นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร ยังคงหนีคุกอยู่ที่ดูไบ แต่ก็มีเรื่องให้ต้องวิพากษ์วิจารณ์จนได้ว่า ถ้าหากเขาตัดสินใจออกจากดูไบมาอาศัยฮุนเซน อยู่ที่กัมพูชา ซึ่งว่ากันว่า ฮุนเซน เพื่อนชั่วนิรันดรของเขาปลูกบ้านหลังงามไว้ให้แล้วจะเป็นอย่างไร?
ปัญหาเกิดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ชะอำ และหัวหินไม่กี่วัน โดยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตรองนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ซึ่งเพิ่งเข้าสังกัดพรรคการเมืองที่มีหัวหน้าพรรคตัวจริงอยู่ที่ดูไบ เดินทางไปเยือนกัมพูชาตามคำสั่งของทักษิณ ครั้นกลับถึงประเทศไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็ให้สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จในการเข้าพบฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา 3 ประการ
1. ปัญหาข้อขัดแย้งตามชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะกรณีเขาพระวิหาร พล.อ.ชวลิต บอกว่า กัมพูชาไม่ต้องการให้เผชิญหน้าของทหารทั้งสองฝ่าย ฟังดูแล้วชื่นใจ พล.อ.ชวลิตว่ายังงั้น
2. สิทธิในการค้นหาบ่อน้ำมัน ก๊าซในทะเล กัมพูชายังไม่ได้ให้ใคร
3. ความสัมพันธ์ของฮุนเซนกับอดีตนายกฯ (ทักษิณ) เขาพูดชัดเจนว่า มีความสัมพันธ์ตั้งแต่ทักษิณยังทำธุรกิจ ยังมีความเป็นเพื่อนตลอดกาล ภริยาฮุนเซนถึงกับร้องไห้เมื่อทราบชะตากรรมทักษิณ นอกจากนี้ ฮุนเซนยังเตรียมบ้านไว้ให้ทักษิณพำนัก
นี่เป็นปากคำจากพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
พลเอกแห่งกองทัพไทย เป็นพลเอกที่เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เคยเป็นนายกรัฐมนตรี และลดตัวลงไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี
บัดนี้เข้าสังกัดพรรคการเมืองที่รู้ทั้งรู้ว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง สั่งการทุกอย่างมาจากดูไบ
และรู้อีกว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุกทักษิณ 2 ปี
เป็นคดีอาญา ไม่ใช่คดีการเมือง
ฮุนเซนกับเมียเขาไม่รู้นั่นช่างเถอะ เพราะเขาอยู่พนมเปญโน่น ทั้งสองผัวเมียคู่นี้ก็ไม่ใช่ผู้ใฝ่หาสัจจะ นอกจากใฝ่หาแต่อำนาจ มัวเมาอยู่กับอำนาจ
เพราะฉะนั้นเมื่อพล.อ.ชวลิตนำเรื่องนี้มาเปิดเผย ผู้คนก็สงสัยว่า กงการอะไรของพล.อ.ชวลิตไปเจรจากับฮุนเซน มันจะได้ประโยชน์อะไร นอกจากประโยชน์ของทักษิณเท่านั้น คือ บอกให้ชาวบ้านทั่วไปรู้ว่า จะชั่วจะดีอย่างไร เป็นนักโทษของแผ่นดินต้องหนีหัวซุกหัวซุนขนาดไหน ทักษิณก็ยังมีเพื่อนอยู่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และพร้อมที่จะให้ที่พักพิง
นายทหารอดีตพลเอก อดีตผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ชื่อ ชวลิต ยงใจยุทธ ตกต่ำขนาดนี้หรือ?
น่าเวทนานัก!
แล้วก็ถึงวันประชุมอาเซียน ฮุนเซนเป็นหนึ่งในจำนวนผู้นำที่มาช้า เพราะติดภารกิจรับแขกบ้านแขกเมืองจากเกาหลี ครั้นมาถึงประเทศไทยเขาก็ให้สัมภาษณ์นักข่าวเป็นฉากๆ เพราะข่าวที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เอามาพูดนั้นมันเหยียบย่ำหัวใจคนไทยอยู่แล้ว
ฮุนเซน ก็บอกว่า เขาเป็นเพื่อนของทักษิณ เขาก็ต้องรักเพื่อน ให้ที่พักพิงเพื่อน และจะไม่ส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะคดีของทักษิณไม่ใช่คดีอื่น นอกจากคดีการเมือง และทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม อันเนื่องมาจากการรัฐประหาร 19 กันยายน โน่น
ฮุนเซนบอกว่า จะนำเรื่องทักษิณพูดในที่ประชุม “พูดเรื่องอองซาน ซูจี ได้ ทำไมจะพูดเรื่องทักษิณไม่ได้” ฟังมันพูดเข้าซิ!
หลังจากการให้สัมภาษณ์ของฮุนเซนไม่นานนัก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทยก็ให้สัมภาษณ์บ้าง
นายอภิสิทธิ์พูดนิ่มๆ ว่า ไม่ทราบว่ามีกี่คนในโลกที่คิดว่า กรณีของอองซาน ซูจี เหมือนกับเรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ ผมเห็นว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีอาวุโส อย่าไปเป็นเหยื่อ หรือเบี้ยให้ใครเลย และ
ต้องถามว่าที่ท่านเดินทางมาประชุมเพื่ออะไร สิ่งที่พูดและแสดงออกสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการเดินทางมาหรือไม่
คำพูดของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่พูดเพื่อรักษาเกียรติยศของประเทศ ถูกสื่อมวลชนบางฉบับมองว่า ตกเป็นเหยื่อของฮุนเซน หรือบอกว่า ในฐานะเจ้าภาพการประชุม ไม่ควรที่จะไปตอบโต้
ก็อีกนั่นแหละ ถ้าหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปิดปากในเรื่องนี้ พวกเขาก็ต้องหาเรื่องออกมาโจมตีจนได้นั่นแหละว่า แหย กลัวฮุนเซน ปล่อยให้เขมรมันข่มขู่ คุกคาม แม้กระทั่งในบ้านเรา ไม่มีภาวะผู้นำเอาเสียเลย...
นั่นก็แล้วแต่จะสรรหาเรื่องมาวิพากษ์วิจารณ์ บ่อนเซาะให้เสียหาย
เอาเป็นว่าที่ตอบโต้ไปบ้างแล้ว ดีแล้ว สุภาพแล้ว แต่ยังไม่พอ
การประชุมอาเซียนเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกันอีกแล้ว ถามฮุนเซนให้ชัดว่าจะเอาอย่างไร จะเอาความเป็นเพื่อน หรือเอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาจะเอาอย่างไร
อย่าไปเชื่อ จิ๋ว หวานจ๋อย หมดราคาไปนานแล้ว ยังมีหน้ามาแสดงความชื่นใจกับท่าทีของกุ๊ยอย่างฮุนเซน ที่บอกว่าไม่อยากให้ทหารของสองประเทศเผชิญหน้ากัน
แล้วหมาที่ไหนมันมายึดครองเอาที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรของเราเวลานี้?
ปัญหาเกิดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ชะอำ และหัวหินไม่กี่วัน โดยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตรองนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ซึ่งเพิ่งเข้าสังกัดพรรคการเมืองที่มีหัวหน้าพรรคตัวจริงอยู่ที่ดูไบ เดินทางไปเยือนกัมพูชาตามคำสั่งของทักษิณ ครั้นกลับถึงประเทศไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็ให้สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จในการเข้าพบฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา 3 ประการ
1. ปัญหาข้อขัดแย้งตามชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะกรณีเขาพระวิหาร พล.อ.ชวลิต บอกว่า กัมพูชาไม่ต้องการให้เผชิญหน้าของทหารทั้งสองฝ่าย ฟังดูแล้วชื่นใจ พล.อ.ชวลิตว่ายังงั้น
2. สิทธิในการค้นหาบ่อน้ำมัน ก๊าซในทะเล กัมพูชายังไม่ได้ให้ใคร
3. ความสัมพันธ์ของฮุนเซนกับอดีตนายกฯ (ทักษิณ) เขาพูดชัดเจนว่า มีความสัมพันธ์ตั้งแต่ทักษิณยังทำธุรกิจ ยังมีความเป็นเพื่อนตลอดกาล ภริยาฮุนเซนถึงกับร้องไห้เมื่อทราบชะตากรรมทักษิณ นอกจากนี้ ฮุนเซนยังเตรียมบ้านไว้ให้ทักษิณพำนัก
นี่เป็นปากคำจากพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
พลเอกแห่งกองทัพไทย เป็นพลเอกที่เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เคยเป็นนายกรัฐมนตรี และลดตัวลงไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี
บัดนี้เข้าสังกัดพรรคการเมืองที่รู้ทั้งรู้ว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง สั่งการทุกอย่างมาจากดูไบ
และรู้อีกว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุกทักษิณ 2 ปี
เป็นคดีอาญา ไม่ใช่คดีการเมือง
ฮุนเซนกับเมียเขาไม่รู้นั่นช่างเถอะ เพราะเขาอยู่พนมเปญโน่น ทั้งสองผัวเมียคู่นี้ก็ไม่ใช่ผู้ใฝ่หาสัจจะ นอกจากใฝ่หาแต่อำนาจ มัวเมาอยู่กับอำนาจ
เพราะฉะนั้นเมื่อพล.อ.ชวลิตนำเรื่องนี้มาเปิดเผย ผู้คนก็สงสัยว่า กงการอะไรของพล.อ.ชวลิตไปเจรจากับฮุนเซน มันจะได้ประโยชน์อะไร นอกจากประโยชน์ของทักษิณเท่านั้น คือ บอกให้ชาวบ้านทั่วไปรู้ว่า จะชั่วจะดีอย่างไร เป็นนักโทษของแผ่นดินต้องหนีหัวซุกหัวซุนขนาดไหน ทักษิณก็ยังมีเพื่อนอยู่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และพร้อมที่จะให้ที่พักพิง
นายทหารอดีตพลเอก อดีตผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ชื่อ ชวลิต ยงใจยุทธ ตกต่ำขนาดนี้หรือ?
น่าเวทนานัก!
แล้วก็ถึงวันประชุมอาเซียน ฮุนเซนเป็นหนึ่งในจำนวนผู้นำที่มาช้า เพราะติดภารกิจรับแขกบ้านแขกเมืองจากเกาหลี ครั้นมาถึงประเทศไทยเขาก็ให้สัมภาษณ์นักข่าวเป็นฉากๆ เพราะข่าวที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เอามาพูดนั้นมันเหยียบย่ำหัวใจคนไทยอยู่แล้ว
ฮุนเซน ก็บอกว่า เขาเป็นเพื่อนของทักษิณ เขาก็ต้องรักเพื่อน ให้ที่พักพิงเพื่อน และจะไม่ส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะคดีของทักษิณไม่ใช่คดีอื่น นอกจากคดีการเมือง และทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม อันเนื่องมาจากการรัฐประหาร 19 กันยายน โน่น
ฮุนเซนบอกว่า จะนำเรื่องทักษิณพูดในที่ประชุม “พูดเรื่องอองซาน ซูจี ได้ ทำไมจะพูดเรื่องทักษิณไม่ได้” ฟังมันพูดเข้าซิ!
หลังจากการให้สัมภาษณ์ของฮุนเซนไม่นานนัก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทยก็ให้สัมภาษณ์บ้าง
นายอภิสิทธิ์พูดนิ่มๆ ว่า ไม่ทราบว่ามีกี่คนในโลกที่คิดว่า กรณีของอองซาน ซูจี เหมือนกับเรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ ผมเห็นว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีอาวุโส อย่าไปเป็นเหยื่อ หรือเบี้ยให้ใครเลย และ
ต้องถามว่าที่ท่านเดินทางมาประชุมเพื่ออะไร สิ่งที่พูดและแสดงออกสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการเดินทางมาหรือไม่
คำพูดของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่พูดเพื่อรักษาเกียรติยศของประเทศ ถูกสื่อมวลชนบางฉบับมองว่า ตกเป็นเหยื่อของฮุนเซน หรือบอกว่า ในฐานะเจ้าภาพการประชุม ไม่ควรที่จะไปตอบโต้
ก็อีกนั่นแหละ ถ้าหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปิดปากในเรื่องนี้ พวกเขาก็ต้องหาเรื่องออกมาโจมตีจนได้นั่นแหละว่า แหย กลัวฮุนเซน ปล่อยให้เขมรมันข่มขู่ คุกคาม แม้กระทั่งในบ้านเรา ไม่มีภาวะผู้นำเอาเสียเลย...
นั่นก็แล้วแต่จะสรรหาเรื่องมาวิพากษ์วิจารณ์ บ่อนเซาะให้เสียหาย
เอาเป็นว่าที่ตอบโต้ไปบ้างแล้ว ดีแล้ว สุภาพแล้ว แต่ยังไม่พอ
การประชุมอาเซียนเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกันอีกแล้ว ถามฮุนเซนให้ชัดว่าจะเอาอย่างไร จะเอาความเป็นเพื่อน หรือเอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาจะเอาอย่างไร
อย่าไปเชื่อ จิ๋ว หวานจ๋อย หมดราคาไปนานแล้ว ยังมีหน้ามาแสดงความชื่นใจกับท่าทีของกุ๊ยอย่างฮุนเซน ที่บอกว่าไม่อยากให้ทหารของสองประเทศเผชิญหน้ากัน
แล้วหมาที่ไหนมันมายึดครองเอาที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรของเราเวลานี้?
