xs
xsm
sm
md
lg

แฉไพ่ใบสุดท้าย “นช.แม้ว”ขายชาติ ยั่ว “มาร์ค”ทำสงครามเขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อัษฎา ชัยนาม
อดีตนักการทูต-นักวิชาการประสานเสียงชี้ “แม้ว”กอดคอ “ฮุนเซน”เพราะสมประโยชน์เฉพาะหน้า คาดนักโทษหนีคดีจากไทยเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอรวมหัวป่วนชาติ ล้มรัฐบาล ปชป.หวังเอาเงิน 7.6หมื่นล้านคืน ระบุกรณีขับเลขาฯ สถานทูต เป็นการท้าตีท้าต่อย ยั่วยุให้ไทยใช้กำลัง ตามเสียงกระซิบของทักษิณ ที่ต้องเปิดเกมรุก เพราะเหลือไพ่ใบสุดท้ายแล้ว กลุ่มบ้านเลขที่ 111 เตือนให้ถอนตัวก็ไม่ฟัง เชื่อหากนายกฯ ยุบสภา พท.แพ้แน่





รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ทางเอเอสทีวี วันที่ 12 พ.ย.52 ดำเนินรายการโดยนายสันติสุข มะโรงศรี ในช่วงสนทนาได้ตั้งประเด็นเรื่อง “ถกแขมร์ รู้ทันทักษิณ” โดยมีนายอัษฎา ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำสหประชาชาติ และนายสุวิชา เป้าอารีย์ อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศษสตร์(นิด้า) เป็นแขกรับเชิญในรายการ

นายอัษฎากล่าวถึงการกระทำของนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้กับทางการไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แล้วไปนั่งแถลงข่าวร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยนำหนังสือไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณดูแล้วหัวเราะเยาะ ทั้งยังกล่าวให้ร้ายผู้นำของไทย ว่า วิธีการแบบนี้ไม่น่าจะเรียกว่าการทูต เป็นการนินทามากกว่า เป็นวิธีที่แสดงให้โลกเห็นว่านายฮุนเซนไม่รู้อะไรเลยในทางการทูต และไม่มีมารยาท เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำ การวิจารณ์นายกฯ ประเทศอื่นในลักษณะที่ไม่ใช่เรื่องทางวิชาการออกทีวีไม่สมควรอย่างยิ่ง

นายอัษฎา กล่าวต่อว่า วิธีการทูตแบบส่วนตัวแบบนี้ จะใช้กันเฉพาะเป็นเรื่องลับเกี่ยวกับความมั่นคง หรือกรณีที่จำเป็นต้องคุยเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีต่อกันเท่านั้น แต่โดยทั่วไปเขาไม่ใช้ เพราะข้าราชการประจำจะไม่รู้เรื่อง และมีข้อเสีย ถ้ามีเจตนาหาประโยชน์ใส่ตัว เช่น กรณีให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้พม่า เรื่องเขาพระวิหาร ที่ไทยเคยมีแนวคิดจะเสนอต่อยูเนสโกเพื่อจดทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกัน แต่ก็มีการขอทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แลกเปลี่ยนกับทางเขมรขอทำถนนผ่านช่องตาเฒ่า ซึ่งหลังจากนั้นไม่รู้เกิดอะไรขึ้น กลายเป็นเขมรเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว และเราก็ไปทำแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนเขา ทั้งที่กรมเอเชียตะวันออกเคยมีความเห็นว่าไม่ควรทำ อย่างเรื่องข้อตกลงทางทะเล ก็มีเรื่องพูดส่วนตัวเหมือนกัน คิดว่านักการเมือง ข้าราชการ ก็น่าจะรู้ข้อมูลด้วย แต่ไม่ได้เผยแพร่ให้ประชาชนรู้ โดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาที่รู้เรื่องดี แต่มีความเข้มแข็งทางด้านจิตใจพอที่จะให้ประชาชนได้รู้หรือเปล่า

ด้านนายสุวิชา กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า เขาทำเพื่อประเทศไทย เพราะการเป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาก็เพื่อช่วยคนเขมรให้มีเศรษฐกิจดีขึ้นจะได้ไม่มาเป็นภาระให้ไทย แต่ความจริงนี่เป็นแค่เกมอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นใกล้ได้เวลาตัดสินแล้ว ถ้าเงินก้อนนี้หลุดไป ตกเป็นของแผ่นดิน ถึง พ.ต.ท.ทักษิณจะยังมีเงินอยู่แต่ก็ไม่มากเท่านี้ ถ้าเป็นการพนันก็เท่ากับว่าเสียเงินก้อนใหญ่ไปในวง เหลือเงินติดตัวนิดเดียว โอกาสจะเอาเงินมาดูกิจการอื่นหรือเพื่อสร้างความปั่นป่วน ล้มรัฐบาล มันจะเสียไปทันที

อีกอย่างเงิน 7 หมื่นล้าน มันเหมือนเค้กก้อนใหญ่ ที่ใช้ล่อคนได้ เขาอาจจะยอมตัดออกไปสัก 2 หมื่นล้านก็ได้ เพื่อรักษาส่วนที่เหลือไว้ เขาจึงดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อก่อให้เกิดความุว่นวาย ที่เขาไปเป็นที่ปรึกษากัมพูชานั้น กลุ่มบ้านเลขที่ 111 (อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากคดียุบพรรค) เห็นว่าทำให้คะแนนตก ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์คะแนนขึ้นทันที จึงเตือนให้ พ.ต.ท.ทักษิณถอนตัว แต่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ถอน เพราะนี่คือไพ่เกือบใบสุดท้ายของเขา

แต่การให้สัมภาษณ์หนังสือพมพ์เดอะไทมส์ คือไพ่ใบสุดท้ายจริงๆ เพราะทำให้ทุกอย่างหายหมด นั่นคือความคิดจริงๆ ของเขา ตอนนี้เขาเริ่มกังวลว่าคนที่อยู่รอบตัวเขา ไม่ว่าแดงกลุ่มไหนก็ตาม จะยังอยู่กับเขาหรือเปล่า เมื่อคะแนนเริ่มตกจากการกระทำบางอย่าง จากการเปิดอะไรที่อยูในกล่องดวงใจของเขาออกมา คนเสื้อแดงที่เคยรายล้อมจะมีกี่คนที่ยังอยู่กับเขา เพราะที่ให้สัมภาษณ์เดอะไทมส์ คือสิ่งที่อยู่ในจิตเบื้องลึกของเขา จะอ้างว่าภาษาอังกฤษไม่แข็งไม่ได้ จบมาขนาดนี้ แล้วเดินทางไปทั่วโลก ในชีวิตประจำวันใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยเสียอีก จะอ้างว่าพูดภาษาอังกฤษไม่แข็ง อ้างว่าไทมส์บิดเบือนนั้นฟังไม่ขึ้น จะเห็นว่าตอนนี้กลุ่มคนเสื้อแดงหลายคนที่ชอบออกมาปกป้องเขา หลายคนนิ่ง อาจเพราะกังวล เพราะประเด็นมันล่อแหลมมาาก คะแนนเขาจะร่วงหรือเปล่า จะมีแต่พวกฮาร์ดคอร์ที่ใกล้ชิดเท่านั้น แต่คนบ้านเลขที่ 111 ตกใจมาก พยายามดึงคะแนนกลับมา เพราะกลัว สมมุติว่าอาทิตย์หน้า นายอภิสิทธิ์ยุบสภา สถานการณ์อย่างนี้พรรคเพื่อไทยแพ้ทันที

นายอัษฎา กล่าวเสริมว่า ถ้าอ้างว่า ภาษาอังกฤษตัวเองไม่ดี ก็พูดไทยแล้วใช้ล่ามแปล ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทษล่ามได้ ซึ่งโดยทั่วไปเขาใช้วิธีนี้เยอะ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ทำ และเชื่อว่าที่ให้สัมภาษณ์ออกมานั้นคงอึดอัด เป็นความรู้สึกที่คิดไว้นานแล้ว คงหลุดออกมาโดยไม่เจตนา แต่ด้วยความอึดอัด เข้าตาจน ถูกซักไปซักมาก็หลุด ซึ่งใครที่คิดเล่นการเมืองในเมืองไทย พูดยังนี้มันไม่ได้

นายอัษฎา กล่าวต่อว่า ที่ พ.ต.ท.ทักษิณมาเล่นกับนายฮุนเซน เพราะนายฮุนเซนพร้อมร่วมมือและคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะชนะ และที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะเดินทางไปพม่า มาเลเซียนั้น เชื่อว่าทั้ง 2 ประเทศจะไม่ทำแบบฮุนเซน พม่านั้นในอดีตเคยให้ พล.อ.สันต์ จิตปฏิมา ที่ปฏิวัติไม่สำเร็จ เข้าไปลี้ภัยแต่ได้ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่ง พล.อ.สันต์ก็ยอมอยู่อย่างสงบจนกระทั่งได้กลับมาเมืองไทย ทั้งนี้ เชื่อว่าพม่ารู้ระเบียบประเพณี และไม่มีความกะล่อนเหมือนเพื่อนบ้านทางขวามือของเรา ส่วนมาเลเซียนั้น เขาก็ฉลาด เขาไม่ทำ เพราะไม่ได้อะไร ขนาด พล.อ.ชวลิตพูดเรื่องนครปัตตานี เขาก็แค่เห็นด้วยว่าจะทำให้คนมุสลิมในไทยมีอำนาจปกครองตัวเองมากขึ้น แต่เขาก็ถือมาตลอดว่าเป็นเรื่องภายในของเรา

นายอัษฎา กล่าวถึงการกระทำของนายฮุนเซนอีกว่า ตนเป็นนักการทูตนึกไม่ถึงว่านายฮุนเซนจะพูดออกมาแบบนี้ ทีแรกนึกว่า เป็นเพราะความไม่มีมารยาท เพราะเป็นทหารป่าตาเดียวก็เลยไม่รู้ ก็พูดออกมาโดยไม่คิดอะร เพื่อยุแหย่แค่นั้น ต่อตอนหลังกลายเป็นเรื่องใหญ่โต เอาพระเจ้าแผ่นดินมาแต่งตั้ง เราไม่รู้ว่าระบบเขาเป็นยังไง แต่โดยสามัญสำนึกเรื่องแค่นี้ไม่ต้องเอาพระมหากษัตริย์มาแต่งตั้งก็ได้ แต่เขาคุมกษัตริย์ได้ เขาสั่งได้ ไม่ได้เทิดทูนเหมือนบ้านเรา

อย่างไรก็ตาม นายอัษฎา เชื่อว่า ของฟรีไม่มีในโลกนี้ เชื่อว่านายฮุนเซนต้องได้รับสิ่งตอบแทนแน่ แต่จะเป็นอะไร เป็นเงินก้อน หรือคำสัญญาในอนาคตที่จะมีเร็วๆ นี้ ก็ต้องคอยติดตามดู แต่โดยสามัญสำนึกแล้ว เชื่อว่านายฮุนเซนต้องได้อะไร เพราะตามประวัติ 2 คนนี้ ไม่ถูกกันเท่าไหร่ ปี 2537 มีความพยายามปฏิวัติในเขมร นายพลซินเซน ได้หนีมาไทย นนังสือพิมพ์ในกัมพูชาบอกว่านายพลคนนี้หนีมาอยู่กับคนชื่อชวลิต และสนิทสนมกันมาก จนสาบานเป็นพี่น้องกันและให้ลูกชายมาอยู่เมืองไทยด้วย การเผาสถานทูตไทยในพนมเปญ ก็เกิดสมัย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ มันมีปัญาบางอย่างของ 2 คนนี้อยู่ การมากอดกันครั้งนี้จึงเป็นผลประโยชน์เฉพาะหน้า ไม่มิตรภาพที่แท้จริง มันมีประโยชน์ที่ลงตัวเฉพาะตอนนี้

นายสุวิชากล่าวว่า ในการเมืองระหว่างประเทศก็ไม่มีมิตแท้ศัตรูถาวรเช่นกัน คนชื่อชวลิตที่เคยนถูกเขมรด่า แต่คนชื่อชวลิตก็เพิ่งเดินทางไปเขมร แล้วทำให้เขมรมีปัญหากับเรา พ.ต.ท.ทักษิณเองตอนสถานทูตไทยถูกเผาก็ไม่พอใจนายฮุนเซน แต่การมาร่วมมือกันคราวนี้เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นฝ่ายเสนอ และนายฮุนเซนกดเครื่องคิดเลขแล้วไม่ขาดทุนจึงยอมร่วมมือ ทั้งนี้ นายฮุนเซนคงคิดว่าหากสร้างความตึงเครียดจนนำไปสู่สงคราม และสร้างความวุ่นวายในประเทศไทย จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล อาจโดยรัฐประหารหรืออะไรก็แล้วแต่ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณได้เงินคืน ถ้านายฮุนเซนไม่ได้ส่วนแบ่งจากเงินก้อนนี้ ก็อาจจะได้จากเงินงบประมาณที่รัฐบาลใหม่ของไทยจะทำอะไรให้ในอนาคต

อีกมุมหนึ่ง นายฮุนเซนไม่พอใจรัฐบาลไทยชุดนี้ กรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุรทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เราสนับสนุนให้เขมรจดมรดกโลก แต่พอมารัฐบาลนายอภิสิทธิ์เราปฏิเสธ ทำให้เเกิดความเสียหายกับนายฮุนเซนที่เอาปราสาทพระวิหารไปหาเสียงตลอด เขาจึงอยากแก้แค้น เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเสนอแผนมา เขาเอาทันที

ทั้งนี้ หากนายพลาด นายฮุนเซนจะเสียอะไร ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ชนะ ถูกยึดทรัพย์ นายฮุนเซนไม่ได้เสียอะไรมากมาย เขาเชื่อว่าประเทศไทยไม่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตแน่นอน เขาคำนวณแล้ว อย่างมากแค่เรียกทูตกลับ ส่วนการแข็งกร้าว การยกเลิกหรือทบทวนสัญญาต่างๆ เขามองอยู่แล้วว่าเราต้องทำ แต่เชื่อว่ายังไงก็ไม่ถึงกับเอาจนตาย เพราะการค้าระหว่างไทยกัมพูชาที่เราได้ดุลมาตลอด มันเป็นหินก้อนโตที่ขวางรัฐบาลไทยไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม เขาจึงคำนวณดูแล้วว่าเขาไม่เสียอะไรมาก

นายอัษฎา กล่าวเสริมว่า เมื่อก่อนเรากับกัมพูชาเวลามีอะไรกระทบกระทั่งกันก็จะตอบโต้ทันที แค่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกฯ ไทย บอกว่าประเทศเพื่อนบ้านข้างๆ เราชอบให้คอมมิวนิสต์เข้ามาอยู่ เจ้าสีหนุโมโหตัดความสัมพันธ์กับเราทันที แต่คราวนี้นายฮุนเซนพูดแรงกว่ามาก เราไม่ค่อยได้ตอบโต้อะไร ทั้งที่ในอดีตที่ผ่านมานั้น ตั้งแต่กัมพูชาได้เอกราชปี 1953 เรามีปัญหาด้านความสัมพันธ์และตอบโต้กันไปมาตลอด

นายอัษฎา กล่าวถึงกรณีล่าสุดที่กัมพูชาสั่งเลขาณุการประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ กลับประเทศภายใน 48 ชั่วโมงว่า ถือเป็นท่าทีที่รุนแรง เราต้องโต้ตอบ ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายด่าเรา แต่กลับมาไล่เจ้าหน้าที่ทูตเรากลับ เพราะเราตั้งรับตลอด ฝ่ายไทยควรรุกบ้าง แต่ไม่ใช่รุกแบบท้าตีท้าต่อย ซึ่งท่าทีกัมพูชาอย่างนี้ถือว่าท้าต่อย อาจเป็นเพราะไม่พอใจที่มีภาคประชาชนไทย ออกมาประท้วงที่หน้าสถานทูตเขา เพราะเขาไม่เข้าใจว่าบ้านเราเป็นประชาธิปไตย ในขณะที่ประเทศเขาไม่มี โดยเฉพาะเรื่องสิทธิมนุษยชนนั้นแย่มาก

นายสุวิชา กล่าวว่า นายฮุนเซนพยายามยั่วยุให้ไทยใช้กำลัง เขามองว่าที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ยังนิ่งอยู่ ไม่เคลื่อนไหวอะไรรุนแรงในทางทหาร ยังใช้แนวทางการทูตมาตลอด ไม่ใช้วิธีการทางทหารเสียที เขาจึงกระตุ้นให้เร็วกว่านี้หน่อย ซึ่งไม่รู้ว่าอาจได้ยินเสียงกระซิบจาก พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ว่า ที่แล้วมามันเบาไป

ด้านนายอัษฎา กล่าวว่า ไม่เข้าใจทหารไทยที่บอกว่า ทางทหารยังคุยกันได้อยู่ ส่วนปัญหาความขัดแย้งเป็นเรื่องของรัฐบาล ทั้งที่ทหารเป็นทหารของชาติ แต่ทหารขณะนี้ไม่รู้ว่าอยู่กับรัฐบาลหรือเป็นทหารของใคร ยังไปเตะฟุตบอลกับทหารฮุนเซนอยู่ ทหารของประเทศไทยต้องอยู่กับรัฐบาลไทย อย่างน้อยควรสงวนท่าที ไม่ใช่บอกว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล ทหารต้องสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ สนับสนุนรัฐบาล ไม่เช่นนั้นนายกฯ ก็ปลดทหารได้ เชื่อว่านี่เป็นการแบ่งแยกแล้วปกครอง คงมีใครไปพูดกับนายฮุนเซนว่า ทหารเราไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นายฮุนเซนก็เลยทดสอบ
ดร.สุวิชา เป้าอารีย์


กำลังโหลดความคิดเห็น