหลังมีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ทำให้ตัวเลขบวกขึ้นร้อยละ 18 แต่หากเกิดความวุ่นวายในช่วงเดือนธันวาคมจะทำให้ตัวเลขนักท่องที่ที่คาดว่าจะมาอีก 4 แสนคนไม่ตรงไปตามเป้า
ด้าน นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์แถลงว่า การนัดชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 28 ธ.ค.นั้น หมดความชอบธรรมแม้จะบอกว่าจะชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แต่การชุมนุมที่ผ่านมาเป็นการชุมนุมที่มีแต่การใช้ข้อความที่เป็นเท็จ ปลุกระดมจึงทำให้หมดความชอบธรรมที่จะชุมนุมต่อไป 3 ข้อ คือ 1.ช่วงเวลาที่นัดชุมนุมเป็นช่วงเวลาของความสงบที่จะชื่นชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเดือน ธ.ค.คนไทยทั่วประเทศเตรียมที่จะเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2.การที่เสื้อแดงส่งสัญญาณหลายเรื่อง เช่น การออกอากาศของวิทยุที่ จ.เชียงใหม่ ปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรง 3.แกนนำเสื้อแดงใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จกับผู้ร่วมชุมุนม เช่น เรื่องที่ว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในรถ ถึงขณะนี้ก็กลับคำให้การและบอกว่ารัฐบาลจะมีการลอบฆ่าอดีตนายกรัฐมนตรี จึงขอให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมฟังข้อมูลให้รอบด้าน ขอให้ทุกท่านกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ
“อยากเรียกร้องแกนนำเสื้อแดงทั้ง 3 ท่าน แนะนำให้ไปหางานทำที่ได้เงินอย่างอื่นไม่ทำให้ประเทศชาติสูญเสียผลประโยชน์ นายจตุพรควรกลับไปเตรียมข้อมูลเพื่อเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยหน้า นายณัฐวุฒิก็ให้กลับไปสภาโจ๊ก ส่วนนายวีระก็กลับไปเลี้ยงหลาน ถ้าทำได้อย่างนั้นประเทศชาติก็จะเจริญยิ่งขึ้น” นายสาธิตกล่าว