xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ” ส่งสัญญาณเผด็จศึก-โหมแรงปลายปี!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ผ่าประเด็นร้อน”

“แผ่นดินเกิดไม่ให้เหยียบ แผ่นฟ้าไม่ให้บินผ่าน หนังสือเดินทางไม่ให้ถือ เงินหามาสุจริตไม่ให้ใช้ ยศพระราชทานจะเอาคืน เครื่องราชฯ จะยึด ชีวิตก็จะไม่ไว้ จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนก็รังควาน จะไปทำมาหาเลี้ยงชีพก็จะไล่ล่า ได้รับเกียรติจากประเทศอื่นก็บอกว่าขายชาติ พูดปกป้องเจ้านายก็ว่าไม่จงรักภักดี ไม่ป่วยก็บอกว่าเป็นมะเร็ง มีคนมาเยี่ยมก็หาว่าเป็นกิ๊ก อยู่ดูไบมีระเบิดเมืองไทยก็หาว่าเป็นคนทำ ต่อสู้หาความเป็นธรรมอย่างสันติ ก็หาว่ารุนแรง สมกับที่เขาว่า “พวกมึงทำอะไรก็ถูก พวกกูทำอะไรก็ผิด” แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร จะสันติได้อีกกี่น้ำ ผมจะขอร้องให้คนเสื้อแดงอดทนได้อีกนานแค่ไหนไม่รู้”


นั่นคือข้อความล่าสุดของ ทักษิณ ชินวัตร ทางทวิตเตอร์เมื่อวานนี้(17 พ.ย.) เพื่อส่งผ่านไปถึงบรรดาสาวกและผู้สนับสนุนทั้งหลาย

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากข้อความดังกล่าวยังทำให้ได้เห็นสัญญาณอันตรายบางอย่าง โดยเฉพาะการเร่งปิดเกมให้เร็วที่สุด อย่างน้อยที่สุดต้องให้ทันก่อนสิ้นปีนี้

ถามว่าทำไมต้องก่อนสิ้นปี!!

คำตอบก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากไปกว่าต้องการทวงเงินที่ถูกอายัดเอาไว้จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท และคดีก็กำลังงวดเข้ามาเต็มที เพราะหากไม่มีอะไรผิดพลาดกำลังมีการไต่สวนพยานโจทก์แค่สองปากเท่านั้น

หลังจากนั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็จะมีคำตัดสินออกมา ซึ่งหลายฝ่ายประเมินตรงกันว่าน่าจะไม่เกินต้นปีหน้าทุกอย่างก็จะรู้ว่าหมู่หรือจ่า

เงินสดที่อยู่ในบัญชีธนาคารจำนวน 7 หมื่น 6 พันล้านบาท จะถูกริบเข้าหลวงหรือไม่ เป็นการได้มาจากการทุจริตหรือไม่

ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ทักษิณ กำลังสติแตกเพราะเรื่องดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม หากทุกอย่างดำเนินการไปแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ เป็นไปตามขั้นตอนตามระบบโอกาสที่จะต้องป่นปี้ ร่อนเร่อยู่กลางทะเลทรายจนตายก็เป็นไปได้สูง

ดังนั้น ต้องเร่งเกมสร้างความปั่นป่วนให้มากที่สุด

ซึ่งพิจารณาจากข้อความดังกล่าวข้างต้น ทักษิณ พยายามสื่อให้เห็นอีกครั้งว่า เขากำลังถูกรังแกต่างๆนานาจนไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นการถูกเลือกปฏิบัติ ถูกใส่ร้ายป้ายสี หรือ “ทำอะไรก็ผิดไปหมด”

ทั้งที่เป็นวิธีการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างร้ายกาจที่สุด หรือหากจะพูดแบบตรงไปตรงมาก็คือ “หน้าด้านที่สุด” เป็นการพูดแบบเหมารวมแบบไม่แยกแยะหรืออธิบายที่มาที่ไป พูดแบบส่งเดชไปเรื่อย

ซึ่งวิธีดังกล่าว ทักษิณ และทีมงานมักจะนำมาโฆษณาชวนเชื่อและได้ผลมานาน แต่หลังจากที่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขเวลาของคดีความที่กำลังจะมีการตัดสินชี้ขาดในอีดไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากที่ผ่านมาพยายามทำทุกทางเพื่อขัดขวางมาแล้ว แต่ไม่สำเร็จ

ที่ไกล้เคียงความจริงที่สุดก็เห็นจะเป็นเหตุการณ์ก่อจลาจลในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็ทำได้แค่ “เกือบสำเร็จ” เท่านั้น และหลังจากนั้นสังคมก็เริ่มเห็นธาตุแท้ เริ่มถอยห่างทำให้พลัง “คนเสื้อแดง” เริ่มอ่อนแรงลงไป

แต่ถึงอย่างไรเมื่อยังมีเดิมพันสูงรออยู่ข้างหน้าเขาก็ต้องเดินหน้าต่อ ตรงกันข้ามกลับต้องเร่งเกมเร็วมากขึ้นกว่าเดิม จนในที่สุดก็ “พลาด” จนไม่น่าให้อภัยที่ทำให้สังคมเห็นสันดานดิบของตัวเอง และเห็นถึงเป้าหมายเบื้องลึกของตัวเองที่อำพรางเอาไว้

จนต้องเปลือยตัวตนจนล่อนจ้อน ทั้งในเรื่องการขายชาติ-จาบจ้วงให้ร้ายพระเจ้าอยู่หัว และทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ สังคมรุมประณาม ก้อนหินก้อนอิฐถูกรุมขว้างเข้าใส่จากรอบทิศทาง

แต่คนอย่างทักษิณ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากคนที่ทำผิดแล้วไม่เคยยอมรับผิด หรือแม้จะรู้ว่าผิดถูกเป็นอย่างไรแต่จำเป็นต้องเดินหน้าเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

หากสังเกตจากข้อความที่ส่งเข้ามาทางทวิตเตอร์ดังกล่าวข้างต้นเป็นการจงใจโกหกอย่างไร้ยางอายที่สุด เป็นการกล่าวเท็จตั้งแต่ต้นจนจบ หรือต้องการสื่อสารกับคนที่ไม่รู้ข้อมูล เป็นการตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ เป็นการปลุกระดมอย่างตรงไปตรงมาที่สุด

เพราะหากพิจารณาตั้งแต่คำแรกที่บอกว่า “แผ่นดินก็ไม่ให้เหยียบ” ก็ไม่เป็นความจริง เพราะ ทักษิณ สามารถเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อไหร่ก็ได้ทุกเวลาไม่มีใครห้าม เพียงแต่ว่าหากเข้ามาใดก็ต้องติดคุกตามคำพิพากษา และยังต้องถูกดำเนินคดีที่ตัวเองถูกตั้งข้อหาทุจริตยาวเป็นหางว่าว จะทำตัวอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้เป็นอันขาด

กรณียึดหนังสือเดินทาง ถอดยศ ริบเครื่องราชฯ ทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอน ไม่ว่าใครก็ตามหากถูกศาลพิพากษาจำคุกจนถึงที่สุดก็ต้องถูกดำเนินการเหมือนกันหมด และกรณีของทักษิณ ถือว่าดำเนินการช้าเกินไปด้วยซ้ำไป เพราะมีการดองเรื่องช่วยเหลือกันมาตั้งแต่ยุค พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เรื่องเงินที่หามาได้โดยสุจริตก็ไม่ให้ใช้ หากหมายถึงเงินจำนวน 7.6 หมื่นล้านที่ว่านั้นก็ไม่น่าจะใช่ หากข้องใจก็สามารถเข้ามาแก้ต่างพิสูจน์ความจริงด้วยตัวเอง

ส่วนเรื่องที่อ้างว่าไปเยี่ยมเพื่อนและได้รับเกียรติจากเพื่อก็หาว่าขายชาตินั้น หากเพื่อนคนนั้นคือ “ฮุนเซน” แล้วละก็ถือว่าคนไทยเข้าใจถูกแล้ว เพราะการไปรับเป็นที่ปรึกษาทั้งส่วนตัวของผู้นำและด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลเขมรย่อมเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และคนที่เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีย่อมสามารถล่วงรู้ความลับของชาติย่อมมีผลกระทบต่อกับประเทศคู่เจรจา โดยเฉพาะกรณีกำลังมีปัญหาเรื่องเขตแดนและทรัพยากรที่เป็นผลประโยชน์มหาศาล

อีกทั้งการที่ผู้นำประเทศหนึ่งวิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของไทยแล้วไปตั้งนักโทษหนีคดีเป็นที่ปรึกษาย่อมถือว่าเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีของชาติ และต่อมาก็มีการเดินทางไปรับตำแหน่งอย่างเอิกเกริก แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าขายชาติแล้วจะเรียกว่าอะไร

อย่างไรก็ตาม คำพูดดังกล่าวของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นแค่คำโกหก เพื่อหวัง “ปลุกระดม” คนที่ไม่รู้ข้อมูลให้หลงเชื่อให้เกิดความไม่พอใจออกมานุมนุม เพื่อสร้างความปั่นป่วนอีกรอบ เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือถูกรังแกข้างเดียว เพราะล่าสุด “คนเสื้อแดง” ก็รับลูกทันควันประกาศชุมนุมใหญ่เพื่อล้มรัฐบาลในวันที่ 29 พ.ย.นี้

ดังนั้นเมื่อประมวลภาพทั้งหมดให้เห็นตั้งแต่ต้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการดิ้นรนเพื่อปลุกระดมให้คนเสื้อแดงออกมาสร้างความปั่นป่วนในบ้านเมืองอีกรอบ หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ตัวเองไม่ต้องถูกริบทรัพย์สินแล้วได้กลับมามีอำนาจอีกรอบเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ขอให้ไปถึงเป้าหมายที่ตัวเองต้องการเป็นพอ

แม้ว่านาทีนี้คนเริ่มหูตาสว่างมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ยังหลับหูหลับตาและมีจำนวนมากพอที่ยอมรับใช้เพื่อป่วนบ้านเมืองได้!!
กำลังโหลดความคิดเห็น