นายกรัฐมนตรี สั่งการกระทรวงการต่างประเทศ ใช้ข้อตกลงการคุ้มครองการลงทุนกับกัมพูชา หลังเข้ายึด บ.แคมโบเดีย เชื่อไม่ทำให้นักลงทุนไทยเสียขวัญ แต่เป็นกระบวนการเดียวกันที่ต่อเนื่องจากการจับกุมวิศวกรไทย แขวะ “จตุพร” ตกเป็นลูกไล่เขมรไปแล้ว ท้าเปิดคลิปเสียง วอนอย่าใช้คนไทยเป็นเหยื่ออารมณ์ ยินดีรับตัว “นช.แม้ว” มาติดคุก หากเข้ามาเหยียบแผ่นดินที่อีสาน
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (19 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียก นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ มาพบที่ห้องรับรองนายกฯ ชั้นสอง อาคารรัฐสภาหนึ่ง โดยใช้เวลาหารือราวครึ่งชั่วโมง คาดว่า น่าจะเป็นการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดระหว่างไทยกับกัมพูชา พร้อมให้สัมภาษณ์กรณีที่กัมพูชาสั่งให้พนักงานคนไทย 8 คนในบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด (CATS) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ออกจากพื้นที่และมอบให้สำนักนายกฯกัมพูชาเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แทน ว่า เป็นเรื่องที่ดำเนินการเกี่ยวกับบริษัท ตนมอบให้กระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการด้านข้อตกลงการคุ้มครองการลงทุน และบริษัทจะปรึกษากับกระทรวงการต่างประเทศ ว่า จะรักษาสิทธิของตัวเองได้อย่างไร
เมื่อถามว่า เหตุการณ์จะลุกลามและกระทบกับคนไทยในกัมพูชาหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เป็นเรื่องเดียวกัน เมื่อกัมพูชาตั้งข้อหากับ นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกร บ.CATS ว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความลับก็พยายามที่ใช้มาตรการที่อ้างว่าเพื่อรักษาความมั่นคง มันจึงเป็นเรื่องเดียวกัน แต่เรื่องอื่นๆ นั้น กระบวนการยุติธรรมก็จะเดินไป และเราจะดำเนินการในด้านทนายความ
เมื่อถามว่า คิดว่า กัมพูชาจะยกเลิกสัมปทานนี้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า คิดว่าขณะนี้ยังไม่เดินไปถึงขนาดนั้น มันเป็นคำสั่งศาลที่กัมพูชานำไปดำเนินการ เมื่อถามว่า การตั้งข้อหากับนายศิวรักษ์ ที่คล้ายว่ากัมพูชาจริงจังในเรื่องนี้นั้น การปล่อยตัวนายศิวรักษ์จะยากขึ้นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณบ่งบอกชัดว่าจะเป็นเรื่องที่ลุกลามบานปลายออกไป โดยไทยได้เตรียมตัวอยู่ และด้านอื่นๆ นั้นยังไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อถามว่า เหตุการณ์นี้เอกชนไทยที่ลงทุนในกัมพูชาจะเสียขวัญหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องอธิบายให้เข้าใจว่าสถานการณ์เกิดขึ้นเกิดจากอะไร เมื่อถามว่า รัฐบาลจะช่วยเหลือและดูแลอะไรให้บ้าง นายกฯกล่าวว่า ด้านกฎหมายเป็นหลัก ส่วนเรื่องของ นายศิวรักษ์ นั้น พยายามที่จะจัดให้มีการนำ นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดา นายศิวรักษ์ ไปเยี่ยม
เมื่อถามว่า ระบุได้หรือไม่ว่าได้ตัวทนายความที่กระทรวงการต่างประเทศจัดให้นายศิวรักษ์แล้ว นายกฯกล่าวว่า ตนเข้าใจว่าได้ตัวแล้ว เมื่อถามว่า ข้อกล่าวหาของนายศิวรักษ์นั้นค่อนข้างรุนแรงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า นายศิวรักษ์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาจึงต้องต่อสู้กันทางกฎหมาย
เมื่อถามว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ระบุว่า มีเทปลับบันทึกการสนทนาระหว่าง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กับเลขานุการเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา ให้ นายศิวรักษ์ นำข้อมูลการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ออกมา นายกฯ กล่าวว่า ไม่เห็นนำมาเปิดเลย และตนเพิ่งทราบว่า นายจตุพร มีการแบ่งข้อมูลกับกัมพูชา เพราะนายจตุพรพูดเองว่ากัมพูชาเก็บข้อมูลไว้ แสดงว่า นายจตุพร กับกัมพูชาต้องติดต่อกัน เมื่อถามว่า ข้อมูลของนายจตุพรนั้นจะมีผลกับคดีของนายศิวรักษ์ และการดำเนินการของรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่หรอก เพราะนายกษิตท้าให้นายจตุพรเปิดเทปแล้ว
เมื่อถามว่า นายจตุพร เป็น ส.ส.ของประเทศไทย การกระทำการแบบนี้จะเป็นภัยกับความมั่นคงของประเทศไทยหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะตนทราบเพียงว่าจะรักษาผลประโยชน์ของคนไทยอีกหรือไม่ เมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่ตอนนี้มีการนำชีวิตของคนไทยมาใช้เป็นเครื่องมือ นายกฯ กล่าวว่า พยายามดูแลอยู่และจะไม่ให้นำมาเป็นเรื่องกดดันในสิ่งที่ไทยยืนยันไปแล้ว และมาตรการของไทยก็อยู่ในจุดที่เรียกว่ายังไม่ต้องปรับเปลี่ยน เมื่อถามว่ากัมพูชานำเรื่องเหล่านี้มาต่อรองให้ไทยอ่อนข้อหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าอาจเป็นความพยายาม แต่ตนคิดว่าคงไม่เป็นปัญหาสำหรับคนไทยในต่างประเทศและมั่นใจว่าดูแลได้
เมื่อถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับการเมืองไทยที่นำผลประโยชน์ของชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนำมาเล่นเกมการเมือง นายกฯกล่าวว่า ต้องไปถามคนที่กระทำสิ่งเหล่านี้ เมื่อถามว่า มองว่านายจตุพรซึ่งเป็นส.ส.ของประเทศไทยที่กระทำตัวแบบนี้ เป็นการทำลายบ้านเมืองหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าตนย้ำไปแล้วว่าสิ่งต่างๆที่กระทำอยู่แบบนี้ ตนคิดว่าคนอื่นไม่กระทำกัน เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะนำสังคมไปสู่ความขัดแย้งและจะได้สติกันหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนหวังว่าจะได้สติกัน ไม่ใช่นำประโยชน์ของคนไทยและประเทศไปแลกกับอะไร
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า เร็วๆ นี้ จะเข้าสู่ประเทศไทยด้านชายแดนภาคอีสาน นายกฯกล่าวว่า หากเข้ามาก็ต้องมารับโทษทางกฎหมาย เมื่อถามว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศจริง จะเกิดความวุ่นวายในประเทศหรือไม่ เพราะคนเสื้อแดงอาจลุกฮือ และอาจเกิดจลาจลขึ้น นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่รักษากฎหมาย เมื่อถามว่าเรื่องนี้เข้าข่ายตามที่ นายจตุพรระบุว่า จะปิดเกมไล่รัฐบาลก่อนวันที่ 2 ธ.ค.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มันไม่ใช่เรื่องเกม รัฐบาลไม่ประสงค์จะเล่นเกม เพราะรัฐบาลต้องการรักษากฎหมายและความถูกต้องในบ้านเมืองซึ่งเป็นหน้าที่ และประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องกระทำก็ต้องสนับสนุนให้บ้านเมืองปกครองด้วยกฎหมายนั้น ตนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการได้
เมื่อถามว่า นายกฯ ระบุในช่วงเช้าวันนี้ ว่า ปี 2553 นั้น วิกฤตจากเหตุการณ์ทางการเมืองนั้นยังคงอยู่ และต้องเผชิญกับอะไรบ้าง นายกฯกล่าวว่า ความขัดแย้งยังดำรงอยู่ตราบเท่าที่ยังมีบางส่วนไม่ยอมรับกติกาที่เกิดขึ้น และเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันในสังคมและภาพรวม ตนคิดว่า นับวันก็จะมีความชัดเจนมากขึ้นว่าใครต่อสู้เพื่ออะไร ตนยังมั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่เริ่มมองเห็นว่าจริงๆ แล้วมันถึงเวลาแล้วที่จะทำให้บ้านเมืองหลุดพ้นผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม
เมื่อถามว่า คนที่พยายามทำให้เกิดความวุ่นวายนั้นหวังอะไร นายกฯกล่าวว่า มั่นใจว่า กระทำไม่สำเร็จหรอก โดยเหตุผลที่มั่นใจ คือ สิ่งที่ฝ่ายนั้นกระทำนั้นมันขัดกับความถูกต้อง และมั่นใจว่าคนไทยส่วนใหญ่ต้องการเห็นความถูกต้อง เมื่อถามว่า สถานการณ์ปลายปีนี้จะแรงขึ้นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ฝ่ายนั้นคงพยายามทำให้แรงขึ้น และรัฐบาลจะพยายามระมัดระวังไม่ให้เกิดความรุนแรงและไม่ให้กระทบการทำงานที่มีผลประโยชน์กับส่วนรวม
เมื่อถามว่า ในช่วงปลายเดือนนี้จะพิจารณาประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานเลย ปกตินั้นฝ่ายข่าวจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนและหากเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ก็จะเสนอขึ้นมา แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไร เพราะต้องดูความชัดเจนจากความเคลื่อนไหว และเรื่องนี้จะเป็นฐานให้รัฐบาลตัดสินใจว่าจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉบับนี้หรือไม่
เมื่อถามว่า กังวลกับสถานการณ์ในช่วงนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงบ้านเมืองแต่ยังมั่นใจว่าจะดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อยได้และคิดว่าคนไทยต้องการมีความสุขและอยากเห็นหลายสิ่งหลายอย่างคลี่คลายไป ฉะนั้น คงไม่ไปสนับสนุนฝ่ายที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อถามว่ารัฐบาลจะรับมือเกมใต้ดินอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า จะกำชับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงว่าต้องเข้มงวดกวดขันมากขึ้นกับฝ่ายที่กระทำสิ่งผิดกฎหมาย เพราะบางครั้งถึงขั้นออกอากาศประกาศว่าจะกระทำในสิ่งผิดกฎหมายแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยผ่านไป
เมื่อถามว่า พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งเคยเสนอข้อความในเว็บไซต์ส่วนตัวที่ระบุว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 15 พ.ย.อาจเกิดเหตุระเบิด และล่าสุด พลตรี ขัตติยะ ไม่ให้ความร่วมมือหลังจากที่ พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เชิญตัวมาให้ข้อมูลเรื่องนี้ นายกฯกล่าวว่า ก็ต้องดูและต้องดำเนินการต่อไป เพราะทุกหน่วยงานต้องให้ความร่วมมือและเรื่องนี้ พลตรี ขัตติยะ พูดออกมาเอง และมันก็เกิดเหตุการณ์ ฉะนั้น ควรให้ความร่วมมือกับบ้านเมือง แม้ พลตรี ขัตติยะ ปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น จะเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เราไม่ทราบ แต่สิ่งใดที่พูดออกไปนั้นย่อมบ่งบอกว่าย่อมมีข้อมูลและควรให้ความร่วมมือ หากไม่ให้ความร่วมมือก็จะแสดงถึงเจตนา เมื่อถามว่าพลตรีขัตติยะเดินทางไปกัมพูชาเพื่อพบกับพ.ต.ท.ทักษิณด้วยโดยที่ไม่ได้ลาราชการ และกระทรวงกลาโหมบอกว่าได้ตักเตือนไปแล้ว เรื่องนี้เกิดช่องว่างอะไรขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ต้องไปดูอีกครั้งว่ามีปัญหาที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมหรืออะไร
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่ายในการแก้ไขปัญหามาบตาพุด ว่า ช่วงเช้าวันนี้ นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการ 4 ฝ่าย แจ้งให้ตนทราบว่า บรรยายการประชุมเป็นไปด้วยดี และต้องการให้มีความสบายใจว่า รัฐบาลไม่เดินหน้าหรือล้ำจนเกินไป ฉะนั้นตนได้ให้ข้อตกลงไปว่ากฎหมายสิ่งแวดล้อมที่แก้ไขที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในสัปดาห์หน้านั้นยังจะไม่พิจารณา และคงไม่ได้ชะลอทุกอย่าง เพราะกฎหมายนั้นเกรงว่าหากกรอบความคิดนั้นอาจมีการปรับเปลี่ยนและอาจมีข้อครหาว่ารัฐบาลไม่รับฟังนั้น
ตนคิดว่า ไม่เป็นไรเพราะกฎหมายนั้นจะเข้าสู่สภาในสมัยประชุมครั้งหน้าก็ได้ เพราะกว่าจะถึงวันนั้นความชัดเจนของคณะกรีรมการ 4 ฝ่าย คงจะเห็นแล้วว่าเหมาะจะเดินในแนวทางนั้นหรือไม่ และเรื่องนี้มีระเบียบรองรับไว้แล้ว ส่วนภาคเอกชนก็อยู่ในกรรมการ 4 ฝ่ายที่ประชุมวันนี้ด้วย และ 76 โครงการนั้นต้องหาแนวทางในการทำงานไป เพราะต้องรอฟังคำสั่งศาลปกครอง และเข้าใจว่า ความขัดแย้งในกรรมการ 4 ฝ่ายนั้นคงไม่มีแล้ว และช่วงเย็นวันนี้ตนจะพบกับฝ่ายที่จะร้องเรียนเรื่องนี้