xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลต้องสั่งสอน “ฮุนเซน”ให้รู้สำนึก !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฮุนเซน
"ผ่าประเด็นร้อน"

ไม่ธรรมดาเสียแล้วสำหรับแถลงการณ์แต่งตั้ง ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของ “ฮุนเซน” ผู้นำกัมพูชา และที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา เนื่องจากเป็นคำสั่งแต่งตั้งอย่างเป็นทางการและมีการประกาศผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติไปทั่วประเทศ

ในเนื้อหาของแถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่านอกจากจะให้ ทักษิณ พำนักในกัมพูชาแล้วยังเปิดโอกาสให้เขาทำกิจกรรมในทางการเมืองจนกว่าบรรลุภารกิจ และระบุอีกว่าคดีความต่างๆที่เกิดขึ้นกับ ทักษิณ ล้วนมีเหตุจูงใจมาจากการเมืองทั้งสิ้น

แม้ว่าจะไม่ใช่เป็นการถอดคำแถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชาออกมาแบบคำต่อคำ แต่พิจารณาจากความหมายผ่านรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศ เป็น ความหมายที่แสดงให้เห็นถึงการย่ำยีกระบวนการยุติธรรมไทยที่กระทำภายใต้พระปรมาภิไธยของพระเจ้าอยู่หัวอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

ซึ่งในความเป็นจริงคดีของ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่ศาลตัดสินไปแล้วและกำลังค้างคาอยู่ในชั้นศาลอีกหลายคดี ก็ล้วนเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ และทุจริตคอรัปชั่น เป็นคดีอาญา ไม่ใช่คดีการเมืองแต่อย่างใด

ขณะที่การประกาศให้ ทักษิณ ใช้กัมพูชาเป็นฐานสำหรับทำกิจกรรมจนกว่าบรรลุภารกิจนั้น ความหมายก็คืออนุญาตให้ใช้กัมพูชาเป็นแหล่งในการปลุกระดมสซ่องสุมผู้คนสำหรับโค่นล้มรัฐบาลไทยจนสำเร็จนั่นเอง

เป็นการประกาศเป็นศัตรูกับรัฐบาลไทย ที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และมี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกฯด้านความมั่นคง อย่างเปิดเผยและเป็นทางการแล้ว และการออกเป็นแถลงการณ์ดังกล่าว โดยมีการประกาศผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐไปทั่วประเทศย่อมต้องผ่านการไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี ไม่ใช่ลักษณะของการให้สัมภาษณ์ที่มีเรื่องของอารมณ์และคำพูดที่มีความหมายผิดเพี้ยน

อย่างไรก็ดีอีกมุมหนึ่งแม้ว่ากรณีที่เกิดขึ้นบังเอิญว่าเป็นช่วงที่กัมพูชากำลังมีปัญหาเขตแดนกับรัฐบาลเวียดนามหลังจาก สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชาไปพบข้อมูลว่ารัฐบาล ฮุนเซนไปอ่อนข้อให้เวียดนามโดยร่นหลักเขตแดนลึกเข้ามาในเขตกัมพูชา เข้ามาในกลางทุ่งนาของชาวบ้าน และ สม รังสี ได้ลงมือถอนหลักเขตที่ระบุว่ารุกล้ำเข้ามาทิ้งไปจนก่อให้เกิดการประท้วงจากเวียดนามอย่างรุนแรงและจนบัดนี้ ทางฮุนเซน ก็ยังเงียบ ไม่มีท่าทีใดๆออกมา

จนกระทั่งมีการตั้ง ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวและที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในเวลาต่อมา หลายฝ่ายจึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นวิธีการหากินของผู้นำกัมพูชารายนี้ที่มักยกเอาปัญหากับไทยมา “กลบเกลื่อน” ทุกครั้ง หากเห็นว่าตัวเองกำลังเพลี่ยงพล้ำการเมืองภายใน ดังที่เกิดขึ้นในสมัยปล่อยข่าวลือจนทำให้เกิดเผาสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญเมื่อหลายปีก่อน และล่าสุดกรณีความขัดแย้งกรณีปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ

ส่วนจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตามนั้นเป็นอีกเรื่อง แต่กรณีที่ผู้นำกัมพูชาแต่งตั้ง ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นนักโทษหลบหนีคดีอาญาไปเป็นที่ปรึกษาและให้ที่พักพิงเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองถือว่าเป็นการจงใจที่จะท้าทายรัฐบาลไทยในปัจจุบันโดยตรง และชัดเจนที่สุด

ชัดเจนยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่ให้สัมภาษณ์เปิดเผยท่าทีระหว่างที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ สมาชิกพรรคเพื่อไทยไปพบหารือกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่กรุงพนมเปญเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียนเพียงไม่กี่วัน รวมไปถึงการมาให้สัมภาษณ์แบบจงใจหลังจากที่เพิ่งลงจากบันใดเครื่องบินมาตอกย้ำในเรื่องท่าทีการสนับสนุน ทักษิณ อย่างชัดเจน

เมื่อพิจารณาจากท่าทีดังกล่าวมาทั้งหมดของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาถือว่าเป็นการจงใจย่ำยีศักดิ์ศรีของประเทศไทย รัฐบาลไทย และกระบวนการยุติธรรมไทยซึ่งในที่นี้ย่อมหมายถึงศาลไทยที่กระทำภายใต้พระปรมาภิไธยของพระเจ้าอยู่หัว นั่นก็หมายความว่าจงใจเหยียบย่ำและต้องการเป็นศัตรูกับคนไทยผู้รักชาติทั้งมวล

แม้ว่าพฤติกรรมของผู้นำกัมพูชาจะถูกมองว่ามีผลประโยชน์ทั้งส่วนตัวและผลประโยชน์ทางการเมืองอยู่เบื้องหลังก็ตาม แต่นั่นถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องพิจารณากันภายหลัง

เพราะเป็นท่าทีที่เกิดขึ้นซ้ำซากและต่อเนื่อง ย่อมไม่อาจรับได้อีกต่อไป ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องตอบโต้รัฐบาลกัมพูชา และฮุนเซน อย่างแข็งกร้าวและเป็นทางการ เพื่อป้องกันถูกย่ำยีศักดิ์ศรีของชาติ

ส่วนจะเป็นวิธีการแบบไหนถึงจะเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงอย่างเป็นทางการ หรือการลดระดับความสัมพันธ์ โดยการเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลไทย แต่ต้องมีการตอบโต้อย่างเหมาะสม เพราะครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการพูดในลักษณะส่วนตัว แต่เป็นท่าทีในฐานะของรัฐบาลกัมพูชาต่อรัฐบาลไทย

นี่ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว จะปล่อยให้ศักดิ์ศรีของชาติถูกย่ำยีแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้เป็นอันขาด !!
กำลังโหลดความคิดเห็น