แก๊งสามเกลอ แจง อีเวนต์ยกแรก 28 พ.ย.-2 ธ.ค.ไม่หวั่นเหากินกบาล ใช้วันพ่อเป็นเงื่อนเวลา ขีดเส้นตาย รบ.โม้แหลกเกณฑ์มวลชน 1 ล้านคน ข้องใจ “เนวิน” ประธานจัดงานฯ ร้องเปลี่ยนตัว “ไอ้ตู่” ตีกรรเชียงหนี อ้างรู้ทันไม่ตกหลุมพรางเปิดคลิปเสียงดักฟัง ด้าน “อีเพ็ญ” เลิกสังฆกรรมเสื้อแดง ชี้ ล้ม รบ.แล้วได้ ปชต.แท้จริงหรือไม่ โยนบาปสื่อใช้กำลังล้ม รบ.
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มนปช.แดงทั้งแผ่นดิน แถลงว่า ที่ประชุม นปช.แดงทั้งแผ่นดิน มีมตินัดระดมพล เวลา 12.00 น.วันเสาร์ที่ 28 พ.ย.ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะปักหลักตั้งเวที 1 คืน วันที่ 29 พ.ย.หลังจากทหารทำพิธีซ้อมสวนสนาม ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเสร็จสิ้น คนเสื้อแดงจะเดินผ่านถนนราชดำเนิน เพื่อไปตั้งเวทีปราศรัยที่แยกสวนมิสกวัน ในวันที่ 30 พ.ย.ตั้งเป้าว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุม 1 ล้านคน จะเดินขบวนไปตามถนนสายสำคัญทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นการแสดงพลังที่ยิ่งใหญที่สุด เย็นวันเดียวกันจะกลับมาปักหลักชุมนุม ไปจนถึงเช้ามืดวันที่ 2 ธ.ค.แยกย้ายกันกลับ เนื่องจากวันดังกล่าวเป็นวันสวนสนามเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คนเสื้อแดงในฐานะพสกนิกรจะยุติการชุมนุมโดยสงบ เพื่อให้พิธีการสวนสนามเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และยิ่งใหญ่ อย่างที่ได้ปฏิบัติมาทุกปี
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หลังวันที่ 2 ธ.ค.หากรัฐบาลยังเพิกเฉยต่อเสียงเรียกร้องประชาชนนับล้านคน ยังไม่ตัดสินใจยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน คนเสื้อแดงจะกลับมาชุมนุมอีกครั้ง หลังวันที่ 5 ธ.ค.คราวนี้จะมีคนมาชุมนุมมากกว่าเดิม จะชุมนุมยืดเยื้อจนกว่าจะได้รับชัยชนะ ไม่อย่างนั้น รัฐบาลก็อย่าหวังว่าจะได้ฉลองปีใหม่อย่างสบายใจ ทั้งนี้ หากรัฐบาลจะถอนประกันคนเสื้อแดง หรือประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง กลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่เลื่อน หรือปรับเปลี่ยนวันชุมนุม อยากให้รัฐบาลรักษา 2 มาตรฐานตรงนี้ไว้ จะได้รู้กันว่าคนเสื้อแดงใช้สิทธิเสรีภาพ ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ไม่ได้ ขณะที่คดีของพันธมิตรฯก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เรื่องนี้เราไม่เคยวิตก ที่พูดไม่ได้ประชด คราวนี้อยากให้รัฐบาลประกาศใช้กฎอัยการศึกเลย
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ก่อนการนัดหมายชุมนุมใหญ่ กลุ่มคนเสื้อแดงจะจัดชุมนุมสัญจรทุกภาคระหว่างวันที่ 23-26 พ.ย.โดยแต่ละจังหวัดที่เดินทางไปจะเชิญแกนนำในพื้นที่มาพบปะพูดคุย เพื่อให้ยุทธวิธีเป้าหมายล้มรัฐบาลเป็นไปอย่างเดียวกัน ภายใต้ชื่อ โรงรบแดงทั้งแผ่นดิน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนตัวประธานจัดงาน 5 ธันวามหาราช จากนายเนวิน ชิดชอบ เป็นคนอื่น เนื่องจากนายเนวินเป็นนักการเมือง ที่มีภูมิหลังคลางแคลงใจคนในสังคม หลายเหตุการณ์มีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจ นายเนวิน ไม่มีความสง่างาม ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม รัฐบาลไม่ควรเปิดโอกาสให้ใครบางคนใช้ประโยชน์ทางการเมืองจากสถานะดังกล่าว
ส่วนกรณีที่กัมพูชาจับตัว นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย คนเสื้อแดงตั้งข้อสังเกต ว่า น่าจะได้รับคำสั่งจากคนในรัฐบาล และทราบว่า ข้อมูลที่ นายศิวรักษ์ หยิบมา ไม่ใช่แค่ข้อมูลการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ยังมีข้อมูลการบินของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ด้วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้าน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความเป็นลูกชายออกมา เพราะขณะนี้ยังไม่เห็นคนในรัฐบาลออกมา เท่ากับใช้คนไทยเป็นเหยื่อของสถานการณ์
ด้าน นายจตุพร กล่าวว่า กรณีที่ นายเนวิน เป็นประธาน 5 ธ.ค.นั้น ถ้าเป็นงานวันเกิด นายชัย ชิดชอบ พ่อของ นายเนวิน เราคงไม่เดือดร้อน แต่งานนี้เป็นการจัดงานให้พ่อคนทั้งแผ่นดิน รัฐบาลควรนำคนที่มีเกียรติมาจัดงาน นายเนวิน ทำเรื่องไม่บังควรหลายเรื่อง โดยเฉพาะความพยายามที่เอาสถาบันมาเป็นเครื่องมือ ลบคราบไคลทางการเมือง และเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ยกความดีความชอบของนายเนวินออกมาบอกถึงเหตุผลการเป็นประธาน 5 ธ.ค.อีกทั้งการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ ปกติจะจัดงานที่ท้องสนามหลวง แต่ครั้งนี้กลับเลือกลานพระบรมรูปทรงม้า จัดงานระหว่างวันที่ 5-13 ธ.ค.ถือว่าเป็นการล็อกไม่ให้คนเสื้อแดงได้ไปชุมนุมในบริเวณดังกล่าว แต่ไม่เป็นอะไร เรายังมีวันที่ 14 ธ.ค.
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เรียกร้องให้ตนเปิดเผยเทปบันทึกการสนทนา รมว.ต่างประเทศ กับเลขานุการเอก และเลขานุการเอกกับวิศวกรคนไทยว่า เราเอาเทปมาเปิดไม่ได้ รัฐบาลพยายามยั่วให้ตนนำเทปดังกล่าวมาเปิดเผย เพื่อที่จะเล่นงานข้อหาการดักฟัง ซึ่งรู้ทันรัฐบาล ดังนั้น ตนจะไม่เปิดหรือพูดว่าเคยได้ยินเทปดังกล่าวแล้ว ขณะที่รัฐบาลกัมพูชากำลังรอดูท่าทีรัฐบาลไทย ว่า จะมีปฏิกิริยาอย่างไรออกมา เชื่อว่า ในเร็วๆ นี้ กัมพูชาจะเปิดเทปดังกล่าว อยากให้ไปรอฟังจากทางโน้นดีกว่า เรื่องนี้มันไม่หมูอย่างที่คิด เมื่อเปิดออกมาแล้ว ไม่เฉพาะคนไทยที่จะได้รับฟัง แต่คนทั้งโลกจะได้รับรู้ด้วย
นายจตุพร ยังกล่าวถึงพยานคดียุบพรรคไทยรักไทย 2 คน ที่มากลับคำให้การว่าถูกว่าจ้างจากพรรคประชาธิปัตย์ให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย ว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่เป็นต้นเหตุทำให้ยุบพรรค ออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรบ้าง เพื่อคืนความชอบธรรมให้ 14 ล้านคน อย่ารอหวังให้ พล.อ.เปรม ช่วยเหลือเรื่องคดี เพราะถ้าช่วยได้ พยานทั้ง 2 คน คงไม่ออกมาให้ข้อมูล พล.อ.พัลลภ
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวเรื่องคลิปเสียงนายกษิต อาจถูกมองว่า สมรู้ร่วมคิดกับรัฐบาลกัมพูชา นายจตุพร กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่กัมพูชามีอยู่แล้ว และจะเอามาตอกหน้ารัฐบาลไทยเร็วๆ นี้ แต่ตอนนี้รัฐบาลกำลังบิดประเด็นมายัดข้อหาดักฟังให้พวกตน แต่ขอบอกว่าเรื่องนี้ไม่หมู
เมื่อถามย้ำว่า ได้ฟังหรือเห็นเทปเสียงแล้วหรือไม่ นายจตุพร กล่าวตอบด้วยท่าทีหงุดหงิดว่า เอาเป็นว่า ตนรู้อะไรต่อมิอะไรขนาดนี้ ก็ไม่น่าจะถาม ตนพูดไม่ได้ เพราะว่ากำลังชิงไหวชิงพริบกันอยู่
ต่อมา นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแดงสยาม ได้โฟนอินมาปฏิเสธข่าวกรณีให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เกี่ยวกับการปฏิบัติการทางทหารที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน และอาวุธยุทโธปกรณ์ ว่า ไม่ได้ให้สัมภาษณ์เช่นนั้น แต่การให้สัมภาษณ์ของตนนั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2552 ผู้สื่อข่าวคนนั้น คือ Mr.Shawn Crispin ของ Asia Times Online ซึ่งตนได้ถ่ายภาพเป็นหลักฐานไว้ด้วย เราคุยกันในประเด็นกว้างๆ เกี่ยวกับอนาคตการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตยและวิสัยทัศน์ของตนต่อการเมืองไทย จากนั้น Mr.Shawn ได้เขียนรายงานจากบทสัมภาษณ์นั้นเผยแพร่โดยทั่วไป และไม่ปรากฏว่า มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสะสมหรือขนย้ายอาวุธเลย และสื่อไทยก็คว้าเอามาเป็นข่าวเหมือนกับเป็นเรื่องจริง โดยไม่เคยตรวจสอบกับตนเลย ทำให้เกิดคำถามว่าคนเหล่านี้มีแผนอะไรกัน ตนคิดว่าเป็นเจตนาป้ายสีตน โดยหวังให้เกิดผลทางการเมือง
“ผมย้ำว่า การเตรียมการใดๆ ในการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นจากสถานที่ใดก็ตาม ไม่ใช่แนวทางของผม และผู้สนับสนุนตัวผมอย่างเด็ดขาด การเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยจะต้องเกิดจากพลังขับดันภายในประเทศ โดยสงบสันติ เมื่อปวงชนชาวไทยมีความพร้อมแล้วเท่านั้น” นายจักรภพ กล่าว
เมื่อถามคิดอย่างไรกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง นายจักรภพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีงามการรวมมวลชนในลักษณะใดก็ตาม ถือเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้ในอนาคตทั้งสิ้น ไม่ว่าจะชุมนุม หรือเล่นคอนเสิร์ต เป็นการประคองขบวนการประชาธิปไตย การเมืองมวลชนเป็นเรื่องดี
เมื่อถามว่า แกนนำความจริงวันนี้ ประกาศว่า จะล้มรัฐบาลให้ได้คิดว่าตอนนี้เหมาะสมกับสถานการณ์หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า วันนี้ไม่ว่าฝ่ายความจริงวันนี้ หรือฝ่ายผม หรือฝ่ายใคร มันคือฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน เพียงแต่ว่าแนวทางการต่อสู้มันมีนัยในการรับผิดชอบต่อพี่น้องกลุ่มนั้น คิดว่า การล้มรัฐบาลก็ดี มันต้องคิดถึงความจริงว่าเมื่อโค้นได้แล้วเราได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับมาหรือไม่ หากไม่ได้กลับคืนมา แต่เป็นขั้นแรกในการบรรลุถึงเป้าหมายผมถือว่าเป็นประโยชน์ ที่จะเป็นการส่งไม้ต่อในระยะต่อไป
เมื่อถามว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มแดงสยามกับ 3 นปช.เป็นอย่างไร นายจักรภพ กล่าวว่า เรายังเดินไปสู่ประชาธิปไตยในความหมายเดียวกัน คือ ปวงชนชาวไทยมีอำนาจสูงสุด ผมเองนั้นไม่มีความเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ ส่วนเรื่องของยุทธวิธีว่าจะเดินไปอย่างไรนั้นตรงนี้เห็นแตกต่างกันได้ เชื่อว่า มันจะร่วมความคิดที่ดีที่สุดได้
“เจตนารมณ์ของฝ่ายประชาธิปไตยนั้นเหมือนกันหมด ไม่มีความแตกต่างกัน ไม่มีความแตกร้าวในด้านความคิดใดทั้งสิ้นๆ ความหลากหลายมีเพียงในด้านยุทธวิธี ผมเชื่อว่า เวลาจะสมานเรากลับเข้ามาด้วยกัน แต่ระยะนี้ขอร้องว่าเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยด้วยกันอย่าทำร้ายกันเอง” นายจักรภพ กล่าว
เมื่อถามว่า ได้ติดตามเรื่องคิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ได้ติดตามอยู่ ก็ไม่แน่ใจว่าขณะนี้มันเกิดอะไรขึ้น เพราได้ข่าวว่าเลื่อนแล้วเลื่อนอีก อัยการไม่สั่งฟ้องสักที ใจผมนั้นอยากให้เรื่องนี้จบให้เร็วที่สุด พร้อมสำหรับทุกอย่างอยู่แล้ว แล้วก็ทราบเหตุที่ถูกใช้เพื่อประโยชน์ในการต่อสู้ทางการเมือง
เมื่อถามว่า ตอนนี้คุณจักรภพอยู่ที่ไหน นายจักรภพ กล่าวว่า หลังจากที่ผมออกจากประเทศไทย ได้เดินทางไปหลายประเทศ ประเทศกัมพูชาก็เคยได้ และล่าสุด ที่ท่านทักษิณได้เดินทางไป ผมก็ได้เดินทางไปพบท่านที่ประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ ก็ยังได้ไปในหลายประเทศทั้งในแทบทวีปยุโรป และประเทศในกลุ่มอาเซียน แต่ไม่ได้อยู่ประเทศแบบถาวร ที่ตนไปก็เพื่อฟ้องกับประเทศต่างๆ ว่า ที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย
เมื่อถามว่า จะกลับประเทศไทยเมื่อไหร่ นายจักรภพ กล่าวว่า อยากใช้เวลาในระหว่างนี้อธิบายความกับทั่วโลกก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองไทย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกลับไปแล้วแสดงจุดยื่นแล้วตัวเองรอด จะไม่ทำอย่างนั้นเป็นอันขาด แต่จะทำตรงกันข้ามไปประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพราะความผิดฝ่ายอำมาตมันเยอะมาก
เมื่อถามว่า ได้คุยกับ พ.ต.ท.ท.ทักษิณ เป็นอย่างไรบ้าง นายจักรภพ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันเป็นระยะๆ ทั้งทางโทรศัพท์ แต่ไม่ค่อยได้ไปเจอตัว แต่การเดินทางมาประเทศกัมพูชาครั้งล่าสุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนก็ได้ไปพบ ที่ผ่านมา มีหลายคนให้คำแนะนำท่านทักษิณเยอะ แต่มีคนเดียวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ฟังมากที่สุด คือ เสียงประชาชน
เมื่อถามว่ากลุ่ม นปช.จะปิดเกมก่อนสิ้นปี นายจักรภพ กล่าวว่า คงจะไม่วิจารณ์ แต่ใครรับผิดชอบงานด้านมวลชน ก็อวยพรให้ประสบความราบรื่น ขอให้ทุกฝ่ายทำดีที่สุด