"ผ่าประเด็นร้อน"
นาทีนี้คนไทยทุกคนที่รักและผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่เคียงคู่มากับสยามประเทศมานานหลายร้อยปี หรือคนไทยที่เคารพเทิดทูนต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่มีวันให้อภัยกับคนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่บังอาจจ้วงจาบหยาบช้าเป็นอันขาด
นาทีนี้คนไทยที่รักศักดิ์ศรีของชาติจะไม่ยอมให้ผู้นำกุ๊ยของประเทศหนึ่งอย่าง ฮุนเซน กระทำการหยาบหยามได้อีกต่อไป
การที่คนไทยได้เห็นภาพที่ ทักษิณ กับคนในครอบครัว เช่น สมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ไปปรากฎตัวกันพร้อมหน้าที่บ้านพักของ ฮุนเซน ในกรุงพนมเปญ ย่อมสร้างความเคียดแค้นชิงชังเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
และนาทีนี้ไม่มีคำแก้ตัวใดๆอีกแล้วสำหรับคนอย่างทักษิณ เพราะตัวตนได้เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนและหมดจด ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คาดหมายเอาไว้คือเขาได้กล่าวในวิทยุออนไลน์ของตัวเองยอมจำนนต่อหลักฐานในเวลาต่อมา อ้างไปว่าเป็นเพราะตนเองพูดภาษาอังกฤษไม่แตกฉานจนทำให้เกิดการสื่อสารผิดพลาด
อาจจะใช่ถ้าพูดหลุดไปแค่คำสองคำ แต่นี่มีการวิพากวิจารณ์อยู่เกือบตลอดเวลาตลอดการสนทนานานกว่าชั่วโมง และที่สำคัญไปกว่านั้นเขาพูดในลักษณะเดียวกันซ้ำกันหลายครั้งกับสื่อต่างประเทศ
ที่น่าสมเพชไปมากกว่านั้นก็คือบรรดาลิ่วล้อปลายแถวที่ไม่ดูตาม้าตาเรือพยายามโบ้ยความผิดเลยเถิดไปว่าเป็นแผนสมคบคิดกัรระหว่างรัฐบาลกับ “เดอะไทมส์” ออนไลน์ เพื่อมาทำลาย ทักษิณ เสียอีก โดยหารู้ไม่ว่า ไอ้ “ริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี่” ซึ่งเป็นบรรณาธิการเอเซียของสื่ออังกฤษดังกล่าวมันเป็นพวกเดียวกับทักษิณ และยังส่อเจตนามีทัศนคติที่เป็นลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยอีกด้วย
เพราะเมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์ในอดีตเมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ ระหว่างที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนอังกฤษ ริชาร์ด ลอยด์ ซึ่งเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเดียวกันคือ ออกซฟอร์ด ได้เขียนบทความโจมตีนายกฯ ของไทยและกล่าวล่วงละเมิดถึงเบื้องสูง ก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่ออกซฟอร์ดในหัวข้อ “Taking on the Challenges of Democracy”
และริชาร์ด ลอยด์ คนเดียวกันนี่แหละที่อุตส่าห์บินมาสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวออสเตรเลียคนหนึ่งที่ถูกจำคุกในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีกด้วย
การที่พลพรรคเพื่อไทยพยามนำลูกไม้เก่าๆมาใช้เพื่อบิดเบือนความจริงโดยไม่ดูข้อเท็จจริงและข้อมูลในอดีตมันก็ยิ่งเข้ารกเข้าพงไปกันใหญ่
ดังนั้นไม่ต้องสงสัยใดๆอีกแล้วว่าผู้สื่อข่าวอังกฤษคนนี้มีทัศนคติที่เป็นลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ต่อรัฐบาลไทย และต่อประเทศไทย จึงได้รับการอนุญาตจาก ทักษิณ ให้เข้าไปสัมภาษณ์ถึงดูไบ เมื่อพบกับนักข่าวที่มีทัศนคติตรงกัน ย่อมมีความรู้สึกเป็น “พวกเดียวกัน” จึงสามารถพูดออกมาได้อย่างหมดเปลือกและ “หลุด” ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่อาจเป็นเพราะฝรั่งคนดังกล่าวมันไม่เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของคนไทย รวมไปถึงจังหวะจะโคนของการรายงานข่าวออกไป เพราะดันออกมาในช่วงที่ข้อหา “ขายชาติ” พุ่งตรงมาที่ ทักษิณ พอดิบพอดี จึงเป็นสองแรงบวก
เป็นรายงานคำให้สัมภาษณ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ ต้องการจะสื่อสารออกไปให้กับสังคมโลกภายนอกให้เข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์ในอีกแง่มุมหนึ่งที่บิดเบือน แต่บังเอิญมีคนไทยผู้จงรักภักดี คนไทยผู้รักชาติมีอยู่ทั่วทุกแห่งบนโลกใบนี้ไปอ่านเจอเข้าจึง ฟอร์เวิร์ด ส่งต่อกันไป “ความเลยแตก”
ทำให้ได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของคนขายชาติ อย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระเจ้าอยู่หัว
จากพฤติกรรมของทักษิณ สมชาย และ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ไปสุมหัวกองรวมกันอยู่ที่กรุงพนมเปญ และไปเป็นข้ารับใช้ของราชอาณาจักรกัมพูชาอยู่ในเวลานี้ คงทำให้คนไทยอีกจำนวนมากได้หูตาสว่าง โดยเฉพาะคนไทยที่เคยหลงไหลได้ปลื้มคล้อยตามไปกับขบวนการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่ออำพรางความฉ้อฉลและเจตนาที่มุ่งหวังทำร้ายสถาบันอยู่ในส่วนลึกของจิตใจได้เป็นอย่างดี
เชื่อว่าคนไทยทุกคนต้องยึดมั่นในศักดิ์ศรีของชาติ และความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเหนือสิ่งอื่นใด และถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องสมัครสมานสามัคคีกันอย่างจริงจังเสียที เพื่อขับไล่เสนียดบ้านจัญไรเมืองออกไปให้พ้น ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทุกหมู่เหล่าจะต้องสำแดงพลังเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์โดยพร้อมเพรียงกัน
เพราะนาทีนี้ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไรหรือมีที่มาอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับความเป็นคนไทยที่ต้องหลอมดวงใจรวมกันเป็นหนึ่ง
ดังนั้นในวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไปให้คนไทยทุกคนออกมารวมพลัง ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่กำลังถูกย่ำยี
ให้พวกคนชั่วที่ทะเยอทะยานได้รับรู้
พวกเราจะรวมพลัง สู้เพื่อในหลวงด้วยกัน !!