สัปดาห์ที่ผ่านมา “ทักษิณ ชินวัตร” จำเลยหนีคุก เปิดเกมรุกเพื่อหวังชิงอำนาจคืนมาโดยเร็ว หลังจากปูกระแสสร้างภาพว่า พรรคเพื่อไทย ยังเป็นที่นิยมด้วยการให้ทหารแก่จำนวนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นของตัวเองตลอดจนดาราแก่มาสมัครเข้าพรรคแล้ว ทักษิณได้เริ่มแผน“ใช้เพื่อนบ้านล้อมประเทศ”เพื่อกดดันรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้หลุดจากอำนาจเสียโดยเร็ว โดยใช้ให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เพิ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่กี่วัน เดินทางไปพบ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงกรุงพนมเปญ ช่วงวันสุกดิบก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียนที่หัวหินซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ
เมื่อกลับมาถึงก็เปิดประเด็นเบิกโรงด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า สมเด็จฮุนเซนพร้อมให้ที่พักพิงแก่ ทักษิณ ชินวัตร โดยสร้างบ้านพักเตรียมไว้ให้แล้ว และยังยืนยันมั่นเหมาะว่าจะไม่ส่งตัว ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นเพื่อนรัก ให้กับทางการไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนเด็ดขาด โดยอ้างว่า คดีความที่ทักษิณถูกพิพากษานั้นเป็นคดีการเมือง
หลังจากนั้นวันถัดมา ทางการเขมรก็ออกแถลงการณ์สอดรับทันทีว่า จะไม่ส่งตัว ทักษิณให้กับไทย เนื่องจากคดีของทักษิณเป็นคดีการเมือง ตรงกันข้ามจะตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วยซ้ำ
และวันถัดมา 23 ตุลาคม เวลาเย็น สมเด็จฮุนเซนเดินทางมาถึงหัวหินลงจากเครื่องบินก็เดินรี่เข้าใส่ผู้สื่อข่าวของไทยที่รออยู่ทันที แล้วให้สัมภาษณ์ยืนยันสิ่งที่ พล.อ.ชวลิตพูด และยังดิสเครดิตรัฐบาลไทยว่า เป็นสิทธิและอธิปไตยของกัมพูชาที่จะให้การช่วยเหลือทักษิณ
เท่านั้นยังไม่พอ สมเด็จฮุนเซน ยังเอาทักษิณ ชินวัตรไปเปรียบเทียบว่าเหมือนอองซานซูจี ผู้นำฝ่ายค้านนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า และยกเอากรณีนายสัม รังษี ผู้นำฝ่ายค้านของเขมรเดินทางมาไทยและพูดให้ร้ายรัฐบาลกัมพูชา มาอ้างว่าคล้ายกับการที่ทักษิณจะไปอยู่กัมพูชาด้วยเช่นกัน
คำสัมภาษณ์ของฮุนเซนถูกสวนแบบนิ่มๆ จากอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งบอกให้นายกฯ กัมพูชาระวังจะตกเป็นเหยื่อหรือเป็นเบี้ยของคนบางคน และการที่เอาทักษิณ ไปเปรียบกับอองซานซูจีนั้น คงเป็นการเข้าใจผิด และสั่งสอนผู้นำเขมรว่า การมาประชุมอาเซียนนั้นก็เพื่อความเป็นปึกแผ่นของภูมิภาคอาเซียน ไม่มีเวลาที่จะไปสนใจคนใดคนหนึ่งที่จะมาทำลายความสัมพันธ์อาเซียน ซึ่งหน้าที่ของรัฐบาลไทยคือการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่สมเด็จฮุนเซน
หลังการตอบโต้ ของอภิสิทธิ์ วันรุ่งขึ้น ทักษิณใช้ทวิตเตอร์เป็นเครื่องมือโพสต์ข้อความตีกินทันที ในทำนองสั่งสอนนายกฯ อภิสิทธิ์ ว่า อย่าเอาความเป็นปฏิปักษ์ส่วนตัวมาใช้ในการทำหน้าที่เป็นประธานประชุมอาเซียน และรับลูกกับสมเด็จฮุนเซนว่า ทุกประเทศมีเอกราช ย่อมมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเป็นของตนเอง แถมยังเหน็บแนมนายกฯ อภิสิทธิ์ว่า อย่าเห็นหน้าฮุนเซนเป็นหน้าตน
การเปิดเกมรุกของทักษิณ ในช่วงที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียน มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากมีเป้าหมายเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลอภิสิทธิ์ต่อเวทีนานาชาติ ซึ่งหากนายกฯ ไทยคุมอารมณ์ไม่อยู่ หลังการยั่วยุของนายกฯ กัมพูชา แต่เกิดวิวาทะที่ดุเดือดกว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาที่ไทยเป็นเจ้าภาพจะต้องล่มซ้ำสอง หลังจากที่เคยล่มเพราะคนเสื้อแดงบุกทำลายที่พัทยาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
แต่แผนครั้งนี้ ผลที่ออกมากลับไม่เป็นดั่งคาด เมื่ออภิสิทธิ เวชชาชีวะ ตอบโต้เพียงพอประมาณ และเย็นวันเดียวกันก็ไปจับมือต้อนรับฮุนเซนตามพิธีการปกติ
แม้วันรุ่งขึ้น บรรดานักเลือกตั้งและนักปลุกม็อบในเครือข่ายทักษิณ พยายามขยายความ ตำหนิอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าไร้มารยาทที่ไปตอบโต้สมเด็จฮุนเซน ที่มีอาวุโสกว่า และถือเป็นการไม่เคารพสิทธิของกัมพูชา ซึ่งข้อกล่าวหาที่เครือข่ายทักษิณ ซัดเข้าหานายกฯ อภิสิทธิ์นั้น สะท้อนกลับไปทิ่มแทงพวกเขาเองทันที เพราะคนที่ถูกตราหน้าจากวงการทูตว่าไร้มารยาทและไม่เคารพสิทธิของประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นสมเด็จฮุนเซนมากกว่า
ที่สำคัญคือการนำ ทักษิณ ชินวัตร ไปเปรียบเทียบกับอองซาน ซูจี นั้น สร้างความตลกขบขันในแวดวงผู้ติดตามการเมืองระหว่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจากกลุ่มนักศึกษาพม่าที่เคยร่วมต่อสู้กับนางอองซานได้ออกมาสวนทันทีว่า คนอย่างทักษิณอย่าเอามาเทียบกับผู้นำต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของพวกเขาเด็ดขาด เพราะอย่างน้อยๆ อองซานซูจีก็ไม่หนีออกนอกประเทศ
ยิ่งไปกว่านั้น สมัยที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ คู่ค้าตัวสำคัญของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าก็คือตัวเขาเอง และไม่เคยแสดงท่าทีสนับสนุนนางอองซานเลยสักครั้ง
แผนหลอกใช้ฮุนเซนจึงล้มเหลวไม่เป็นท่า ที่สำคัญการเดินแผนใช้ประเทศเพื่อนบ้านมากดดันรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ โดยใช้กัมพูชาเป็นตัวเปิดเกม ทำให้ทักษิณ ชินวัตร ต้องรับข้อหา “ชักศึกเข้าบ้าน” ไปเต็มๆ อย่างชนิดที่แก้ตัวไม่ออก
การที่ พล.อ.ชวลิต จะเดินเกมต่อ ด้วยการไปเยือนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอันดับถัดไปคือมาเลเซีย โดยจะนำประเด็นปัญหาขัดแย้งระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านไปขยายความเพื่อสร้างแรงกดดันรัฐบาลไทยนั้น ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งต้องรับข้อหาหนักเข้าไปอีก จะเรียกว่า “ทรยศชาติ”คงไม่เกินไปนัก
การเดินหมากรอบนี้ ของทักษิณ ที่เริ่มจากการรุกเร็ว แต่ด้วยความตะกละตะกราม ไม่สนใจความถูกความผิด จึงต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ และเผชิญข้อหาที่หนักยิ่งกว่าเดิม