สับ “เป็ดเหลิม-ไอ้ตู่” ทาสเงิน “นช.แม้ว” ใช้เวทีสภาสร้างผลงานเอาใจนาย ถึงขั้นกล้าพูดพาดพิงถึง “ป๋า” เย้ยทั้งคู่เป็นแค่พวกพูดเอามันในสภาแต่หาสาระไม่ได้ แฉ “นช.แม้ว” หวังจุดชนวนถอดยศ-ยึดคืนเครื่องราชฯ และแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นจุดเปลี่ยนระบอบปกครองประเทศไทย เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อยอมตกเป็นเครื่องมือ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนในข่าว”
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2552 โดยมี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายประพันธ์ คูณมี ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ มาพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ บรรยากาศการประชุมสภา ที่วันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.เพื่อไทย และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่ตั้งกระทู้ถามในสภาอย่างไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นกรณีส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน หรือจะเป็นการถอดยศและยึดคืนเครืองราชฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ยังมีสอดแทรกพูดกล่าวพาดพิงถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กลางที่ประชุมสภาด้วย
นายเติมศักดิ์กล่าวเปิดประเด็นแรกที่ ร.ต.อ.เฉลิม ตั้งกระทู้ถามในสภา กรณีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยถึงระบุว่า ทางกัมพูชามีสิทธิ์ไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้ เพราะเป็นคดีทางการเมือง อีกทั้ง ยังไม่ได้เป็นบุคคลที่กระทำการทุจริต ทั้งยังอ้างว่า คดีที่ดินรัชดาฯ ถูกตัดสินเพียงศาลเดียว ถือว่าไม่ยุติธรรมต่อตัวผู้ถูกกล่าวหา
นายประพันธ์กล่าวว่า การตั้งกระทู้ถามในสภาของ ร.ต.อ.เฉลิม ทำให้คนไม่ค่อยอยากศรัทธาผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นมีความเชี่ยวชาญด้านกฏหมาย เพราะสิ่งที่พูดถือเป็นความจริงที่ถูกเปิดเผยเพียงครึ่งเดียว ทั้งที่ความจริง กรณีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมีข้อยกเว้น คือ ต้องเป็นคดีทางการเมือง ซึ่งผู้ตกเป็นเหยื่อร้องขอเนื่องจากมีอันตรายต่อชีวิต เช่นเดียวกับคดีนายราเกซ สักเสนา ที่พยายามอ้างเรื่องคดีการเมือง เพื่อเบี่ยงประเด็นไม่ยอมกลับมารับโทษในประเทศไทย ดังนั้น คดี พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นได้ชัดว่าเป็นคดีอาญา เพราะถ้าหากเป็นคดีทางการเมืองจริง ทำไมที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่ทำเรื่องขอลี้ภัยหรือร้องขอว่าตัวเองไม่ได้รับความธรรม กลับตั้งหน้าตั้งตาหลบหนี ไม่ยอมกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินให้จำคุก 2 ปี ในคดีซื้อขายที่ดินรัชดาฯ มิชอบ จึงเป็นคดีอาญาแน่นอน
นายประพันธ์กล่าวว่า สิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม พูดถือเป็นเรื่องไร้สาระที่ฟังไม่ขึ้น แท้จริงแล้วสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ผู้ที่ทำสนธิสัญญาร่วมกันต้องปฏิบัติตาม เหมือนที่ทางกัมพูชาเคยขอให้ทางการไทยส่งตัวผู้ร้ายที่มากลบดานในไทย ทางการไทยก็ส่งกลับไปให้ ดังนั้น กัมพูชาควรทำตามข้อตกลงในสนธิสัญญา
นายวัชระกล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม แค่ต้องการสร้างผลงานในสภาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็น ตนให้ราคาแค่เป็นการพูดเพื่อความมันส์ แต่ไม่ได้สาระ เพียงแค่ต้องการสร้างภาพให้อดีตนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ตัวเองยังทำหน้าที่เป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนได้อยู่ สำหรับตนแล้วการอภิปรายในสภา เป็นการเล่นละครให้ประชาชนได้สนุกสนานเฮฮากันเท่านั้น
นายประพันธ์กล่าวว่า ประเด็นนี้ต้องแยกออกจากกันให้ชัดเจน ทั้งเรื่องการถอดยศและการขออภัยโทษ ซึ่งปัญหาการถอดยศ ที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำมาโจมตีรัฐบาล ตนเห็นว่าเรื่องนี้ฝ่ายที่ต้องโดนตำหนิคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในสมัยที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ดังนั้น รัฐบาลทำตามกฏระเบียบที่ระบุไว้นานแล้ว ไม่ได้กลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด ตัวอดีตนายกรัฐมนตรีต่างหากที่สมควรกลับมารับโทษ และทำตัวอยู่ภายใต้กรอบกฏหมาย ไม่ใช่คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาจะทำอะไรก็ได้
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ที่ถูกโยงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตนถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน เนื่องจากการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษนั้น ไม่เข้าตามหลักที่ดำเนินการได้อยู่แล้ว ซึ่งตามกระบวนการที่ถูกต้อง คนที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ ต้องเป็นผู้ที่สำนึกในความผิด และยอมรับโทษที่ตัวเองก่อไว้ก่อน ฉะนั้น การที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาปลุกปั่นผู้คน ด้วยการบิดเบือนความจริง ตนคิดว่าเป็นการพูดเอาสีข้างเข้าถู เพื่อหาเรื่องป่วนบ้านเมือง ทำร้ายประเทศ
นายวัชระกล่าวว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการใช้สถานการณ์มาปลุกปั่นกระแส ทั้งที่ไม่ได้มีพื้นฐานความจริงประกิบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถอดยศหรือเครื่องยึดคืนเครื่องราชฯ มาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยกลุ่มคนพวกนี้ หวังจะทวงเงิน 76,000 ล้านบาท ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดคืน และหลวงตามหาบัวเคยพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากจะกลับมาเป็นประธานาธิบดี
นายประพันธ์กล่าวว่า การบิดเบือนของ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อ เป็นการกระทำที่ไม่หวังดีกับประชาชนและประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง ตนอยากให้เปิดใจรับฟังความจริงที่เกิดขึ้น อย่าหลงเชื่อข้อมูลฝ่ายเดียว เรื่องที่มีการจุดกระแสว่าถอดยศและปลดเครื่องราชฯ เพื่อกลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าอยากจะรู้ว่ากลั่นแกล้งเป็นอย่างไร ควรไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ดีกว่าว่าตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรี เคยสั่งปลดหรือย้ายข้าราชการที่ไม่สวามิภักดิ์ตนไปเท่าไหร่
นายเติมศักดิ์กล่าวว่า สำหรับคำพูดของนายจตุพรเรื่องโทษรัฐบาลว่าขังใบฎีกาคนเสื้อแดง เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อที่บิดเบือนความจริง เพื่อหวังผลบางอย่าง นายวัชระ กล่าวประเด็นนี้ว่า นอกจาก นายจตุพร จะโทษรัฐบาลแบบไม่มีข้อมูลแล้ว ยังได้หาทางพูดพาดพิง พล.อ.เปรม ในสภาด้วย ซึ่งขณะนั้น พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ได้ทำหน้าที่ประธานสภา แทนนายชัย ชิดชอบ โดย พ.อ.อภิวันท์ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าทำหน้าที่เมื่อไหร่ ก็จะเข้าข้าง ส.ส.พรรคเพื่อไทยเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เมื่อตนได้ยิน นายจตุพร พาดพิงถึง พล.อ.เปรม ก็ลุกขึ้นทวงติงว่าไม่เหมาะสมที่จะนำมากล่าวในสภา แต่นายจตุพร ก็ยังไม่หยุด ส่วนทางด้าน พ.อ.อภิวันท์ ก็ตัดบทไม่ยอมให้ตนพูด ทั้งยังเชิญออกนอกห้องประชุม
นายวัชระกล่าวว่า ที่ผ่านมานายจตุพรพยายามจะพูดพาดพิง พล.อ.เปรม ในสภามาแล้วหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ต้องการทำให้ผู้อื่นรู้ว่าไม่เอาองคมนตรี นายจตุพร ชอบทำตัวให้กลุ่มคนเสื้อแดงเกลียดชัง พล.อ.เปรม อีกทั้ง ยังมีการกล่าวถึงเรื่องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งไม่บังควรอย่างยิ่ง ที่จะใช้ที่ประชุมสภาเป็นเวทีใส่ร้ายป้ายสีสถาบัน ยิ่งในช่วงที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวร ตนอยากให้ทุกฝ่ายไม่ควรจะโน้มท่านเข้ามายุ่งเกี่ยว
นายประพันธ์กล่าวว่า ตนต้องบอกตรงๆกับประชาชนว่า ทุกคนส่วนใหญ่เสื่อมศรัทธากับบรรยากาศการประชุมในสภาของประเทศไทย เพราะเท่าที่ดู ไม่ได้เป็นการถกเถียงกันเพื่อช่วยหาหนทางแก้ไขปัญหาให้บ้านเมือง มีแต่ภาพ ส.ส. ที่ตะแบงด่าทอกัน หรือโยงการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวเพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงพฤติกรรมเพื่อเป็นใบปลิวนำไปเบิกเงิน
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีตั้งแต่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในระบุไว้อย่างชัดเจน ว่า ต้องเป็นผู้สืบราชสมบัติ แต่กลุ่มคนเสื้อแดงไปปั่นข่าวว่า พล.อ.เปรม จะได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างนึงที่แกนนำคนเสื้อแดงพูดไม่จริง แต่สิ่งที่น่าห่วงมากกว่านี้ คนพวกนี้ไม่ได้ต้องการแค่ล้มรัฐบาล หรือเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ปี 2540 รวมทั้งดิสเครดิต พล.อ.เปรม แต่ต้องการเสี้ยมให้เกิดความเข้าใจผิด และความขัดแย่ง เพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความเปลี่ยนแปลงระบอบปกครองประเทศ
นายวัชระกล่าวปิดท้ายว่า วันนี้ได้รับทราบว่ามีการตั้งชื่อให้อดีตนายกรัฐมนตรีเป็น ทักษิณมหาราษฎร ซึ่งตนว่าไม่ควร ที่ถูกน่าจะเป็นทักษิณมหาลาดยาว นั่นคือคุก โดยการกระทำ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้คนไทยต้องเลือกว่า ประเทศไทยต้องการอะไรระหว่างถูกปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือต้องการรัฐไทยใหม่ ถ้าหากต้องการระบอบที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ก็ต้องไม่หลงเชื่อคนพวกนี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนในข่าว”
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2552 โดยมี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายประพันธ์ คูณมี ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ มาพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ บรรยากาศการประชุมสภา ที่วันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.เพื่อไทย และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่ตั้งกระทู้ถามในสภาอย่างไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นกรณีส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน หรือจะเป็นการถอดยศและยึดคืนเครืองราชฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ยังมีสอดแทรกพูดกล่าวพาดพิงถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กลางที่ประชุมสภาด้วย
นายเติมศักดิ์กล่าวเปิดประเด็นแรกที่ ร.ต.อ.เฉลิม ตั้งกระทู้ถามในสภา กรณีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยถึงระบุว่า ทางกัมพูชามีสิทธิ์ไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้ เพราะเป็นคดีทางการเมือง อีกทั้ง ยังไม่ได้เป็นบุคคลที่กระทำการทุจริต ทั้งยังอ้างว่า คดีที่ดินรัชดาฯ ถูกตัดสินเพียงศาลเดียว ถือว่าไม่ยุติธรรมต่อตัวผู้ถูกกล่าวหา
นายประพันธ์กล่าวว่า การตั้งกระทู้ถามในสภาของ ร.ต.อ.เฉลิม ทำให้คนไม่ค่อยอยากศรัทธาผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นมีความเชี่ยวชาญด้านกฏหมาย เพราะสิ่งที่พูดถือเป็นความจริงที่ถูกเปิดเผยเพียงครึ่งเดียว ทั้งที่ความจริง กรณีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมีข้อยกเว้น คือ ต้องเป็นคดีทางการเมือง ซึ่งผู้ตกเป็นเหยื่อร้องขอเนื่องจากมีอันตรายต่อชีวิต เช่นเดียวกับคดีนายราเกซ สักเสนา ที่พยายามอ้างเรื่องคดีการเมือง เพื่อเบี่ยงประเด็นไม่ยอมกลับมารับโทษในประเทศไทย ดังนั้น คดี พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นได้ชัดว่าเป็นคดีอาญา เพราะถ้าหากเป็นคดีทางการเมืองจริง ทำไมที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่ทำเรื่องขอลี้ภัยหรือร้องขอว่าตัวเองไม่ได้รับความธรรม กลับตั้งหน้าตั้งตาหลบหนี ไม่ยอมกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินให้จำคุก 2 ปี ในคดีซื้อขายที่ดินรัชดาฯ มิชอบ จึงเป็นคดีอาญาแน่นอน
นายประพันธ์กล่าวว่า สิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม พูดถือเป็นเรื่องไร้สาระที่ฟังไม่ขึ้น แท้จริงแล้วสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ผู้ที่ทำสนธิสัญญาร่วมกันต้องปฏิบัติตาม เหมือนที่ทางกัมพูชาเคยขอให้ทางการไทยส่งตัวผู้ร้ายที่มากลบดานในไทย ทางการไทยก็ส่งกลับไปให้ ดังนั้น กัมพูชาควรทำตามข้อตกลงในสนธิสัญญา
นายวัชระกล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม แค่ต้องการสร้างผลงานในสภาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็น ตนให้ราคาแค่เป็นการพูดเพื่อความมันส์ แต่ไม่ได้สาระ เพียงแค่ต้องการสร้างภาพให้อดีตนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ตัวเองยังทำหน้าที่เป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนได้อยู่ สำหรับตนแล้วการอภิปรายในสภา เป็นการเล่นละครให้ประชาชนได้สนุกสนานเฮฮากันเท่านั้น
นายประพันธ์กล่าวว่า ประเด็นนี้ต้องแยกออกจากกันให้ชัดเจน ทั้งเรื่องการถอดยศและการขออภัยโทษ ซึ่งปัญหาการถอดยศ ที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำมาโจมตีรัฐบาล ตนเห็นว่าเรื่องนี้ฝ่ายที่ต้องโดนตำหนิคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในสมัยที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ดังนั้น รัฐบาลทำตามกฏระเบียบที่ระบุไว้นานแล้ว ไม่ได้กลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด ตัวอดีตนายกรัฐมนตรีต่างหากที่สมควรกลับมารับโทษ และทำตัวอยู่ภายใต้กรอบกฏหมาย ไม่ใช่คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาจะทำอะไรก็ได้
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ที่ถูกโยงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตนถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน เนื่องจากการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษนั้น ไม่เข้าตามหลักที่ดำเนินการได้อยู่แล้ว ซึ่งตามกระบวนการที่ถูกต้อง คนที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ ต้องเป็นผู้ที่สำนึกในความผิด และยอมรับโทษที่ตัวเองก่อไว้ก่อน ฉะนั้น การที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาปลุกปั่นผู้คน ด้วยการบิดเบือนความจริง ตนคิดว่าเป็นการพูดเอาสีข้างเข้าถู เพื่อหาเรื่องป่วนบ้านเมือง ทำร้ายประเทศ
นายวัชระกล่าวว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการใช้สถานการณ์มาปลุกปั่นกระแส ทั้งที่ไม่ได้มีพื้นฐานความจริงประกิบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถอดยศหรือเครื่องยึดคืนเครื่องราชฯ มาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยกลุ่มคนพวกนี้ หวังจะทวงเงิน 76,000 ล้านบาท ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดคืน และหลวงตามหาบัวเคยพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากจะกลับมาเป็นประธานาธิบดี
นายประพันธ์กล่าวว่า การบิดเบือนของ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อ เป็นการกระทำที่ไม่หวังดีกับประชาชนและประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง ตนอยากให้เปิดใจรับฟังความจริงที่เกิดขึ้น อย่าหลงเชื่อข้อมูลฝ่ายเดียว เรื่องที่มีการจุดกระแสว่าถอดยศและปลดเครื่องราชฯ เพื่อกลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าอยากจะรู้ว่ากลั่นแกล้งเป็นอย่างไร ควรไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ดีกว่าว่าตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรี เคยสั่งปลดหรือย้ายข้าราชการที่ไม่สวามิภักดิ์ตนไปเท่าไหร่
นายเติมศักดิ์กล่าวว่า สำหรับคำพูดของนายจตุพรเรื่องโทษรัฐบาลว่าขังใบฎีกาคนเสื้อแดง เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อที่บิดเบือนความจริง เพื่อหวังผลบางอย่าง นายวัชระ กล่าวประเด็นนี้ว่า นอกจาก นายจตุพร จะโทษรัฐบาลแบบไม่มีข้อมูลแล้ว ยังได้หาทางพูดพาดพิง พล.อ.เปรม ในสภาด้วย ซึ่งขณะนั้น พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ได้ทำหน้าที่ประธานสภา แทนนายชัย ชิดชอบ โดย พ.อ.อภิวันท์ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าทำหน้าที่เมื่อไหร่ ก็จะเข้าข้าง ส.ส.พรรคเพื่อไทยเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เมื่อตนได้ยิน นายจตุพร พาดพิงถึง พล.อ.เปรม ก็ลุกขึ้นทวงติงว่าไม่เหมาะสมที่จะนำมากล่าวในสภา แต่นายจตุพร ก็ยังไม่หยุด ส่วนทางด้าน พ.อ.อภิวันท์ ก็ตัดบทไม่ยอมให้ตนพูด ทั้งยังเชิญออกนอกห้องประชุม
นายวัชระกล่าวว่า ที่ผ่านมานายจตุพรพยายามจะพูดพาดพิง พล.อ.เปรม ในสภามาแล้วหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ต้องการทำให้ผู้อื่นรู้ว่าไม่เอาองคมนตรี นายจตุพร ชอบทำตัวให้กลุ่มคนเสื้อแดงเกลียดชัง พล.อ.เปรม อีกทั้ง ยังมีการกล่าวถึงเรื่องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งไม่บังควรอย่างยิ่ง ที่จะใช้ที่ประชุมสภาเป็นเวทีใส่ร้ายป้ายสีสถาบัน ยิ่งในช่วงที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวร ตนอยากให้ทุกฝ่ายไม่ควรจะโน้มท่านเข้ามายุ่งเกี่ยว
นายประพันธ์กล่าวว่า ตนต้องบอกตรงๆกับประชาชนว่า ทุกคนส่วนใหญ่เสื่อมศรัทธากับบรรยากาศการประชุมในสภาของประเทศไทย เพราะเท่าที่ดู ไม่ได้เป็นการถกเถียงกันเพื่อช่วยหาหนทางแก้ไขปัญหาให้บ้านเมือง มีแต่ภาพ ส.ส. ที่ตะแบงด่าทอกัน หรือโยงการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวเพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงพฤติกรรมเพื่อเป็นใบปลิวนำไปเบิกเงิน
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีตั้งแต่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในระบุไว้อย่างชัดเจน ว่า ต้องเป็นผู้สืบราชสมบัติ แต่กลุ่มคนเสื้อแดงไปปั่นข่าวว่า พล.อ.เปรม จะได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างนึงที่แกนนำคนเสื้อแดงพูดไม่จริง แต่สิ่งที่น่าห่วงมากกว่านี้ คนพวกนี้ไม่ได้ต้องการแค่ล้มรัฐบาล หรือเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ปี 2540 รวมทั้งดิสเครดิต พล.อ.เปรม แต่ต้องการเสี้ยมให้เกิดความเข้าใจผิด และความขัดแย่ง เพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความเปลี่ยนแปลงระบอบปกครองประเทศ
นายวัชระกล่าวปิดท้ายว่า วันนี้ได้รับทราบว่ามีการตั้งชื่อให้อดีตนายกรัฐมนตรีเป็น ทักษิณมหาราษฎร ซึ่งตนว่าไม่ควร ที่ถูกน่าจะเป็นทักษิณมหาลาดยาว นั่นคือคุก โดยการกระทำ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้คนไทยต้องเลือกว่า ประเทศไทยต้องการอะไรระหว่างถูกปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือต้องการรัฐไทยใหม่ ถ้าหากต้องการระบอบที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ก็ต้องไม่หลงเชื่อคนพวกนี้