รัฐบาลเดินเครื่องปลดหนี้เอาใจประชาชน นายกฯ เปิดโครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ช่วยเหลือประชาชนที่มีหนี้นอกระบบเข้าเป็นหนี้ในระบบ ผ่านธนาคารรัฐ 6 แห่ง เริ่มลงทะเบียนตลอดเดือนธันวาคมนี้ แนะให้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันหนี้นอกระบบ
วันนี้ (19 พ.ย.) ณ ห้องบอลรูม โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบ และปาฐกถา เรื่อง “นโยบายรัฐบาลกับการเสริมสร้างเศรษฐกิจภาคประชาชน” โดยมี นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งผู้บริหารระดับทั้งจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 700 คนเข้าร่วม
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวรายงานว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้รับมอบหมายให้ดำเนินงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ธนาคารพาณิชย์ของรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น หน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมกันกำหนดวางแนวทางและมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ รวมทั้งได้แบ่งแยกบทบาทตามความเชี่ยวชาญของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด โดยสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และธนาคารพาณิชย์ของรัฐ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน จะเป็นสถาบันหลักในการรับการลงทะเบียนทั่วประเทศ สถาบันการเงินของรัฐทั้ง 6 แห่ง ให้กู้เป็นพิเศษสำหรับแก้ปัญหาหนี้นอกระบบครั้งนี้ในวงเงิน 200,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนหนี้ส่วนใหญ่ของผู้มีรายได้น้อยทุกสถาบันการเงินจะแบ่งรับผู้ลงทะเบียนไปตามบทบาทของแต่ละธนาคาร
นายสถิตย์ กล่าวต่อว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รับกรณีที่ลูกหนี้เป็นเกษตรกร ธนาคารออมสิน รับกรณีที่ลูกหนี้เป็นหนี้นอกภาคเกษตรโดยรวม ในกรณีที่เป็นลูกหนี้นอกระบบที่ทำการค้าขายธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับไปดำเนินการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์รับดำเนินการในกรณีที่เป็นหนี้ที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย ธนาคารอิสลามรับกรณีบัตรเครดิตที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดที่ธนาคารมีสาขาอยู่ ธนาคารกรุงไทยรับกรณีที่ลูกหนี้เป็นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
การเปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งการเงินในระบบเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาที่จะทำให้หนี้นอกระบบนั้นเข้ามาอยู่ในระบบของสถาบันการเงิน แต่อย่างไรก็ตามยังมีความจำเป็นต้องมีการเจรจาหนี้ในระดับพื้นที่กับเจ้าหนี้นอกระบบที่ไม่ได้เข้ามาสู่โครงการแปลงหนี้นอกระบบมาเป็นหนี้ในระบบในครั้งนี้ ซึ่งในกรณีนี้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรมได้ร่วมกันมีบทบาทสำคัญในการเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการประสานงานในการเจรจากับเจ้าหนี้นอกระบบที่เหลืออยู่ ซึ่งขณะนี้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังรอคอยแก้ไขปัญหาประมาณกว่า 1 ล้านคน ซึ่งจะทำให้คนเหล่านั้นมีโอกาสเข้ามาสู่การแก้ไขปัญหาหนี้สินในระบบ การสัมมนาวันนี้มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ 1.เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการแก้ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน 2.ประกาศการเริ่มต้นการดำเนินการให้กับประชาชนและเชิญชวนให้ผู้มีปัญหาหนี้นอกระบบเข้ามาลงทะเบียน และ 3.เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ผู้เกี่ยวข้องจากกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม ได้ทราบแนวทางที่จะร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามคลี่คลายปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นวิกฤตเฉพาะหน้า โดยออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนในการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในเกือบทุกกลุ่ม รวมทั้งการใช้เงินในการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง เพื่อที่จะทำให้ความพร้อมของประเทศและโอกาสของประชาชนดีขึ้น ทั้งในภาคเกษตร ภาคอุตสาหกกรรม ในชนบทและในเมือง อย่างไรก็ตามคงปฏิเสธไม่ได้ว่าประชาชนจำนวนมากประมาณการเกือบ 1 ล้านคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับปัญหาของวงจรหนี้สินและความยากจน โดยเฉพาะประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบ ซึ่งมีเงื่อนไขเรื่องดอกเบี้ยและการชำระเงินคืน ที่เป็นปัญหาที่สร้างความทุกข์ให้กับประชาชนจำนวนมาก
ดังนั้น ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องช่วยกันแก้ไข ที่สำคัญคือ ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เป็นปัญหาของแต่ละบุคคลหรือแต่ละครอบครัว ซึ่งเข้าไปอยู่ในวงจรของหนี้นอกระบบ แต่เชื่อมโยงไปถึงปัญหาในเรื่องของความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย ปัญหาผู้มีอิทธิพล ปัญหาความรุนแรง ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาหนี้นอกระบบจึงเป็นปัญหาที่มีมิติไม่ใช่เฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ แต่รวมไปถึงเรื่องของความมั่นคงและความยุติธรรมในบ้านเมืองด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า กระบวนการการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบครั้งใหญ่ของประเทศ จะเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีหนี้นอกระบบสามารถมาลงทะเบียนได้ตลอดเดือนธันวาคมนี้ หลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการที่จะเข้าสู่การแก้ไข การปรับโครงสร้าง การเจรจา เพื่อนำไปสู่การแปลงหนี้นอกระบบให้เป็นหนี้ที่อยู่ในระบบ โดยลูกหนี้อยู่ในฐานะที่จะสามารถชำระหนี้ได้ผ่านธนาคารของรัฐทั้ง 6 แห่ง คือ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย
ทั้งนี้ นอกจากกระบวนการที่กระทรวงการคลังได้กำหนดหลักเกณฑ์แนวปฏิบัติขั้นตอนไว้แล้ว หน่วยงานอื่นๆ จะมาร่วมกันแก้ไขปัญหาตรงนี้อย่างแท้จริง ตั้งแต่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสรรพากร โดยจะต้องมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้กระบวนการของการแปลงหนี้นอกระบบเข้ามาสู่ในระบบให้ได้ เนื่องจากปัญหาหนี้นอกระบบไปเกี่ยวข้องกับเรื่องปัญหาของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ ด้วย เพราะฉะนั้น หน่วยงานเหล่านี้ได้เข้ามาแล้ว และพร้อมที่จะเป็นหน่วยงานที่เป็นกลไกที่จะทำให้ในที่สุดการแปลงหนี้เข้ามาสู่ระบบจะสามารถดำเนินการได้ และเมื่อเข้ามาสู่ในระบบแล้วกระทรวงการคลังจะดำเนินการต่อไปคือการดูแลที่จะให้ลูกหนี้สามารถที่จะได้รับการฟื้นฟู ฝึกฝนในเรื่องของอาชีพ มีงานมีรายได้ เพื่อที่จะเป็นแนวทางในการชำระหนี้ต่อไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า ที่สำคัญคือ การรณรงค์ให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันไม่ให้ใครก็ตามต้องหลุดเข้ามาอยู่ในวงจรของหนี้นอกระบบต่อไปในอนาคต และขอให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อให้งานตรงนี้เดินหน้าต่อไปได้และประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เปิดรับลงทะเบียนโอนหนี้ วันที่ 1-30 ธันวาคมนี้ เวลา 08.30-16.30 น.เว้นวันหยุดราชการที่สาขา ธ.ก.ส.และธนาคารออมสินทั่วประเทศ และศูนย์ลงทะเบียนอีก 12 แห่งในกรุงเทพฯ ข้อมูลเพิ่มเติม โทร.1115 หรือ 02-555-0555